ใกล้กันเข้ามาแล้วกับกิจกรรมจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 ที่กำลังจะถึงในเดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นกิจกรรมแข่งขันฟุตบอลของ 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, โรงเรียนเทพศิรินทร์, โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งก็จะมีกิจกรรมที่เด็กแต่ละโรงเรียนต้องขึ้นแปรอักษรนะวันที่มีการแข่งขัน(ส่วนใหญ่แค่วันเปิดกับวันปิด) โดยเหตุนี้ผมจะเล่าประสบการณ์ที่ผมเคยขึ้นแปรอักษรให้ฟัง
ตอนนั้นผมอยู่ ม.2 ซึ่งโรงเรียนผมเด็กที่จะขึ้นแปรอักษรคือ ม.2-ม.4 ก่อนเริ่มจตุฯก็มีการซ้อม ทั้งเพลงเชียร์และการสลับเพลทแปรอักษร พอถึงวันจริงตอนนั้นก็ตื่นเต้น ตอนขึ้นไปอยู่ที่แสตนคือร้อนมาก และยังอบมากอีกด้วย เพราะนักเรียนเยอะและเบียดกันพอสมควร พออยู่ตรงนั้นเราก็ทำหน้าที่ของเราที่ซ้อมมาแต่ว่าตอนนั้นผมจำได้ว่าผมเวียนหัวก่อน ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไรมาก คิดว่าผมน่าจะหิวข้าวมั้ง เพราะตอนเช้ากินไปน้อย ก็เลยกินขนมปังไป แต่พออีกซักพัก ประมาณ1-2 ชม.ผมเวียนหัวหนักขึ้นเลยๆแล้วน้ำที่เขาให้มาคือน้ำสิงห์ซึ่งสำหรับผมๆว่าน้ำมันเค็มกว่าเจ้าอื่นๆ แต่ว่าตอนนั้นคือปวดหัวมากเลยฝืนๆกินไปจนทนไม่ไหวจนต้องอ้วกใส่ถุงพลาสติก ณ ตอนนั้นบอกตามตรงคือแถบจะไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก็ใกล้จะจบแล้วเช่นเดียวกัน เลยฝืนสลับเพลทจนจบวัน วันนั้นกลับบ้านไปก็ไม่สบาย เลยอยากมาบอกว่าควรเตรียมตัวมาในระดับนึง และถ้าไม่ไหวจริงก็แจ้งพี่เชียร์ก็ได้ อย่าฝืนเหมือนผมเลยไม่คุ้ม วันที่สองของการขึ้นแสตนก็เตรียมมามากขึ้น เตรียมน้ำมาเอง กินข้าวมา และหาหมวกหรือร่มมากันแดด และแปรอักษรจนจบงาน
จากที่ผมเล่าประสบการณ์ สิ่งที่จะบอกสำหรับน้องๆที่จะขึ้นเชียร์ในปีนี้คือ เตรียมตัวให้พร้อม ตั้งใจฝึกแปรอักษร ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ไม่เตรียมตัวเลย ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแบบผมหรือแย่กว่านั้นอีก
(บอกแล้วไงนี้งานส่งจาร เข้ามาไหมเนี่ยหะ ออกไปได้แล้ว)
ประสบการณ์ขึ้นแสตนด์เชียร์แปรอักษร(งานส่งจาร)
ตอนนั้นผมอยู่ ม.2 ซึ่งโรงเรียนผมเด็กที่จะขึ้นแปรอักษรคือ ม.2-ม.4 ก่อนเริ่มจตุฯก็มีการซ้อม ทั้งเพลงเชียร์และการสลับเพลทแปรอักษร พอถึงวันจริงตอนนั้นก็ตื่นเต้น ตอนขึ้นไปอยู่ที่แสตนคือร้อนมาก และยังอบมากอีกด้วย เพราะนักเรียนเยอะและเบียดกันพอสมควร พออยู่ตรงนั้นเราก็ทำหน้าที่ของเราที่ซ้อมมาแต่ว่าตอนนั้นผมจำได้ว่าผมเวียนหัวก่อน ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไรมาก คิดว่าผมน่าจะหิวข้าวมั้ง เพราะตอนเช้ากินไปน้อย ก็เลยกินขนมปังไป แต่พออีกซักพัก ประมาณ1-2 ชม.ผมเวียนหัวหนักขึ้นเลยๆแล้วน้ำที่เขาให้มาคือน้ำสิงห์ซึ่งสำหรับผมๆว่าน้ำมันเค็มกว่าเจ้าอื่นๆ แต่ว่าตอนนั้นคือปวดหัวมากเลยฝืนๆกินไปจนทนไม่ไหวจนต้องอ้วกใส่ถุงพลาสติก ณ ตอนนั้นบอกตามตรงคือแถบจะไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก็ใกล้จะจบแล้วเช่นเดียวกัน เลยฝืนสลับเพลทจนจบวัน วันนั้นกลับบ้านไปก็ไม่สบาย เลยอยากมาบอกว่าควรเตรียมตัวมาในระดับนึง และถ้าไม่ไหวจริงก็แจ้งพี่เชียร์ก็ได้ อย่าฝืนเหมือนผมเลยไม่คุ้ม วันที่สองของการขึ้นแสตนก็เตรียมมามากขึ้น เตรียมน้ำมาเอง กินข้าวมา และหาหมวกหรือร่มมากันแดด และแปรอักษรจนจบงาน
จากที่ผมเล่าประสบการณ์ สิ่งที่จะบอกสำหรับน้องๆที่จะขึ้นเชียร์ในปีนี้คือ เตรียมตัวให้พร้อม ตั้งใจฝึกแปรอักษร ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ไม่เตรียมตัวเลย ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแบบผมหรือแย่กว่านั้นอีก
(บอกแล้วไงนี้งานส่งจาร เข้ามาไหมเนี่ยหะ ออกไปได้แล้ว)