Elemental: เมืองอลวนธาตุอลเวง
 
กำกับโดย Peter Sohn

สวัสดีครับ! ห่างหายจากการรีวิวหนังโรงมานาน วันนี้ต้องรีวิวเรื่อง Elemental สักหน่อย

เรื่องย่อ

ในโลกแห่งหนึ่ง ที่ประชากรในแต่ละเผ่าแสดงกายภาพของตัวเองในรูปแบบธาตุต่าง ๆ "แอมเบอร์" (Leah Lewis) หญิงสาวชาวธาตุไฟใฝ่ฝันอยากรับช่วงต่อกิจการร้านขายของชำจากพ่อ หากแต่พ่อของเธอยังไม่วางใจให้เธอดูแลร้านแบบเต็มตัว 

ขณะเดียวกัน ด้วยอุบัติเหตุ แอมเบอร์ได้พบเจอกับ "เวด" (Mamoudou Athie) หนุ่มธาตุน้ำโดยบังเอิญ

ความรู้สึกหลังชม

- เป็นหนังที่ไม่ได้คาดหวังมาก หลังจากเห็นคะแนนใน IMDB กับ Metascore ที่ไม่สูงเหมือนงานก่อน ๆ ของ Pixar ปรากฏว่า ดูจบดันประทับใจกว่าที่คิด แถมหลาย ๆ ฉากก็ทัชใจ ทำเอาน้ำตารื้น

- ส่วนแรกที่ประทับใจ คือ "ความสร้างสรรค์ในเชิงดีไซน์" 

ไม่ว่าจะดีไซน์ของเมือง ดีไซน์ตัวละคร ทีมผู้สร้างทำได้ว้าว ทั้งนี้ยังรวมไปถึงหลายซีนที่ดีไซน์ได้น่าประทับใจ เช่น ซีนเกี่ยวกับดอกวิวิสทิเรีย (Vivisteria) / ซีนที่เล่นความ Contrast ระหว่างน้ำกับไฟ / ซีนกีฬาใน Stadium... โดยรวมออกแบบได้ครีเอทมาก !

- ส่วนถัดมา "ความสร้างสรรค์ในการอุปมาอุปมัยเนื้อเรื่อง" 

ถ้าสังเกตดี ๆ ภาพรวมเรื่อง คือ การเล่าสตอรี่ของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในสหรัฐฯ นี่เอง  เช่น เมือง Elemental ที่เต็มไปด้วยชาวธาตุ ก็เหมือนกับมหานครนิวยอร์กที่โอบรับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม 

ในต้นเรื่องยังมีพูดถึง First Wave, Second Wave ของเหล่าผู้อพยพที่มายังเมือง Elemental สะท้อนถึงประเด็นการตั้งถิ่นฐานอย่างชัดเจน

อีกส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ก็เช่น “ไฟศักดิ์สิทธิ์” น่าจะเปรียบเปรยกับศาสนาที่นับถือของชาวธาตุไฟ

อุปมาได้คมทีเดียว... เห็นว่าได้รับ Inspiration มาจากครอบครัวผู้กำกับด้วย

- หนังให้แง่คิดที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ความฝันในการได้เป็นตัวของตัวเอง ผลเสียจากความคาดหวังของคนรอบข้าง ความรักที่ไม่จำกัดความแตกต่าง การตามเสียงของหัวใจ รวมถึงการเสียสละเพื่อคนที่ห่วงใยและผูกพัน

แง่คิดต่าง ๆ ถูกเล่าอย่างสวยงาม

- ตัวหนังเฟรนลี่กับคนดูมาก ทั้งการยิงมุกตลก สตอรี่ที่เรียบง่าย แต่ซึ้งกินใจกระตุกต่อมน้ำตา ทำให้ Elemental เป็นแอนิเมชั่นที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี

- ข้อเสียหนังก็พอมี 

-- อย่างแรก เป็นเรื่องความลึก / ความซีเรียสในเชิงดราม่าที่ขยี้ให้หนักได้กว่านี้ (แต่ก็พอเข้าใจว่า ดีไซน์ให้เด็กดูด้วย)

-- อย่างที่สอง เหตุผลและสตอรี่บางส่วนในเรื่อง ไม่ได้มี logic ที่สมบูรณ์ 100% ทำให้หนังดูหลวมไปบ้าง

-- ส่วนสุดท้าย แก่นของเรื่องไม่ได้ถือว่าใหม่ เนื่องจากมีหลายเรื่องที่นำเสนอประเด็นนี้มาแล้ว

- เพลงประกอบตอน End-credit เพราะดี

สรุป
ยกให้เป็นแอนิเมชันที่ค่อนข้างพอใจตามมาตรฐาน Pixar ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ชม ทั้งยังมีประเด็นที่ดีเกี่ยวกับการทำให้เราเข้าใจถึงเรื่องการยอมรับในความหลากหลาย

แถมว่าไปแล้ว ก็พอมีศักยภาพชิงออสการ์แอนิเมชันยอดเยี่ยม (แต่ไม่รู้จะถึงขั้นคว้ารางวัลหรือเปล่า)

ใครสนใจสามารถดูได้ในโรง หรือจะรอชมใน Disney+ ก็ได้เช่นกัน !
ป.ล. ทางเพจ Pixar มีแปะเรื่องราวเบื้องหลัง Inspiration เรื่องนี้ของผู้กำกับ ใครสนใจเข้าไปอ่านได้นะครับ

ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ