ในโหราศาสตร์โบราณ คำว่า "จันทรคติ" (lunar mansions) หรือ "จันทรคตินัคชาตรา" (lunar nakshatras) หมายถึงระบบการแบ่งจักรราศีออกเป็น 27 ส่วนเท่าๆ กัน โดยแต่ละส่วนสอดคล้องกับกลุ่มดาวเฉพาะหรือกลุ่มดาวที่ดวงจันทร์ผ่านในรอบเดือนหนึ่ง รอบจันทรคติเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่า "นาคชาตรา" (nakshatras) ในทางโหราศาสตร์พระเวทของอินเดีย
เดิมทีระบบจันทรคติแบ่งออกเป็น 28 ส่วน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งในนักษัตรที่เรียกว่า "อภิจิต" ถือว่ามีความสำคัญน้อยกว่าจึงถูกนำออกจากกลุ่มไป ระบบฤกษ์จันทรคติสายพระเวทจึงมีเพียง 27 ส่วน
ภาพแผนภูมิ 27 ฤกษ์จันทรคติแบบพระเวทอินเดีย แสดง 27 ฤกษ์ และเจ้าเรือนฤกษ์
หากท่านผู้อ่านได้เคยอ่าน "คลอเดียส ปโตเลมี เตตะบิบลอส" ซึ่งประพันธ์โดยปโตเลมี จะพบว่าท่านปโตเลมีแบ่งส่วนท้องฟ้าออกเท่าๆ กัน โดยแบ่งระบบฤดูกาลออกเป็น 4 แกนหลัก (เรือนเกณฑ์) จึงเป็นการยากที่จะใช้ฤกษ์เพียง 27 ส่วน เนื่องจากหารด้วย 4 ไม่ลงตัว แต่โหราจารย์พระเวทอินเดียปรับแก้ไขด้วยการใช้ระบบสามส่วน
คลอดิอุส ปโตเลเมอุส หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ปโตเลมี เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ และนักโหราศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ในช่วงศตวรรษที่ 2 เขาถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
ระบบสามส่วนเกี่ยวข้องกับ 3 สภาวะสัจจะ คือ เกิดขึ้น, ดำรง, และสลายตัวไป หรือ ตรีมูรติเทพ (Trimurati) พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ แบบฮินดู หรือไตรลักษณ์ ทั้งในศาสตร์ตัวเลขโบราณนั้น เลข 3 หมายถึง ผู้สร้างโดยตรง (ค่อนไปทางให้ความสำคัญเพศชาย เพราะเลข 3 แทนเพศชาย และไม่เคยเห็นรูปปั้นมหาเทพเป็นเพศหญิงเลย)
The Trimurti at Ellora, India
แนวพัฒนาการโหราศาสตร์พระเวทของอินเดียใช้การแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ แต่ละส่วนมี 9 ส่วนย่อย นำ 3 มาคูณ 9 ได้ 27 ส่วน ฤกษ์แบบจันทรคติมี 27 แต่หาร 12 ราศีสุริยะคติไม่ลงตัว จึงมี 9 ฤกษ์ที่คร่อมระหว่างราศีสุริยะคติ
ฤกษ์จันทรคติถูกสร้างขึ้นและพัฒนาโดยผ่านวัฒนธรรมโบราณ ซึ่งรวมถึงนักดาราศาสตร์และนักโหราศาสตร์ชาวอินเดีย, บาบิโลน, และอาหรับ ฤกษ์จันทรคติแต่ละฤกษ์มีสัญลักษณ์และคุณลักษณะเฉพาะของตัวเอง และใช้เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ในทางโหราศาสตร์ เช่น สำหรับการบอกเวลาทำการ, อธิบายบุคลิกภาพ และออกคำทำนาย
การแบ่งฤกษ์จันทรคติเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในโหราศาสตร์พระเวท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์แผนภูมิวันเกิดและเสริมเทคนิคการทำนาย
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าเรือนจันทรคติในโหราศาสตร์โบราณนั้นแตกต่างจากจักรราศีแบบดั้งเดิมที่ใช้ในโหราศาสตร์ตะวันตกปัจจุบัน ซึ่งแบ่งจักรราศีออกเป็น 12 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 30 องศา ฤกษ์จันทรคตินั้นมีขนาดไม่เท่ากันและมีองศาที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งของดวงจันทร์ รวมถึงคร่อมระหว่างราศีถึง 9 ฤกษ์ ในขณะที่เคลื่อนผ่านจักรราศีในแต่ละเดือน
อ่านต่อเคล็ดลับวิธีใช้งานฤกษ์จันทร์ที่เว็บ
☉เอกโหรา♃ – ฤกษ์จันทร์ที่หายไปและข้อเสนอวิธีใช้งาน
☉เอกโหรา♃ - ฤกษ์จันทร์ที่หายไปและข้อเสนอวิธีใช้งาน
ในโหราศาสตร์โบราณ คำว่า "จันทรคติ" (lunar mansions) หรือ "จันทรคตินัคชาตรา" (lunar nakshatras) หมายถึงระบบการแบ่งจักรราศีออกเป็น 27 ส่วนเท่าๆ กัน โดยแต่ละส่วนสอดคล้องกับกลุ่มดาวเฉพาะหรือกลุ่มดาวที่ดวงจันทร์ผ่านในรอบเดือนหนึ่ง รอบจันทรคติเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่า "นาคชาตรา" (nakshatras) ในทางโหราศาสตร์พระเวทของอินเดีย
เดิมทีระบบจันทรคติแบ่งออกเป็น 28 ส่วน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งในนักษัตรที่เรียกว่า "อภิจิต" ถือว่ามีความสำคัญน้อยกว่าจึงถูกนำออกจากกลุ่มไป ระบบฤกษ์จันทรคติสายพระเวทจึงมีเพียง 27 ส่วน
ภาพแผนภูมิ 27 ฤกษ์จันทรคติแบบพระเวทอินเดีย แสดง 27 ฤกษ์ และเจ้าเรือนฤกษ์
หากท่านผู้อ่านได้เคยอ่าน "คลอเดียส ปโตเลมี เตตะบิบลอส" ซึ่งประพันธ์โดยปโตเลมี จะพบว่าท่านปโตเลมีแบ่งส่วนท้องฟ้าออกเท่าๆ กัน โดยแบ่งระบบฤดูกาลออกเป็น 4 แกนหลัก (เรือนเกณฑ์) จึงเป็นการยากที่จะใช้ฤกษ์เพียง 27 ส่วน เนื่องจากหารด้วย 4 ไม่ลงตัว แต่โหราจารย์พระเวทอินเดียปรับแก้ไขด้วยการใช้ระบบสามส่วน
คลอดิอุส ปโตเลเมอุส หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ปโตเลมี เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ และนักโหราศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ในช่วงศตวรรษที่ 2 เขาถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
ระบบสามส่วนเกี่ยวข้องกับ 3 สภาวะสัจจะ คือ เกิดขึ้น, ดำรง, และสลายตัวไป หรือ ตรีมูรติเทพ (Trimurati) พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ แบบฮินดู หรือไตรลักษณ์ ทั้งในศาสตร์ตัวเลขโบราณนั้น เลข 3 หมายถึง ผู้สร้างโดยตรง (ค่อนไปทางให้ความสำคัญเพศชาย เพราะเลข 3 แทนเพศชาย และไม่เคยเห็นรูปปั้นมหาเทพเป็นเพศหญิงเลย)
The Trimurti at Ellora, India
แนวพัฒนาการโหราศาสตร์พระเวทของอินเดียใช้การแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ แต่ละส่วนมี 9 ส่วนย่อย นำ 3 มาคูณ 9 ได้ 27 ส่วน ฤกษ์แบบจันทรคติมี 27 แต่หาร 12 ราศีสุริยะคติไม่ลงตัว จึงมี 9 ฤกษ์ที่คร่อมระหว่างราศีสุริยะคติ
ฤกษ์จันทรคติถูกสร้างขึ้นและพัฒนาโดยผ่านวัฒนธรรมโบราณ ซึ่งรวมถึงนักดาราศาสตร์และนักโหราศาสตร์ชาวอินเดีย, บาบิโลน, และอาหรับ ฤกษ์จันทรคติแต่ละฤกษ์มีสัญลักษณ์และคุณลักษณะเฉพาะของตัวเอง และใช้เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ในทางโหราศาสตร์ เช่น สำหรับการบอกเวลาทำการ, อธิบายบุคลิกภาพ และออกคำทำนาย
การแบ่งฤกษ์จันทรคติเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในโหราศาสตร์พระเวท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์แผนภูมิวันเกิดและเสริมเทคนิคการทำนาย
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าเรือนจันทรคติในโหราศาสตร์โบราณนั้นแตกต่างจากจักรราศีแบบดั้งเดิมที่ใช้ในโหราศาสตร์ตะวันตกปัจจุบัน ซึ่งแบ่งจักรราศีออกเป็น 12 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 30 องศา ฤกษ์จันทรคตินั้นมีขนาดไม่เท่ากันและมีองศาที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งของดวงจันทร์ รวมถึงคร่อมระหว่างราศีถึง 9 ฤกษ์ ในขณะที่เคลื่อนผ่านจักรราศีในแต่ละเดือน
อ่านต่อเคล็ดลับวิธีใช้งานฤกษ์จันทร์ที่เว็บ ☉เอกโหรา♃ – ฤกษ์จันทร์ที่หายไปและข้อเสนอวิธีใช้งาน