สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา อยากมาแชร์ประสบการณ์การการใช้ชีวิตร่วมกับโรคทางจิตใจที่สะสมมานานเป็นสิบปี
เราเป็นคนอ่อนไหวง่าย เสียใจก็ร้องไห้ออกมา พ่อแม่เราเลิกกันตั้งแต่เรายังจำความไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็อยู่บ้านป้าพี่สาวของแม่มาตลอด เราโดนทำร้ายร่างกายทำร้ายจิตใจ ด่าทอต่างๆนาๆไม่เคยคิดเลยว่าเด็กคนนึงจะต้องเจอเรื่องนี้มาตลอดเป็นสิบปี การโดนไล่ออกจากบ้านเป็นเรื่องปกติที่เรามักจะได้ยินจากปากของพี่สาวแม่ หรือป้าแท้ๆของเรา จนเราเริ่มมีภาวะซึมเศร้าตั้งแต่นั้นมา ทุกๆครั้งเราทำได้แค่นั่งร้องไห้คนเดียวไม่มีใครรับฟัง แม่ก็ไม่รับฟังเราค่ะ บอกเสมอว่าอยากให้เราใช้ชีวิตให้มีความสุขยิ้มแย้มเหมือนที่เด็กๆคนอื่นเค้าเป็นกัน เค้าไม่เคยสนใจเวลาที่เราโทรไปหาบอกว่าเราเสียใจ เราโดนทำร้ายร่างกายอีกแล้ว ทั้งถีบ เตะ ขว้างมีดหรือกรรไกรใส่ โดขังในห้องมืดๆ เราคิดตลอดว่าทำกับเราลงได้ยังไง กับเด็กแปดขวบตัวเล็กๆคนนึง แต่เราต้องทนอยู่ที่นั่นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เรารักป้าของเรามากนะคะ เราเสียใจทุกครั้งที่เค้าเจ็บป่วย แต่เพราะการที่เราเติบโตมาแบบนี้ทำให้เรากลัวสังคม กลัวผู้คน กลัวการใช้ชีวิต เราเป็นซึมเศร้ามาตลอดแต่ทุกคนบอกว่าเราเป็นบ้าหรอ เป็นโรคประสาทหรอ ความคิดอยากจบตัวเองเข้ามาในความคิดเราตั้งแต่ป.5 แต่เราทำไม่สำเร็จ เราเลยทนอยู่ต่อ เติบโตมาเรื่อยๆจนเริ่มดูแลตัวเองได้ และได้ออกมาจากบ้านหลังนั้น อาการของเราดีขึ้นเรื่อยๆเพราะมีเพื่อนคอยรับฟัง และเราไม่ต้องโดนทำร้ายร่างกายหรือไล่ออกจากบ้านเหมือนที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีร้องไห้บ้าง เสียใจบ้าง แต่ก็ไม่ร้องไห้ทุกวันเหมือนที่ผ่านมา จนฝันร้ายจริงๆของเราเริ่มขึ้น เราย้ายมาเรียนต่อในจังหวัดหนึ่งเป็นจังหวัดที่สวยงามที่เราฝันมาเสมอว่าอยากจะมาใช้ชีวิตที่นี่ แต่ความเป็นจริงมาถึง เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆที่สู้กับโลกภายนอกไม่ได้เลย เราเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดกับใครมากนัก ทำให้เราไม่มีเพื่อน แต่เราอุ่นใจที่แฟนติดที่นี่ด้วยเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็ไม่ผ่านเรื่องร้ายๆด้วยตัวคนเดียว เราคิดแบบนั้น และดีใจที่เค้าชอบที่นี่เหมือนกับที่เราชอบ แต่สุดท้ายเหมือนเป็นแค่เราคนเดียวที่คิดไปเอง แฟนเราที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งครอบครัวให้ในเวลาเดียวกัน เค้าหลงไปกับโลกใหม่ สังคมใหม่ๆ จนทำร้ายเรา ทำร้ายทั้งทางกายและจิตใจ เราก็ยังห่วงเค้าอยู่เหมือนเดิม แต่เราที่รู้สึกเหมือนทุกอย่างพังลง ความเชื่อใจ ความรัก ภาวะซึมเศร้าในตัวเราเริ่มกลับมาอีกครั้ง เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆเราทำร้ายตัวเอง จนสุดท้ายเลือกที่จะลองไปหาหมอดูสักครั้ง ใช่ค่ะ เราเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง และหนักขึ้นเรื่อยๆ เราใช้ยารักษา รักษาในโรงพยาบาล ทำทุกอย่าง ในตอนที่เรากำลังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เราขอแค่ใครซักคนที่อยู่ข้างๆเรา เราไม่เคยรู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆเรามาตลอด เหมือนจะดีกับเราแต่ก็ทำร้ายเราลับหลังอยู่เสมอ เราโดนหนักขึ้นเรื่อยๆจนสภาพจิตใจเราไม่ไหว บาดแผลในใจที่โดนฝังลึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทำให้เราแทบตายอยู่ตรงนั้น เราพยายามจบชีวิตตัวเองหลายครั้ง มีเพียงเสียงทางโทรศัพท์จากเพื่อนสมัยเด็กของเรา ขอร้องว่าอย่าทำเลย วันนั้นเราหยุดไปเพราะเสียงโทรศัพท์จากลุงของเรา เราดีใจมากที่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนคอยเป็นห่วงจากที่บ้านเสมอ สุดท้ายแม่เรารู้เรื่องเลยบินกลับมาหา เราดีใจมากเลยที่แม่เราเข้าใจว่าเราเป็น และจะรักษาเราทุกทาง เรากินยารักษาตัวเองมาเรื่อยๆ และไม่ค่อยได้ไปเรียน เก็บตัวร้องไห้ กลัวการออกไปเจอผู้คนมากมาย เรียนไม่ไหวเพราะเรากินยารักษาเยอะมากบวกกับสภาพจิตใจเราไม่ไหว สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ขอให้เรามีชีวิตอยู่ต่อ ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ต่ออละใช้ชีวิตในมีความสุข ลาออกมารักษาตัวเอง เพื่อซักวันเข้มแข็งขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เราแย่มาตลอดจนช่วงสิ้นปี เราตัดสินใจแล้วว่าแม้เราจะรักมากและเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวของเราอีกคนนึง แต่คงไม่สามารถขอให้หยุดทำร้ายเราได้ เราเลยออกมาตั้งแต่วันนั้น เวลาเลยผ่านไปร่วมเดือน เรากลับไปที่ห้องเราตัดสินใจว่าจะกลับมาอยู่บ้านและรักษาตัวเอง ถึงจะเคยชอบที่นี่มากแค่ไหน แต่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนฝันร้าย วันที่เราตัดสินใจและเริ่มเตรียมตัว เราเสียใจและเริ่มร้องไห้ไม่หยุดบาดแผลจากการโดนทำร้ายฝังลึกไม่เคยหายไปไหน เราเลยทำสิ่งที่ไม่ควรลงไป เราเคยกินยาจิตเวชตัวนึง ทำให้เราหลับลึกไปหลายวัน ตอนนั้นเราเชื่อว่าถ้าเรากินที่มีอยู่ทั้งหมด จะหลับลึกตลอดกาลเลยไหม เราร้องไห้โทรหาพ่อเพราะเราไม่เหลือใคร ไม่มีที่พึ่ง ขอให้พ่อกับแม่อย่าโกรธที่เราตัดสินใจทำแบบนั้น สิ้นสายเรากินยาทั้งหมดนั่นเพื่อหวังให้เราหลับไปตลอดกาล แต่โลกใจร้ายกับเรา พ่อแม่เราที่รู้เรื่อง โทรหาเขา แฟนเก่าที่ทำร้ายเราจนเป็นถึงขนาดนี้ เขามา โดยที่ตอนนั้นเราแทบไม่รู้สึกตัว ได้แต่ร้องไห้ เราเกิดภาพหลอน พยายามจบชีวิตตัวเอง จนสุดท้ายรู้อีกทีเรานอนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนึง พอยาเริ่มดีขึ้น เราเริ่มพูดปกติ คุณหมอจะคอยเข้ามาถามว่ากินยาอะไรไปบ้าง ปริมาณเท่าไหน ยังดีที่เรามีประวัติการรักษา เราได้ออกจากโรงพยาบาลในสามสี่วันต่อมา สุดท้ายเราเลือกที่จะใช้ชีวิตในเมืองที่เราชอบดูอีกซักครั้ง อาการเรายังไม่ได้ดีขึ้น ยังเสียใจและร้องไห้ออกมาไม่มีสาเหตุ ยังทำร้ายตัวเอง และมีความคิดอยากจบตัวเองเสมอม ในตอนนี้ที่เรานั่งเขียนกระทู้นี้ เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่กระทบจิตใจของเราจนย่ำแย่ ร้องไห้ไม่หยุด แพนิค เราเลยจะกลับไปรักษาตัวอีกครั้ง ด้วยความหวังว่าซักวันนึงเราจะหายจากโรคร้ายทางจิตใจที่สะสมมานานเป็นสิบปีได้ซักที เราเชื่อมาเสมอว่าเราคงอยู่ไม่ถึงในวัย 25 ปีแน่ๆ ตอนนี้กำลังพยายามรักษาชีวิต คู่ไปกับการใช้ชีวิต ถึงแม้มันจะยาก แพนิคเวลาเจอผู้คน แพนิคตอนเจอสถานที่ที่ทำให้เราเจ็บปวด มองทุกครั้งน้ำตายังไหลออกมาเสมอ เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่เราเริ่มรักษาตัวเอง ขอให้มันดีขึ้นในซักวันนะ
โรคซึมเศร้าเรื้อรังกับวัย 21 ปี
เราเป็นคนอ่อนไหวง่าย เสียใจก็ร้องไห้ออกมา พ่อแม่เราเลิกกันตั้งแต่เรายังจำความไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็อยู่บ้านป้าพี่สาวของแม่มาตลอด เราโดนทำร้ายร่างกายทำร้ายจิตใจ ด่าทอต่างๆนาๆไม่เคยคิดเลยว่าเด็กคนนึงจะต้องเจอเรื่องนี้มาตลอดเป็นสิบปี การโดนไล่ออกจากบ้านเป็นเรื่องปกติที่เรามักจะได้ยินจากปากของพี่สาวแม่ หรือป้าแท้ๆของเรา จนเราเริ่มมีภาวะซึมเศร้าตั้งแต่นั้นมา ทุกๆครั้งเราทำได้แค่นั่งร้องไห้คนเดียวไม่มีใครรับฟัง แม่ก็ไม่รับฟังเราค่ะ บอกเสมอว่าอยากให้เราใช้ชีวิตให้มีความสุขยิ้มแย้มเหมือนที่เด็กๆคนอื่นเค้าเป็นกัน เค้าไม่เคยสนใจเวลาที่เราโทรไปหาบอกว่าเราเสียใจ เราโดนทำร้ายร่างกายอีกแล้ว ทั้งถีบ เตะ ขว้างมีดหรือกรรไกรใส่ โดขังในห้องมืดๆ เราคิดตลอดว่าทำกับเราลงได้ยังไง กับเด็กแปดขวบตัวเล็กๆคนนึง แต่เราต้องทนอยู่ที่นั่นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เรารักป้าของเรามากนะคะ เราเสียใจทุกครั้งที่เค้าเจ็บป่วย แต่เพราะการที่เราเติบโตมาแบบนี้ทำให้เรากลัวสังคม กลัวผู้คน กลัวการใช้ชีวิต เราเป็นซึมเศร้ามาตลอดแต่ทุกคนบอกว่าเราเป็นบ้าหรอ เป็นโรคประสาทหรอ ความคิดอยากจบตัวเองเข้ามาในความคิดเราตั้งแต่ป.5 แต่เราทำไม่สำเร็จ เราเลยทนอยู่ต่อ เติบโตมาเรื่อยๆจนเริ่มดูแลตัวเองได้ และได้ออกมาจากบ้านหลังนั้น อาการของเราดีขึ้นเรื่อยๆเพราะมีเพื่อนคอยรับฟัง และเราไม่ต้องโดนทำร้ายร่างกายหรือไล่ออกจากบ้านเหมือนที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีร้องไห้บ้าง เสียใจบ้าง แต่ก็ไม่ร้องไห้ทุกวันเหมือนที่ผ่านมา จนฝันร้ายจริงๆของเราเริ่มขึ้น เราย้ายมาเรียนต่อในจังหวัดหนึ่งเป็นจังหวัดที่สวยงามที่เราฝันมาเสมอว่าอยากจะมาใช้ชีวิตที่นี่ แต่ความเป็นจริงมาถึง เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆที่สู้กับโลกภายนอกไม่ได้เลย เราเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดกับใครมากนัก ทำให้เราไม่มีเพื่อน แต่เราอุ่นใจที่แฟนติดที่นี่ด้วยเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็ไม่ผ่านเรื่องร้ายๆด้วยตัวคนเดียว เราคิดแบบนั้น และดีใจที่เค้าชอบที่นี่เหมือนกับที่เราชอบ แต่สุดท้ายเหมือนเป็นแค่เราคนเดียวที่คิดไปเอง แฟนเราที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งครอบครัวให้ในเวลาเดียวกัน เค้าหลงไปกับโลกใหม่ สังคมใหม่ๆ จนทำร้ายเรา ทำร้ายทั้งทางกายและจิตใจ เราก็ยังห่วงเค้าอยู่เหมือนเดิม แต่เราที่รู้สึกเหมือนทุกอย่างพังลง ความเชื่อใจ ความรัก ภาวะซึมเศร้าในตัวเราเริ่มกลับมาอีกครั้ง เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆเราทำร้ายตัวเอง จนสุดท้ายเลือกที่จะลองไปหาหมอดูสักครั้ง ใช่ค่ะ เราเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง และหนักขึ้นเรื่อยๆ เราใช้ยารักษา รักษาในโรงพยาบาล ทำทุกอย่าง ในตอนที่เรากำลังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เราขอแค่ใครซักคนที่อยู่ข้างๆเรา เราไม่เคยรู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆเรามาตลอด เหมือนจะดีกับเราแต่ก็ทำร้ายเราลับหลังอยู่เสมอ เราโดนหนักขึ้นเรื่อยๆจนสภาพจิตใจเราไม่ไหว บาดแผลในใจที่โดนฝังลึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทำให้เราแทบตายอยู่ตรงนั้น เราพยายามจบชีวิตตัวเองหลายครั้ง มีเพียงเสียงทางโทรศัพท์จากเพื่อนสมัยเด็กของเรา ขอร้องว่าอย่าทำเลย วันนั้นเราหยุดไปเพราะเสียงโทรศัพท์จากลุงของเรา เราดีใจมากที่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนคอยเป็นห่วงจากที่บ้านเสมอ สุดท้ายแม่เรารู้เรื่องเลยบินกลับมาหา เราดีใจมากเลยที่แม่เราเข้าใจว่าเราเป็น และจะรักษาเราทุกทาง เรากินยารักษาตัวเองมาเรื่อยๆ และไม่ค่อยได้ไปเรียน เก็บตัวร้องไห้ กลัวการออกไปเจอผู้คนมากมาย เรียนไม่ไหวเพราะเรากินยารักษาเยอะมากบวกกับสภาพจิตใจเราไม่ไหว สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ขอให้เรามีชีวิตอยู่ต่อ ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ต่ออละใช้ชีวิตในมีความสุข ลาออกมารักษาตัวเอง เพื่อซักวันเข้มแข็งขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เราแย่มาตลอดจนช่วงสิ้นปี เราตัดสินใจแล้วว่าแม้เราจะรักมากและเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวของเราอีกคนนึง แต่คงไม่สามารถขอให้หยุดทำร้ายเราได้ เราเลยออกมาตั้งแต่วันนั้น เวลาเลยผ่านไปร่วมเดือน เรากลับไปที่ห้องเราตัดสินใจว่าจะกลับมาอยู่บ้านและรักษาตัวเอง ถึงจะเคยชอบที่นี่มากแค่ไหน แต่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนฝันร้าย วันที่เราตัดสินใจและเริ่มเตรียมตัว เราเสียใจและเริ่มร้องไห้ไม่หยุดบาดแผลจากการโดนทำร้ายฝังลึกไม่เคยหายไปไหน เราเลยทำสิ่งที่ไม่ควรลงไป เราเคยกินยาจิตเวชตัวนึง ทำให้เราหลับลึกไปหลายวัน ตอนนั้นเราเชื่อว่าถ้าเรากินที่มีอยู่ทั้งหมด จะหลับลึกตลอดกาลเลยไหม เราร้องไห้โทรหาพ่อเพราะเราไม่เหลือใคร ไม่มีที่พึ่ง ขอให้พ่อกับแม่อย่าโกรธที่เราตัดสินใจทำแบบนั้น สิ้นสายเรากินยาทั้งหมดนั่นเพื่อหวังให้เราหลับไปตลอดกาล แต่โลกใจร้ายกับเรา พ่อแม่เราที่รู้เรื่อง โทรหาเขา แฟนเก่าที่ทำร้ายเราจนเป็นถึงขนาดนี้ เขามา โดยที่ตอนนั้นเราแทบไม่รู้สึกตัว ได้แต่ร้องไห้ เราเกิดภาพหลอน พยายามจบชีวิตตัวเอง จนสุดท้ายรู้อีกทีเรานอนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนึง พอยาเริ่มดีขึ้น เราเริ่มพูดปกติ คุณหมอจะคอยเข้ามาถามว่ากินยาอะไรไปบ้าง ปริมาณเท่าไหน ยังดีที่เรามีประวัติการรักษา เราได้ออกจากโรงพยาบาลในสามสี่วันต่อมา สุดท้ายเราเลือกที่จะใช้ชีวิตในเมืองที่เราชอบดูอีกซักครั้ง อาการเรายังไม่ได้ดีขึ้น ยังเสียใจและร้องไห้ออกมาไม่มีสาเหตุ ยังทำร้ายตัวเอง และมีความคิดอยากจบตัวเองเสมอม ในตอนนี้ที่เรานั่งเขียนกระทู้นี้ เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่กระทบจิตใจของเราจนย่ำแย่ ร้องไห้ไม่หยุด แพนิค เราเลยจะกลับไปรักษาตัวอีกครั้ง ด้วยความหวังว่าซักวันนึงเราจะหายจากโรคร้ายทางจิตใจที่สะสมมานานเป็นสิบปีได้ซักที เราเชื่อมาเสมอว่าเราคงอยู่ไม่ถึงในวัย 25 ปีแน่ๆ ตอนนี้กำลังพยายามรักษาชีวิต คู่ไปกับการใช้ชีวิต ถึงแม้มันจะยาก แพนิคเวลาเจอผู้คน แพนิคตอนเจอสถานที่ที่ทำให้เราเจ็บปวด มองทุกครั้งน้ำตายังไหลออกมาเสมอ เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่เราเริ่มรักษาตัวเอง ขอให้มันดีขึ้นในซักวันนะ