ช่วงนี้ว่าง มือก็กดแอฟskyscaner ดูไปเรื่อยดูไปดูมา เฮ้ย ตั๋วไปกลับ กทม. ฟุกุโอกะ ระยะบิน 5 ชั่วโมงกว่า ราคาแค่ 6พันบาทนิดๆ ข้อสำคัญคือ จองล่วงหน้าแค่ 6 วันได้ราคานี้ จัดเลยรออะไร.. 

12 มิย. จองตั๋วไปกลับกับแอร์เอเชีย ราคาประมาณ 6พันนิดๆ ขาไปไม่โหลดกระเป๋า ขากลับโหลด 25 กิโลกรัม แชร์กัน 2 คน
14 มิย. จองที่พัก
17 มิย. ไปสนามบิน ไฟล์ท 25.55 น.

เท่ากับมีเวลาวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนยังไงทั้งหมด 5-6 วัน เท่านั้น 
คิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบได้ออกมาดังนี้

18 มิย. 7 โมงเช้า ถึง ฟุกุโอกะ ไปเที่ยวเปปปุ นอน 1 คืน
19 มิย. ไปเที่ยวยุฟุอิน แล้วตอนเย็นต่อรถไฟไปนอนคุมาโมโต้
20 มิย. เที่ยวคุมาโม้โต้ 1 วัน ตอนเย็นรถไฟไปฟุกโอกะ 
21 มิย. เที่ยววัดในฟุกุโอกะ 1 วัน
22 มิย. ตอนเช้าไปวัดนันโซอิน จากนั้นไปเกาะแมว ainoshima island ตอนเย็นช้อปปิ้งที่ย่านเทนจิน
23 มิย. เช้าไปสนามบิน กลับไฟล์ท 8 โมงเช้า

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
ขาไปแอร์เอเชียทำเวปเชคอินมาแล้ว ไม่โหลดกระเป๋าสามารถไปปริ๊นตั๋วที่เครื่องอัตโนมัตแล้วไปเกทได้เลยไม่ต้องต่อแถวไปตรวจเอกสาร ตอนเรียกขึ้นเครื่องเจ้าหน้าที่ถึงขอดูตั๋วกลับตามระเบียบ

ไฟล์ทนี้คนเกือบเต็มลำ ขากลับก็เช่นกัน เนื่องจากบินตอนเกือบเที่ยงคืน บินราวๆ 5.30 ชม. ถึงที่นั่นตอน 7 โมงเช้าแล้วก็ผจญภัยเลย จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องนอนบนเครื่องให้ได้มากที่สุด แต่เครื่องใหม่ ที่นั่งใหม่เอี่ยม และนอนไม่สบายเอาซะเลย ตาโหลตามระเบียบ

ไปถึงฟุกุโอกะ เราไม่ได้ทำ visit japan มา ดังนั้น เราต้องเดินไปหยิบใบผ่านตม. มาเขียน แล้วผ่านตม.เข้าประเทศ ตามด้วยหยิบใบศุลกากรมาเขียน ก่อนจะผ่านออกมาแบบรวดเร็ว จากนั้น เดินออกมาหน้าอาคารผู้โดยสารจะเจอรถเมล์ฟรีรับส่งไปส่งยังอาคารผู้โดยสารในประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินให้ต่อเข้าตัวเมือง จากนั้นต่อรถใต้ดินไปสถานี Hakata ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์กลางของเมืองนี้ การจ่ายค่ารถไฟ รถเมล์ ก็ง่ายมาก ซื้อบัตร ic เติมเงินไว้ ไปไหนก็ตื้ดจ่ายเอาสะดวกมากๆ

ที่สถานีเราทำการแลก JR north Kyushu pass 3 วัน และทำการจองที่นั่งรถไฟเที่ยวที่เร็วที่สุดเพื่อไปเปปปุ ซึ่งได้รอบประมาณ 9.21 น. ขณะนั้นเวลาประมาณ 8 โมงเช้า คือเวลาเหลือชิลๆ เลย ทุกอย่างที่สนามบินรวเร็วมาก และที่ออฟฟิศของรถไฟเจอาร์ก็ไม่มีคิว จึงไม่เสียเวลาอะไรเลย เรามีเวลาซื้อข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อไปกินบนรถไฟด้วย

ประมาณเที่ยงก็เดินทางไปถึงเปปปุ ข้างหน้าสถานีรถไฟ จะเจออนุสาวรีย์ของคุณตาคนนึงท่าทางใจดีมากๆ ซึ่งเราได้ข้อมูลมาว่าเขาคือ บิดาแห่งการทอ่งเที่ยวเมืองเปปปุ เพราะเขาคือคนแรกที่คิดโปรแกรมการเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนของเมืองนี้ขึ้นมา และผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เมืองนี้


จากนั้นเข้าที่พักเอากระเป๋าไปฝาก เราพักที่ International inn kokage คืนละประมาณ 1900 บาท /2คน ห้องแบบเสื่อตาตามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ห้องน้ำในตัว ข้อดีสุดๆ คือที่นี่มีบ่อออนเซนของตัวเอง ซึ่งเราสามารถใช้แบบไพรเวทได้30 นาทีในตอนค่ำเปิดตั้งแต่ 18.00-24.00 น.

จากนั้นที่สถานีรถไฟเปปปุมีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองนี้ มีเจ้าหน้าที่คนไทยด้วย ให้คำแนะนำได้ทุกเรื่อง เราก็นั่งรถเมล์ไปย่านที่เป็นบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งจะมี 7 บ่อด้วยกัน ต่างกันที่แร่ธาตุต่างๆ ทำให้เป็นสีที่ต่างกัน อันที่จริงเมืองนี้ทั้งเมือง ต้องเรียกว่าตั้งอยู่บนจุดที่เดือดสุดๆ ของญี่ปุ่น อานิสงค์จากภูเขาไฟอาโซะ ทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก ค่าเข้าชมบ่อละ 400 เยน แต่มีพาส 1 วัน ราคา 1800 เยน ถ้าใครดูไม่ถึงก็จ่ายเป็นจุดๆไปคุ้มกว่า 

อันที่จริงมีอีกที่ที่อยากไปมาก คือนั่งรถรางขึ้นภูเขาชมวิวเมืองแต่วันนั้นเป็นวันที่หมอกลงเยอะมาก มีฝนเล็กน้อย ก็เลยไม่ไปดีกว่าน่าจะไม่เห็นอะไร

และนี่คือบ่อยอดฮิตของเปปปุ

ตามด้วยอีกสีนึง


มีจุดบริกาน้ำดื่มจากบ่อน้ำแร่ธรรมชาติด้วย เผื่อใครอยากลองชิมดู แค่ 10 เยนเท่านั้น

อันที่จริงมีจุดบริการซาวหน้าด้วย แบบต่อท่อออกมา ให้ไอร้อนพ่นออกมา ใครอยากอบไอน้ำก็ยื่นหน้าไปอังได้ไม่เสียเงินเพิ่ม แล้วก็มีจุดแช่เท้า จะแช่นานแค่ไหนก็ได้ ดังนนั้นใครจะไปเที่ยวเปปปุ อย่าลืมใส่กางเกงแบบที่สามารถถลกขึ้นมาแช่เท้าในน้ำแร่ได้สะดวกกันด้วยนะ มันคุ้มมาก เราแช่ไป 15 นาทีรู้สึกว่าผิวนุ่มดีมาก

วันแรกจบไว เพราะเหนื่อยที่ไม่ค่อยได้นอน กลับที่พักไปแช่ออนเซนต่อ แล้วก็สลบไปตามระเบียบ เดี๋ยวมาต่อ..