เหนื่อยมากเลยครับ

ตอนเด็กผมมีความสุขกับชีวิตมาก สนุกไปกับเพื่อนๆและญาติพี่น้องอยู่เสมอ จนโตมาได้ประถมปลายแม่ของผมทรุดป่วยอย่างหนักด้วยโรคมะเร็ง พ่อเลยลาออกจากงานมาทำร้านชำแถวบ้านเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้แม่และมีเวลาดูแลลูกๆแทน เมื่อจบประถมปลายผมก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความคาดหวังจากทางญาติฝั่งแม่มากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากลูกพี่ลูกน้องผมที่โตกว่าล้วนไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียน จากนั้นไม่นานผมติดรร.มัธยมที่แม่และป้าหวังไว้ได้ ตอนนั้นดีใจกันยกใหญ่ผมก็พลอยดีใจไปด้วยเพราะคงทำให้แม่ภูมิใจกับตัวผมได้บ้าง ดีใจได้ไม่นานแม่ผมก็เสียตอนผมสอบปลายภาค ช่วยนั้นการเงินของทางบ้านมีปัญหาหนักเนื่องจากค่ารักษาค่าโรงพยาบาลและสุดท้ายที่งานศพ จากนั้นครอบครัวก็แตก เนื่องจากพ่อผมทะเลาะกับยายหลังจากระหองระแหงกันมานานก่อนแม่จะเสีย พ่อผมจึงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด วันนั้นพ่อถามผมว่าจะไปด้วยกันไหม ผมเลยตัดสินใจว่าจะอยู่ที่กทม.ต่อกับป้าและยายเพื่อที่จะเรียนให้จบ จากนั้นผมก็อยู่ที่บ้านคนเดียวเป็นเวลาครึ่งปีด้วยเงินและข้าวจากยายก่อนจะย้ายไปอยู่กับป้า และย้ายไปอยู่คนเดียวอีกทีตอนม.5 การเงินของยายก็เริ่มมีปัญหาหนักขึ้นเนื่องจากโควิดทำให้ผมต้องประหยัดเงินยิ่งขึ้น ไม่สามารถไปไหนมาไหนตามที่เพื่อนชวนได้เหมือนแต่ก่อน กระทั้งใกล้จะจบม.ปลาย ป้าของผมก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน ตอนนั้นผมท้อและเครียดมากเพราะนอกจากจะต้องทำเกรดให้ดีและต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยก็ต้องแบ่งเวลาไปเยี่ยมไปดูแลป้าต่อ จากนั้นเพื่อนที่ทำงานของป้าก็มาเยึ่ยมและตอกย้ำเล่าว่าป้าของผมคาดหวังกับผมขนาดไหน จากนั้นไม่นานนักหมอก็บอกว่าเหลือยาตัวสุดท้ายแล้วที่จะรักษาป้าได้และบอกให้รู้ว่าป้าของผมอาจเสียชีวิตระหว่างรักษา ในคืนนั้นป้าผมก็เสียชีวิตในช่วงใกล้สอบปลายภาคของผม หลังจากงานผมก็ต้องติดตามพี่ไปที่นั่นที่นี่เพื่อไปทำเรื่องเอกสารต่างๆ และแล้วช่วงเวลาที่ผมรอก็มาถึง ผมสอบเข้าในมหาวิทยาลัยที่ผมต้องการได้ ไม่ใช่เพื่อคนอื่นๆแต่เป็นความภาคภูมิใจของผม ตอนนี้ระหว่างที่รอมหาวิทยาลัยเปิด ก็มานั่งเครียดเรื่องหอพักเรื่องค่าครองชีพ จนฟุ้งซ่านไปถึงชีวิตในอดีตที่ผ่านมา เลยมานั่งพิมพ์ไว้เพื่อระบายบอกเล่าเรื่องต่างๆที่ผมพบเจอไว้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่