การเมืองเป็นเรื่องที่อะไรก็เป็นไปได้ 

เพราะถึงอย่างไร นโยบายซ้ายจัดสุดโต่ง ไม่ว่าจะรวมกับเพื่อไทย ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
ในเมื่อเพื่อไทย ทำทุกอย่าเพื่อใครจะได้กลับบ้านเท่านั้น แล้วเขาก็ชัดเจนว่าเขาทำเพื่อใคร แล้วยังมาทำเป็นถือไพ่เหนือกว่า โดยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ทั้งที่ความนิยมของป๊ามันเสื่อมไปแล้ว

คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ก็ล้วนแล้วแต่อยากจะเปลี่ยนแปลง อยากให้มีการปฏิรูปต่างๆ และเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเก่าๆ ที่ผูกกับสายเลือด วงตระกูล

การอยากเปลี่ยนแปลง การอยากปฏิรูป อยากก้าวผ่านการเมืองแบบเดิมๆ พวกบ้านใหญ่ ยึดกับวงตระกูล เหล่านี้ทั้งก้าวไกลและฝ่ายอนุรักษ์นิยม บอกเลยว่ามีจุดความต้องการร่วมกัน
แต่มีต่างกันเพียงแค่บางเรื่องเท่านั้น ซึ่งก็ต้องพักไว้ก่อน หรือนำมาคุยกันหาจุดร่วมกันทีหลัง ก็ยังได้

อย่างจีน มีช่วงหนึ่งที่ พรรคกกมินตัง และพรรคคอมมิวนิสต์ ที่พักรบกันก่อนแล้วร่วมกันต่อสู้กับต่างชาติ พอมันผ่ายไปอุดมการณ์ของแต่ละฝ่ายก็ค่อยทบทวนกัน

ทำไมถึงต้องทิ้งเพื่อไทย  (และพลังประชารัฐ) 

อย่างที่รู้ๆ ในภาพใหญ่เขาทำเพื่อใครคนเดียวเท่านั้น   และในภาพรวมของ ส.ส. เพื่อไทย พลังประชารัฐ ส.ส.ก็กลุ่มเดียวกัน ย้ายไปย้ายไป ลงไปหาข้อมูลให้ละเอียดบางครอบครัว ผัวอยู่พรรคหนึ่ง เมียอยู่พรรคหนึ่ง แบบนี้มีเยอะ และอย่างที่รู้ๆ  ส.ส ที่เข้ามาก็หวังเป็นรัฐบาลเท่านั้น งายฝ่ายค้านขึ้นชื่อว่าไม่มีผลงาน ดังนั้น ถ้า ส.ส. กลุ่มนี้เป็นฝ่ายค้าน รํฐบาลสบาย ถึงจะอภิปรายก็มีแบบน้ำ อย่างทีผ่านมา การทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพก็คือก้าวไกล ในขณะที่เพื่อไทยทั้งที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แค่ใช้สิทธิ ให้มันหมดเวลา

พรรคประชาธิปัติ ขึ้นชื่อว่ามีตอนเป็นฝ่ายค้าน ตรงนี้ ปชป. คล้ายกัน ทักษิณเองก็เคยแชะว่า ก้าวไกลเริ่มเหมือนปชป. เข้าไปทุกที ดังนั้นถ้าสลับขั้วจะเป็นประโยชน์ต่อก้าวไกล  เพราะเมื่อ ปชป. เป็นพรรคร่วมรํฐบาล เขาจะเงียบ

ภูมิใจไทย อันนี้ก็ต้องว่า ยอมรับว่าเขาต้องการอยากเป็นรํฐบาลทุกสมัย จริงๆ ส.ส. ก็เหมือนกลุ่มเพื่อไทย แต่ถ้าต้องการอัปเปหิเพื่อไทย ก็ต้องใช้เขา

รทสช.  ถึงแม้ก้าวไกลจะประกาศ มีเราไม่มีลุง  แต่ลุงเขาก็มีท่าทีว่าจะไปแล้วนี้ครับ ที่เป็นรูปธรรมที่สุด ก็ลุงไม่ได้ไปต่อ ไม่ได้เป็น ส.ส. ด้วย ดังนั้นหันมาเป็นพันธมิตรกันดีกว่า ไม่แน่ลุงอาจสบายใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สุดท้ายนี้ ก็เพียงแค่คนเชียร์ครับ