มีแผนจะซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ครับ เพราะเห็นร้านทองใหญ่ๆ ที่น่าเชื่อถือ สมัยนี้ มีบริการอยู่ สามารถทยอยออมซื้อเก็บได้ราคาหลักพัน ถ้าได้สัก 1 บาทก็สามารถไปแลกเป็นทองคำแท่งเก็บได้ ย้ำว่าเน้นทองคำแท่งไม่เน้นพวกทองรูปพรรณตีโป่งใส่โชว์ครับ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบใส่อะไรพวกนี้รู้สึกมันเป็นภาระกับร่างกายยังไงไม่รู้ครับ ที่สำคัญเป็นคนขี้ลืมถอดไว้ลืมที่ เดี๋ยวต้องมาระแวงพะวงกลัวหายอีก ขนาดเมียซื้อนาฬิกาให้ใส่ผมยังไม่ใส่เลยครับ ทุกวันนี้ใส่แค่กางเกงกับเสื้อเท่านั้น ไม่มีแอคเซสเซอรี่อย่างอื่นเลยครับ แม้กระทั่ง กางเกงในผมก็ไม่ใส่ ใส่แต่กางเกงธรรมดา เพราะรู้สึกว่าฟรีด้อมอิสระกว่าครับ
กลับเข้าเรื่องทองคำแท่งครับ ยสตน. ผมมองว่า ทองคำน่าจะเป็นทรัพย์สินที่คลาสสิคที่สุดแล้ว ที่มูลค่าในระยะยาวมีแต่เพิ่มขึ้น จำได้ว่าสมัยก่อนทองคำน้ำหนัก 1 บาท ตอนนั้นราคาซื้อขายกันอยู่ที่ 4 พันกว่าบาท แต่ตอนนี้มันขึ้นมาถึง 7-8 เท่า (อาจจะมีปัจจัยด้วยอัตราเงินเฟ้อด้วย) และเป็นสิ่งที่มนุยษ์ทั่วโลกยอมรับเชื่อถือมาตั้งแต่โบราณกาลตั้งแต่บาบิโลนโน่น และมันก็ยังเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือมาจนถึงปัจจุบัน
ตอนแรกผมก็ชั่งใจอยู่ว่า ระหว่าง ที่ดิน กับ ทองคำ จะเลือกทางไหนดี
แต่ผมลอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้ว
ผมไม่มีปัญญาซื้อ ที่ดิน ราคาหลักแสนหลักล้านที่จะต้องจ่ายแบบก้อนใหญ่ๆ ทีเดียว หรือครั้งละมากๆ จะให้กู้เงินมาซื้อ ที่ดิน ไม่มีในหัวเลยครับ เพราะผมกลัวการเป็นหนี้ธนาคารเยอะๆ แบบนั้น ไม่อยากทำงานให้ธนาคารครับ ผมท่องไว้เสมอ อะไรที่ยังผ่อนอยู่มันยังไม่ใช่ของเรา แต่มันเป็นของธนาคาร
เห็นมีคนมาแขร์ประสบการผ่อนบ้านในโซเซี่ยลยิ่งโคตรหลอน บางคนผ่อนแต่ดอก เงินต้นไม่ลดเลย พอคำนวณให้เห็น ดอกเบี้ยแพงกว่าราคาบ้านไปอีก ผมเลยกลัวการเป็นหนี้ อะไรที่คิดว่าไม่ไหว ผมเลือกที่จะไม่ทำดีกว่า รู้สึกสบายใจกว่าครับ
ที่ดินสำหรับผมก็เลยเป็นเรื่องไกลตัวครับ ที่จริงก็อยากได้นะครับแต่ไม่มีปัญญา และอีกอย่าง ที่ดิน ถ้าเทียบ กับ ทองคำ ใน ยสตน. ผมนะครับ เรื่องสภาพคล่องการแลกเปลี่ยนซื้อขาย คิดว่ามันคล่องตัวกว่า อยากขายทองวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ตังค์เลย แต่ที่ดินต้องไปทำเรื่องโอนเสียค่าโอนโน่นนี่นั้น ไปกรมที่ดินบลาๆ ไม่สะดวก และอีกอย่างผมจินตนาการนะครับ ถ้าเกิดที่ดินที่ผมซื้อไว้ เกิดสงครามขึ้นมาแล้วข้าศึกมันมายึดชัยภูมิรบเป็นฐานปืนใหญ่จบเลยครับ วิ่งหนีไปพร้อมกระดาษโฉนดใบเดียวแทบไม่มีความหมาย เพราะเราไม่สามารถแบกที่ดินไปกับเราได้
แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง มันก็ยังเคลื่อนย้ายแบกหนีไปได้ ผมคิดซื่อๆแบบนี้เลยครับ
ทองคำมันทยอยซื้อเก็บได้ รอราคาลงก็ค่อยไปเก็บเพิ่ม จะดอยจะกำไรก็ถัวๆ กันไป แต่จุดประสงค์เก็บไว้ระยะยาว มันซื้อในราคาหลักพันได้ แต่ที่ดินมันไม่มีให้ซื้อราคาหลักพันได้ คือ เราจะไปขอซื้อที่เท่าแมวดิ้นตาย แล้ววันหลังมาซื้อเพิ่มแล้วเอาที่มาต่อๆกันเป็นจิ๊กซอแบบนั้นมันทำไม่ได้อ่ะครับ
ปัญหาต่อมาพอมีของมีค่ามันก็เริ่มระแวงแล้วว่าจะเอาไปไว้ที่ไหนนั่นแหละครับเพื่อนๆ สมมติผมซื้อออมจนได้ทองคำแท่งปริมาณนึง แล้วจะเอาไปฝังในป่าลึก หรือเกาะร้าง แล้วเขียนลายแทงตาม หรือติด GPS ไว้กับทองเวลาเป็นเอา หรือสร้างห้องลับใต้ดินมีประตูไบโอติกเข้ารหัสไว้ เช่น ให้สแกนลิ้นของเราถืงจะเปิดได้ เป็นต้น หรือว่าใส่ไว้ในซับมารีนไททันดำลงไปเก็บไว้ในแม่น้ำที่ไหนสักแห่ง เป็นต้น
หรือว่าบินไปฝากที่ธนาคารสวิตซ์ หรือ หมู่เกาะเคเแมน หรือไม่ก็เอาไปซ่อนในหุบเขาหิมาลัย เป็นต้น
ไม่แน่ใจธนาคารบ้านเรามีล็อคเกอร์ที่ฝากทรัพย์สินมีค่าเหมือนในต่างประเทศรึเปล่า แต่น่าจะเสียค่าฝากอยู่ แต่ก็ไม่รู้เงื่อนไขจะรับประกันเหมือนเงินฝาก แค่ 1 ล้าน รึเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ ต้องให้ผู้มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังอ่ะครับ
เพื่อนๆ ช่วยแนะนำไอเดียซ่อนทองคำให้หน่อยครับ
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมไม่ได้บ้านะครับ
ทองคำแท่ง ซื้อเก็บไว้ซ่อนที่ไหนดีครับ หรือว่าทำห้องใต้ดินลับใช้ประตูนิรภัยไขรหัสผ่านสแกนไบโอติกเก็บไว้ดีครับ
มีแผนจะซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ครับ เพราะเห็นร้านทองใหญ่ๆ ที่น่าเชื่อถือ สมัยนี้ มีบริการอยู่ สามารถทยอยออมซื้อเก็บได้ราคาหลักพัน ถ้าได้สัก 1 บาทก็สามารถไปแลกเป็นทองคำแท่งเก็บได้ ย้ำว่าเน้นทองคำแท่งไม่เน้นพวกทองรูปพรรณตีโป่งใส่โชว์ครับ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบใส่อะไรพวกนี้รู้สึกมันเป็นภาระกับร่างกายยังไงไม่รู้ครับ ที่สำคัญเป็นคนขี้ลืมถอดไว้ลืมที่ เดี๋ยวต้องมาระแวงพะวงกลัวหายอีก ขนาดเมียซื้อนาฬิกาให้ใส่ผมยังไม่ใส่เลยครับ ทุกวันนี้ใส่แค่กางเกงกับเสื้อเท่านั้น ไม่มีแอคเซสเซอรี่อย่างอื่นเลยครับ แม้กระทั่ง กางเกงในผมก็ไม่ใส่ ใส่แต่กางเกงธรรมดา เพราะรู้สึกว่าฟรีด้อมอิสระกว่าครับ
กลับเข้าเรื่องทองคำแท่งครับ ยสตน. ผมมองว่า ทองคำน่าจะเป็นทรัพย์สินที่คลาสสิคที่สุดแล้ว ที่มูลค่าในระยะยาวมีแต่เพิ่มขึ้น จำได้ว่าสมัยก่อนทองคำน้ำหนัก 1 บาท ตอนนั้นราคาซื้อขายกันอยู่ที่ 4 พันกว่าบาท แต่ตอนนี้มันขึ้นมาถึง 7-8 เท่า (อาจจะมีปัจจัยด้วยอัตราเงินเฟ้อด้วย) และเป็นสิ่งที่มนุยษ์ทั่วโลกยอมรับเชื่อถือมาตั้งแต่โบราณกาลตั้งแต่บาบิโลนโน่น และมันก็ยังเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือมาจนถึงปัจจุบัน
ตอนแรกผมก็ชั่งใจอยู่ว่า ระหว่าง ที่ดิน กับ ทองคำ จะเลือกทางไหนดี
แต่ผมลอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้ว
ผมไม่มีปัญญาซื้อ ที่ดิน ราคาหลักแสนหลักล้านที่จะต้องจ่ายแบบก้อนใหญ่ๆ ทีเดียว หรือครั้งละมากๆ จะให้กู้เงินมาซื้อ ที่ดิน ไม่มีในหัวเลยครับ เพราะผมกลัวการเป็นหนี้ธนาคารเยอะๆ แบบนั้น ไม่อยากทำงานให้ธนาคารครับ ผมท่องไว้เสมอ อะไรที่ยังผ่อนอยู่มันยังไม่ใช่ของเรา แต่มันเป็นของธนาคาร
เห็นมีคนมาแขร์ประสบการผ่อนบ้านในโซเซี่ยลยิ่งโคตรหลอน บางคนผ่อนแต่ดอก เงินต้นไม่ลดเลย พอคำนวณให้เห็น ดอกเบี้ยแพงกว่าราคาบ้านไปอีก ผมเลยกลัวการเป็นหนี้ อะไรที่คิดว่าไม่ไหว ผมเลือกที่จะไม่ทำดีกว่า รู้สึกสบายใจกว่าครับ
ที่ดินสำหรับผมก็เลยเป็นเรื่องไกลตัวครับ ที่จริงก็อยากได้นะครับแต่ไม่มีปัญญา และอีกอย่าง ที่ดิน ถ้าเทียบ กับ ทองคำ ใน ยสตน. ผมนะครับ เรื่องสภาพคล่องการแลกเปลี่ยนซื้อขาย คิดว่ามันคล่องตัวกว่า อยากขายทองวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ตังค์เลย แต่ที่ดินต้องไปทำเรื่องโอนเสียค่าโอนโน่นนี่นั้น ไปกรมที่ดินบลาๆ ไม่สะดวก และอีกอย่างผมจินตนาการนะครับ ถ้าเกิดที่ดินที่ผมซื้อไว้ เกิดสงครามขึ้นมาแล้วข้าศึกมันมายึดชัยภูมิรบเป็นฐานปืนใหญ่จบเลยครับ วิ่งหนีไปพร้อมกระดาษโฉนดใบเดียวแทบไม่มีความหมาย เพราะเราไม่สามารถแบกที่ดินไปกับเราได้
แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง มันก็ยังเคลื่อนย้ายแบกหนีไปได้ ผมคิดซื่อๆแบบนี้เลยครับ
ทองคำมันทยอยซื้อเก็บได้ รอราคาลงก็ค่อยไปเก็บเพิ่ม จะดอยจะกำไรก็ถัวๆ กันไป แต่จุดประสงค์เก็บไว้ระยะยาว มันซื้อในราคาหลักพันได้ แต่ที่ดินมันไม่มีให้ซื้อราคาหลักพันได้ คือ เราจะไปขอซื้อที่เท่าแมวดิ้นตาย แล้ววันหลังมาซื้อเพิ่มแล้วเอาที่มาต่อๆกันเป็นจิ๊กซอแบบนั้นมันทำไม่ได้อ่ะครับ
ปัญหาต่อมาพอมีของมีค่ามันก็เริ่มระแวงแล้วว่าจะเอาไปไว้ที่ไหนนั่นแหละครับเพื่อนๆ สมมติผมซื้อออมจนได้ทองคำแท่งปริมาณนึง แล้วจะเอาไปฝังในป่าลึก หรือเกาะร้าง แล้วเขียนลายแทงตาม หรือติด GPS ไว้กับทองเวลาเป็นเอา หรือสร้างห้องลับใต้ดินมีประตูไบโอติกเข้ารหัสไว้ เช่น ให้สแกนลิ้นของเราถืงจะเปิดได้ เป็นต้น หรือว่าใส่ไว้ในซับมารีนไททันดำลงไปเก็บไว้ในแม่น้ำที่ไหนสักแห่ง เป็นต้น
หรือว่าบินไปฝากที่ธนาคารสวิตซ์ หรือ หมู่เกาะเคเแมน หรือไม่ก็เอาไปซ่อนในหุบเขาหิมาลัย เป็นต้น
ไม่แน่ใจธนาคารบ้านเรามีล็อคเกอร์ที่ฝากทรัพย์สินมีค่าเหมือนในต่างประเทศรึเปล่า แต่น่าจะเสียค่าฝากอยู่ แต่ก็ไม่รู้เงื่อนไขจะรับประกันเหมือนเงินฝาก แค่ 1 ล้าน รึเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ ต้องให้ผู้มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังอ่ะครับ
เพื่อนๆ ช่วยแนะนำไอเดียซ่อนทองคำให้หน่อยครับ
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้