หลักการจมคือเพิ่มน้ำหนักเรือ เรือดำน้ำมีที่ว่างภายในโดยปกติถ้าเรือไม่มีปัญหาน้ำเข้าเรือจะลอยครับเหมือนเรือผิวน้ำทั่วไป แต่ในเรือจะมีถังอับเฉา เวลาจะดำน้ำก็เอาน้ำเข้าเรือ มีหลายวิธี เร็วที่สุดก็มีช่องเปิดขนาดใหญ่ หรือปั๊มน้ำเข้ามา ฯลฯ เมื่อน้ำหนักเรือเพิ่ม เรือก็จมน้ำลง จะปรับระดับความลึกหรือเลี้ยวก็ใช้แพลนบังคับ(ลักษณะเดียวกับเครื่องบิน)จะอยู่ที่หอคอยเรือม พับซ่อนไว้ที่หัวเรือ หรือใช้แพนหางจะรูปเครื่องหมาย + หรือ รูปตัว X  ก็แล้วแต่

เมื่อต้องการจะลอยตัว ก็ทำให้น้ำหนักเรือน้อยลงโดยการเอาน้ำในถังอับเฉาออก ก็มีหลายวิธีอีก คือ 1.เติมอากาศแรงดันสูงเข้าไปในถังเพื่อไล่น้ำออก Air compressor ในเรื่อสามารถสร้างแรงดันอากาศได้มากครับเป็นพันปอนด์ต่อตารางนิ้ว ยังไงก็ดันน้ำออกได้แน่นอน หรือไม่ก็จะมีระบบปั้มน้ำแรงดันสูงที่จะปั้มน้ำออกได้ ฯลฯ

ขีดจำกัดในการดำน้ำไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเอาน้ำออกจากถังอับเฉาครับ ความสามารถในการดำน้ำอยู่ที่โครงสร้างตัวเรือที่จะรับแรงกดดันของน้ำที่ความลึกได้เท่าใด ปกติก็ อยู่ที่ 300-500 เมตร สำหรับเรือใหญ่แบบเรือดำน้ำทางทหาร แต่ถ้าเป็นเรือสำรวจ ก็จะลดขนาดตัวเรือลงแต่เพิ่มโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้นซึ่งถ้าเอามาทำเรือใหญ่ มันทำได้ยากและต้นทุนมหาศาล

ความกดดันภายในเรือดำน้ำไม่เกี่ยวกับความดันนอกเรือครับ เพราะเรือเป็นระบบปิด แรงดันภายในก็จะเท่ากับความดันที่ระดับน้ำทะเล  แต่กับเครื่องบิน ที่ความสูงมากๆแรงดันมันน้อยลง อากาศในเครื่องจะพยายามหาทางออกจากเครื่องบิน เลยต้องมีระบบสร้างแรงกดอากาศในตัวลำ ซึ่งมันอาจจะไม่เท่าระดับน้ำทะเลนักผู้โดยสารเลยมีอาการครับ

ที่เห็นตามภาพยนต์หรือสารคดีที่ดำน้ำลึกคนต้องเข้าห้องปรับแรงดัน เพราะเค้าไม่ได้อยู่ในเรือตลอดครับ เค้าต้องออกไปทำภาระกิจใต้น้ำ ในสถาณีหรือในเรือก็ต้องมีแรงดันเท่ากันด้วย ถ้าไม่ปรับแรงดันร่างกาย เค้าจะออกจากเรือหรือสถาณีไปทำภาระกิจใต้น้ำได้เลย อากาศจะแยกตัวออกจากเลือดมีฟองอากาในหลอดเลือดทั้งตัว ตายอย่างเดียว