หลังจาก "ทีมลูกยางสาวไทย" พ่ายเเพ้ต่อเกาหลีใต้ ในรอบชิงชนะเลิศ
(คัดเลือกโอลิมปิกฯ) เมื่อต้นปีที่แล้ว
ได้เกิดคำถามตามมามากมาย
บางคำถามตอบได้ทันที
บางคำถามตอบไม่ได้เพราะยังไม่เกิด
และบางคำถามตอบได้แต่ยังไม่ตอบ
แต่มีอยู่หนึ่งคำถามที่ได้ยินกันมาพักใหญ่แล้วคือ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ "ทีมสาวไทย" ในอนาคต เพราะอีกไม่นานจากนี้
"5 เซียน" จะต้องประกาศอำลาทีมชาติแน่นอน
คำถามที่พูดถึงอาจตอบทันทีไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ การจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ "ทีมสาวไทย" หรือ ทีมใดทีมหนึ่ง คงต้องทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง
มีฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอ พูดมาถึงตรงนี้แล้วนึกถึง นักวอลเลย์บอลสาวคนหนึ่ง
จะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็แล้วแต่
สุดท้ายเจ้าตัวก้าวขึ้นมาเป็นดาวตบเบอร์ต้น ๆ ของโลกและประสบความสำเร็จมากมาย
ทั้งที่เพิ่งมีอายุเพียงแค่ 20 ต้น ๆ เท่านั้น
เธอคนนั้นคือ ทิยาน่า บอสโกวิช
อดีตดาวรุ่งพุ่งแรงทีมชาติเซอร์เบีย ที่ปัจจุบันแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในเวทีระดับโลก
และกลายเป็นตัวหลักสำคัญที่ "ทีมสาวเซิร์บ" จะขาดไม่ได้ จากเด็กสาววัย 16 ที่มีโอกาส
รับใช้ ทีมชาติเซอร์เบีย (ชุดยุวชน)
ก้าวมาเป็นตบสาววัย 23 ปี ที่เคยพาทีม
ผ่านเข้าถึงรอบชิงฯ ในโอลิมปิก เกมส์ มาแล้ว
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน บอสโกวิช เป็นดาวรุ่งตัวความหวังของ ทีมชาติเซอร์เบีย คล้ายๆ
กับ อัจฉราพร คงยศ, ชัชชุอร โมกศรี, พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ นักกีฬาอายุน้อยของชาติอื่นๆ
แต่ที่แตกต่างคือเธอสามารถแบกรับความกดดัน และพัฒนาศักยภาพจนมาไกลได้ขนาดนี้
บอสโกวิช ไม่ใช่เพียงแค่ "ดาวรุ่งพุ่งแรง"
ที่สอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่เธอกลายเป็น "ตัวหลัก" ที่น่าจะถูกถอดออกจากสนาม
เป็นคนสุดท้าย
เมื่อปี 2013 บอสโกวิช ในวัย 16 ปี
เป็นตัวแทนของทีมชาติเซอร์เบีย เดินทาง
มาแข่งขันที่จังหวัดนครราชสีมา ในทัวร์นาเมนต์ "วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก" รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และมีโอกาสดวลกับ "ตบสาวไทย"
เพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน
ปรากฏว่า บอสโกวิช ทำได้ 8 คะแนน ก่อนจะช่วยทีมเอาชนะ ทีมชาติไทย 3 เซตรวด
สุดท้ายแล้ว ทีมชาติเซอร์เบีย จบเป็นอันดับ 6 ของรายการ หลังจากแพ้ ทีมชาติญี่ปุ่น ในรอบชิงอันดับ 5 (บอสโกวิช ทำไป 19 แต้ม)
ขณะที่ บอสโกวิช เป็นผู้เล่นทำแต้มสูงสุดของ ทีมชาติเซอร์เบีย ในทัวร์นาเมนต์ โดยทำไป 137 แต้ม
1 ปีต่อมาในวัย 17 ปี เธอก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการและได้ประเดิมสนามครั้งแรกในรายการ "ชิงแชมป์โลก 2014"
ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นวอลเลย์บอลรายการที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่ใช่ปัญหาของเธอ
เพราะสามารถทำแต้มคนเดียวเกือบ 150 แต้ม
แต่ที่น่าชื่นชมมากกว่านั้นคือ บอสโกวิชสามารถแผลงฤทธิ์ได้กับทุกทีมไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก
ซึ่งเป็นจุดเด่นที่นักกีฬาอายุน้อยส่วนใหญ่
ทำไม่ได้ และสุดท้าย "ตบสาวเซิร์บ" จบเป็นอันดับที่ 7 ของรายการ
ปี 2015
บอสโกวิช สามารถคว้าเหรียญรางวัลแรก
กับทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จในการแข่งขัน "เวิลด์ คัพ" หลังจากขับเคี่ยวกับ "ทีมบิ๊กเนม"
ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนทำสถิติเท่ากับ ทีมชาติจีน (ชนะ 10 แพ้ 1) แต่ต้องจบเป็นอันดับที่ 2 เพราะมีคะแนนน้อยกว่า
แต่ถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย
นับตั้งแต่ บอสโกวิช เข้ามาร่วมทีม
ปี 2016
คือการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ บอสโกวิช ผลพลอยได้จากการจบอันดับ 2
ในศึก "เวิลด์ คัพ 2015" ทำให้พวกเธอได้ตั๋วลุย "โอลิมปิกเกมส์ 2016" รอบสุดท้าย ที่บราซิล (สมัยก่อนไม่คัดแบบปี 2020)
ไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่า ทีมชาติเซอร์เบียจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
เพราะอยู่ในกลุ่มค่อนข้างแข็ง และต้องพบ
ทั้ง สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, จีน
รวมทั้ง อิตาลี
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว "ตบสาวเซิร์บ" สามารถทำ
ได้สำเร็จ หลุดเข้าไปไปชิงกับ ทีมชาติจีน
แต่พ่ายไปในที่สุด 1-3 เซต ทั้งที่เคยเอาชนะ
มาแล้ว 3 เซตรวด ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
หลังจากที่คว้าเหรียญเงินในโอลิมปิก เกมส์
ได้สำเร็จ
เซอร์เบีย ก็ยกระดับเป็นทีมชั้นแนวหน้า
เช่นเดียวกับ บอสโกวิช ที่กลายเป็นตัวทำแต้มระดับโลก เธอพาเซอร์เบียคว้าอันดับ 3 ศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2017
ก่อนจะคว้าแชมป์ยุโรปในปีเดียวกันพร้อมกับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์
ปีถัดมาเธอยิ่งประกาศศักดาไปไกลกว่าเดิม
เมื่อพา เซอร์เบีย คว้าแชมป์โลกสมัยแรกอย่างเหลือเชื่อ หลังพลิกกลับมาชนะ อิตาลี 3-2 เซต ในการแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเอ็มวีพีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นของบอสโกวิชนี่เอง
ซึ่งความสำเร็จของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เจ้าตัวโตวันโตคืนและเก่งขึ้นๆ ทุกวัน ก่อนจะพาเซอร์เบียป้องกันแชมป์ยุโรปในปี 2019
และคว้ารางวัลเอ็มวีพีเป็นหนที่สองติดต่อกัน
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าในโอลิมปิก เกมส์ "โตเกียว 2020" ปีนี้
ทิยาน่า บอสโกวิช และทีมเซอร์เบีย ย่อมมองไปที่เป้าหมายอื่นไม่ได้นอกจากเหรียญทอง
ซึ่งเราคงต้องรอดูกันว่าพวกเธอจะทำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม บอสโกวิช ก็ถือเป็นแบบอย่างของ "ดาวรุ่งพุ่งแรง" ที่สามารถพัฒนา
จากระดับเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ
มันเป็นเรื่องที่คิดง่ายแต่ทำยาก เพราะต้องมีหลายปัจจัยสนับสนุน แต่ที่น่าเอาเป็นแบบอย่างที่สุด คือความคิดและทัศนคติ
รวมถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เพราะถ้าขาด
ไปแค่ไปอย่างใดอย่างหนึ่ง
เธอน่าจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้
ใครเคยติดตามผลงานของ บอสโกวิช จะทราบว่า เจ้าตัว คือ คนที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกเกมที่ถูกส่งลงสนาม กล้าเล่น กล้าลอง ในทุกสถานการณ์ ปัญหาเดียวของเธอที่ทำให้มีสะดุดบ้างเล็กน้อย คืออารมณ์
เพราะสมัยขึ้นมาใหม่ๆมักจะมีปัญหาเรื่องนี้
เกือบตลอดและยังส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเธอเองในบางครั้ง แต่พอเริ่มโตขึ้นทุกอย่างก็ดีขึ้นตามลำดับ โมโหน้อยลง เล่นได้แน่นอนขึ้น เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครหยุดเธอได้แล้ว
บทความ 3 ปีที่แล้ว : ทิยาน่า บอสโกวิช เส้นทางชีวิตแห่งวงการตบลูกยาง
(คัดเลือกโอลิมปิกฯ) เมื่อต้นปีที่แล้ว
ได้เกิดคำถามตามมามากมาย
บางคำถามตอบได้ทันที
บางคำถามตอบไม่ได้เพราะยังไม่เกิด
และบางคำถามตอบได้แต่ยังไม่ตอบ
แต่มีอยู่หนึ่งคำถามที่ได้ยินกันมาพักใหญ่แล้วคือ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ "ทีมสาวไทย" ในอนาคต เพราะอีกไม่นานจากนี้
"5 เซียน" จะต้องประกาศอำลาทีมชาติแน่นอน
คำถามที่พูดถึงอาจตอบทันทีไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ การจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ "ทีมสาวไทย" หรือ ทีมใดทีมหนึ่ง คงต้องทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง
มีฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอ พูดมาถึงตรงนี้แล้วนึกถึง นักวอลเลย์บอลสาวคนหนึ่ง
จะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็แล้วแต่
สุดท้ายเจ้าตัวก้าวขึ้นมาเป็นดาวตบเบอร์ต้น ๆ ของโลกและประสบความสำเร็จมากมาย
ทั้งที่เพิ่งมีอายุเพียงแค่ 20 ต้น ๆ เท่านั้น
เธอคนนั้นคือ ทิยาน่า บอสโกวิช
อดีตดาวรุ่งพุ่งแรงทีมชาติเซอร์เบีย ที่ปัจจุบันแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในเวทีระดับโลก
และกลายเป็นตัวหลักสำคัญที่ "ทีมสาวเซิร์บ" จะขาดไม่ได้ จากเด็กสาววัย 16 ที่มีโอกาส
รับใช้ ทีมชาติเซอร์เบีย (ชุดยุวชน)
ก้าวมาเป็นตบสาววัย 23 ปี ที่เคยพาทีม
ผ่านเข้าถึงรอบชิงฯ ในโอลิมปิก เกมส์ มาแล้ว
กับ อัจฉราพร คงยศ, ชัชชุอร โมกศรี, พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ นักกีฬาอายุน้อยของชาติอื่นๆ
แต่ที่แตกต่างคือเธอสามารถแบกรับความกดดัน และพัฒนาศักยภาพจนมาไกลได้ขนาดนี้
บอสโกวิช ไม่ใช่เพียงแค่ "ดาวรุ่งพุ่งแรง"
ที่สอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่เธอกลายเป็น "ตัวหลัก" ที่น่าจะถูกถอดออกจากสนาม
เป็นคนสุดท้าย
เมื่อปี 2013 บอสโกวิช ในวัย 16 ปี
เป็นตัวแทนของทีมชาติเซอร์เบีย เดินทาง
มาแข่งขันที่จังหวัดนครราชสีมา ในทัวร์นาเมนต์ "วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก" รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และมีโอกาสดวลกับ "ตบสาวไทย"
เพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน
ปรากฏว่า บอสโกวิช ทำได้ 8 คะแนน ก่อนจะช่วยทีมเอาชนะ ทีมชาติไทย 3 เซตรวด
สุดท้ายแล้ว ทีมชาติเซอร์เบีย จบเป็นอันดับ 6 ของรายการ หลังจากแพ้ ทีมชาติญี่ปุ่น ในรอบชิงอันดับ 5 (บอสโกวิช ทำไป 19 แต้ม)
ขณะที่ บอสโกวิช เป็นผู้เล่นทำแต้มสูงสุดของ ทีมชาติเซอร์เบีย ในทัวร์นาเมนต์ โดยทำไป 137 แต้ม
1 ปีต่อมาในวัย 17 ปี เธอก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการและได้ประเดิมสนามครั้งแรกในรายการ "ชิงแชมป์โลก 2014"
ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นวอลเลย์บอลรายการที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่ใช่ปัญหาของเธอ
เพราะสามารถทำแต้มคนเดียวเกือบ 150 แต้ม
แต่ที่น่าชื่นชมมากกว่านั้นคือ บอสโกวิชสามารถแผลงฤทธิ์ได้กับทุกทีมไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก
ซึ่งเป็นจุดเด่นที่นักกีฬาอายุน้อยส่วนใหญ่
ทำไม่ได้ และสุดท้าย "ตบสาวเซิร์บ" จบเป็นอันดับที่ 7 ของรายการ
ปี 2015
บอสโกวิช สามารถคว้าเหรียญรางวัลแรก
กับทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จในการแข่งขัน "เวิลด์ คัพ" หลังจากขับเคี่ยวกับ "ทีมบิ๊กเนม"
ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนทำสถิติเท่ากับ ทีมชาติจีน (ชนะ 10 แพ้ 1) แต่ต้องจบเป็นอันดับที่ 2 เพราะมีคะแนนน้อยกว่า
แต่ถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย
นับตั้งแต่ บอสโกวิช เข้ามาร่วมทีม
ปี 2016
คือการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ บอสโกวิช ผลพลอยได้จากการจบอันดับ 2
ในศึก "เวิลด์ คัพ 2015" ทำให้พวกเธอได้ตั๋วลุย "โอลิมปิกเกมส์ 2016" รอบสุดท้าย ที่บราซิล (สมัยก่อนไม่คัดแบบปี 2020)
ไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่า ทีมชาติเซอร์เบียจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
เพราะอยู่ในกลุ่มค่อนข้างแข็ง และต้องพบ
ทั้ง สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, จีน
รวมทั้ง อิตาลี
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว "ตบสาวเซิร์บ" สามารถทำ
ได้สำเร็จ หลุดเข้าไปไปชิงกับ ทีมชาติจีน
แต่พ่ายไปในที่สุด 1-3 เซต ทั้งที่เคยเอาชนะ
มาแล้ว 3 เซตรวด ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
หลังจากที่คว้าเหรียญเงินในโอลิมปิก เกมส์
ได้สำเร็จ
เซอร์เบีย ก็ยกระดับเป็นทีมชั้นแนวหน้า
เช่นเดียวกับ บอสโกวิช ที่กลายเป็นตัวทำแต้มระดับโลก เธอพาเซอร์เบียคว้าอันดับ 3 ศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2017
ก่อนจะคว้าแชมป์ยุโรปในปีเดียวกันพร้อมกับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์
ปีถัดมาเธอยิ่งประกาศศักดาไปไกลกว่าเดิม
เมื่อพา เซอร์เบีย คว้าแชมป์โลกสมัยแรกอย่างเหลือเชื่อ หลังพลิกกลับมาชนะ อิตาลี 3-2 เซต ในการแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเอ็มวีพีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นของบอสโกวิชนี่เอง
ซึ่งความสำเร็จของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เจ้าตัวโตวันโตคืนและเก่งขึ้นๆ ทุกวัน ก่อนจะพาเซอร์เบียป้องกันแชมป์ยุโรปในปี 2019
และคว้ารางวัลเอ็มวีพีเป็นหนที่สองติดต่อกัน
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าในโอลิมปิก เกมส์ "โตเกียว 2020" ปีนี้
ทิยาน่า บอสโกวิช และทีมเซอร์เบีย ย่อมมองไปที่เป้าหมายอื่นไม่ได้นอกจากเหรียญทอง
ซึ่งเราคงต้องรอดูกันว่าพวกเธอจะทำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม บอสโกวิช ก็ถือเป็นแบบอย่างของ "ดาวรุ่งพุ่งแรง" ที่สามารถพัฒนา
จากระดับเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ
มันเป็นเรื่องที่คิดง่ายแต่ทำยาก เพราะต้องมีหลายปัจจัยสนับสนุน แต่ที่น่าเอาเป็นแบบอย่างที่สุด คือความคิดและทัศนคติ
รวมถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เพราะถ้าขาด
ไปแค่ไปอย่างใดอย่างหนึ่ง
เธอน่าจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้
ใครเคยติดตามผลงานของ บอสโกวิช จะทราบว่า เจ้าตัว คือ คนที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกเกมที่ถูกส่งลงสนาม กล้าเล่น กล้าลอง ในทุกสถานการณ์ ปัญหาเดียวของเธอที่ทำให้มีสะดุดบ้างเล็กน้อย คืออารมณ์
เพราะสมัยขึ้นมาใหม่ๆมักจะมีปัญหาเรื่องนี้
เกือบตลอดและยังส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเธอเองในบางครั้ง แต่พอเริ่มโตขึ้นทุกอย่างก็ดีขึ้นตามลำดับ โมโหน้อยลง เล่นได้แน่นอนขึ้น เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครหยุดเธอได้แล้ว