สืบลับฉบับเลิฟ (8)

กระทู้สนทนา


ชลัน

นกมองตามหลังครูและพยาบาลของเจ้าของบ้านบ้านวรโชติโภคินไปด้วยสายตาไม่พอใจ หล่อนเฝ้าคอยตามประกบติดคุณครูสุดหล่อมาตั้งหลายเดือนแล้ว อยู่ ๆ ก็มาพบว่ามีคนอื่นทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"มาทำอะไรที่นี่" อนงค์เดินมาจากด้านหลัง สะกิดถามลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งหน้างออยู่หน้าโรงรถ

"มาส่งครูแทนคุณกลับบ้าน" คนเป็นลูกตอบผู้เป็นแม่เสียงห้วน

"อย่าบอกนะว่าแกชอบคุณครูเขา" ผู้เป็นแม่ดักคอ รู้จักนิสัยใจคอลูกสาวดี เพราะตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวนกก็วุ่นวายอยู่แต่กับปัญหาหัวใจที่เผลอปล่อยไปฝากไว้กับใครต่อใครได้ง่าย ๆ มาตลอด

"ถ้าหนูบอกแบบนั้นแล้วแม่จะว่าไงล่ะ" น้ำเสียงจริงจังของลูกสาวทำเอาคนเป็นแม่ถอนหายใจเฮือก

"แม่จะไปว่าอะไรแกได้ เคยห้ามแกได้ด้วยเหรอเรื่องพวกนี้น่ะ ห้ามแล้วก็ไม่เคยฟังเลยสักครั้ง เบื่อจะพูด"

"เบื่อก็ไม่ต้องพูด เพราะหนูก็เบื่อฟังเหมือนกัน หนูรู้หรอกน่าควรจะทำอะไร"

อนงค์หันหลังกลับเดินเข้าบ้านพร้อมพึมพำทิ้งท้าย "ไม่พูดก็ไม่พูด เจียมตัวเองไว้บ้างก็ดีนะลูก หน้าตาอย่างแกคนหล่อ ๆ แบบนั้นเขาไม่ชายตามองหรอก"

คำพูดที่เบาจนแทบฟังไม่ชัดนั้นราวกับเสียงตะโกนที่ก้องอยู่ในหูสองข้าง นกปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มทันที หน้าตาอย่างหล่อนมันหน้าเกลียดตรงไหน ทำไมจะทำให้คนหล่อ ๆ ชายตามองบ้างไม่ได้ หน้าตาอย่างหล่อนนี่แหละที่จะครองใจชาย...คอยดูสิ
....


เลอดาวบอกให้แทนคุณส่งตนเองในจุดที่สามารถต่อรถไปเองได้สะดวกก็เพียงพอแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่ยอม ดึงดันจะส่งให้ถึงที่ ทำให้หล่อนต้องยอมจำใจบอกทางกลับบ้าน ซึ่งจุดที่หญิงสาวบอกว่าเป็นบ้านพักนั้นอยู่ในย่านการค้าในตอนกลางคืนพอดี ร้านอาหารเรียงรายอยู่ริมฟุตบาท จนคนมาส่งเอ่ยปากอยากหาของหวานกิน เจ้าถิ่นจึงอาสาขอเลี้ยงขนมเป็นการตอบแทน

นักสืบหนุ่มสั่งบัวลอยมาลองชิม ในขณะที่เลอดาวสั่งทับทิมกรอบกะทิสด

"ของน้องดาวน่ากินจัง"

"พี่คุณลองชิมมั้ยคะ"

"ได้เหรอ..." ถามแบบนั้นแต่ช้อนลอยมารอเหนือถ้วยขนมเรียบร้อยแล้ว แววตาสนุกสนานเปล่งประกายระยิบระยับจนคนมองยิ้มกว้างพยักหน้าหงึก ๆ อนุญาตแทนคำตอบ

"อร่อยมั้ยคะ" เลอดาวถามเมื่อเห็นเขาตักเข้าปากแล้ว

"อร่อยมาก ๆ พี่ขอสั่งแบบน้องดาวอีกถ้วยได้มั้ย เลี้ยงไหวมั้ย"

เจ้ามือตบกระเป๋าสะพายเป็นการบอกว่าไหวเสมอ "สบายมากค่ะ ขนมแค่นี้ยังไม่เท่าค่ารถกลับบ้านของดาวเลย สั่งอีกสามถ้วยก็เลี้ยงไหวค่ะ"

"งั้นพี่คุณไม่เกรงใจแล้วนะ" คนตัวโตหันไปสั่งขนมแม่ค้าด้วยเสียงทุ้มน่าฟังพร้อมรอยยิ้มตาหยีทำให้แม่ค้าชม้ายชายตายิ้มหวานตอบกลับมา ปริมาณขนมในถ้วยก็มากเป็นพิเศษด้วย

ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้จัดการกับขนมหวานโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืด ๆ มือหนาหยิบขึ้นมาพลิกหน้าจอดูก่อนกดรับพร้อมเสียงทักทายที่เต็มไปด้วยความสนิทสนมจนเลอดาวแอบรู้สึกจี๊ดในใจ

"ฮัลโหลที่รัก คิดถึงสุดหล่อเหรอครับผม หือ... จริงเหรอ ดีเลยตอนนี้เราอยู่แถวบ้านติ๊หน่าพอดีเลย ออกมาหาหน่อยสิ นะ ๆ คิดถึงใกล้นิดเดียวเอง เดินออกมาเหงื่อไม่ทันออกก็เจอ ร้านขนมเจ๊ละไมหน้าปากซอย โอเค... จะรอนะ"

"เอ่อพี่คุณนัดเพื่อนเหรอคะ"

"ครับ" แทนคุณยิ้มตอบสั้น ๆ ก้มหน้าก้มตาจัดการขนมตรงหน้าลงกระเพาะในเวลารวดเร็วหมดก่อนขนมถ้วยแรกของหญิงสาวเสียอีก

"งั้นดาวขอตัวเข้าบ้านก่อนดีมั้ยคะ จะได้ไม่เกะกะพี่แทนคุณ"

"ฮื้อ เกะกะอะไร น้องดาวตัวนิดเดียว มองแทบไม่เห็นตัว"

คนฟังแอบน้อยใจวูบ 'มองแทบไม่เห็นตัว' กับ 'ไม่อยู่ในสายตา' นี่ความหมายใกล้กันไหม

ไม่เกินห้านาทีคนที่แทนคุณรอก็มาถึง เลอดาวแอบใจหล่นอีกรอบเมื่อเห็นหญิงสาวร่างสูงเพรียว ดวงตากลมโต ดูรวม ๆ แล้วสวยน่ารักสามารถเป็นนางเอกในละครได้เลย เจอหน้าแล้วก็เข้าใจว่าทำไมแทนคุณชอบพูดจาเย้าแหย่กับเธอคนนี้บ่อย ๆ

คนมาใหม่หันมายิ้มนิด ๆ ให้กับเพื่อนร่วมโต๊ะของชายหนุ่ม รอจนได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการจึงยิ้มกว้างขึ้นและยิ้มทักทายเสียงนุ่ม นิ่ง และมีมาดเท่ปนเก๋อยู่ในตัว

"สวัสดีค่ะคุณเลอดาว"

"เรียกดาวเฉย ๆ ดีกว่าค่ะ เรียกคุณฟังแล้วเขินจัง ส่วนดาวขอเรียกว่าพี่ติ๊หน่าได้มั้ยคะ" คนอ่อนวัยกว่ายิ้มแหย ๆ ขออนุญาต

"ได้ค่ะ" หลังจากตอบแล้วก็หันมาทางแทนคุณที่นั่งยิ้มกว้างทำหน้าทะเล้นได้ตลอดเวลา "เรียกเรามาทำไม ดึกแล้วไม่เกรงใจกันเลย"

"ก็บอกว่าคิดถึงไง ถามบ่อย ๆ อย่างนี้อยากได้ยินบ่อย ๆ ล่ะสิ"

เมื่อได้คำตอบแบบนั้นติ๊หน่าก็กลอกตาขึ้นฟ้าระบายลมหายใจสั้น ๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้เลอดาวแทน

"กินขนมมั้ย" แทนคุณถาม

"ก็เอาสิ"

"บัวลอยไข่หวานนะ"

"อืม"

อีกครั้งที่เลอดาวปวดหนึบบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ สองคนตรงหน้าดูเข้าอกเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายเลย เป็นความสนิทสนมที่เห็นได้ชัดเจนว่าเกินคำว่าเพื่อนธรรมดา ก็คงอย่างนั้นฟังจากคำก็ที่รักสองคำก็ที่รัก

"ดาวขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ โทรมาบอกคุณย่าไว้ว่ากำลังกลับ กลัวท่านรอนาน"

"ให้พี่เดินไปส่งนะน้องดาว" แทนคุณอาสา

"ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร พี่คุณอยู่กับพี่ติ๊หน่าเถอะค่ะ บ้านดาวอยู่ใกล้นิดเดียว" หญิงสาวปฏิเสธหนักแน่น หันมายิ้มกับผู้หญิงอีกคนก่อนเอ่ยลา "ดาวไปก่อนนะคะพี่ติ๊หน่า"

"ค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ"

เลอดาวยิ้มรับ ไม่สามารถตอบกลับได้ว่าเจอกันใหม่ เพราะบอกจากใจจริงเลยว่า...ไม่อยากเจอให้ปวดใจ

"เดี๋ยวดาวไปจ่ายค่าขนมไว้เลยนะคะพี่แทนคุณ"

"ไม่ต้องครับพี่ล้อเล่น ผู้ชายมาดแมนแสนใจดีอย่างพี่แทนคุณจะให้น้องดาวเลี้ยงได้ยังไง เสียหน้าหมด"

"แต่...ดาว"

"ห้ามแต่... ห้ามดื้อ... โอเคนะครับ"

โดนคาดคั้นแบบนั้นหญิงสาวจึงจำใจต้องยอมตกลงแล้วกล่าวคำลา

รอจนร่างเพรียวบางเดินจากไปสักครู่ แทนคุณก็หันมาทางเพื่อนสนิทก่อนที่ฝ่ายนั้นจะพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็ลุกตามไป หายไปไม่นานก็กลับมาทรุดตัวลงนั่งที่เดิม มองหน้าเพื่อนที่กำลังยกช้อนขนมขึ้นจ่อปาก

"ถ้าบ้านอยู่แถวนี้จริง ๆ ก็คงไม่ต้องเรียกแท็กซี่"

ติ๊หน่าพยักหน้าเร็ว ๆ อย่างเห็นด้วย "เราก็ไม่เคยเห็นหน้าน้องดาวแถวนี้เลย" คนบ้านอยู่แถวนี้จริง ๆ ช่วยยืนยันความเชื่อของแทนคุณที่ว่า 'เลอดาวมีอะไรปิดบัง'

"พอน้องดาวบอกให้มาส่งแถวนี้ เราก็ไม่เชื่อหรอกว่าบ้านน้องเขาอยู่แถวนี้จริง ๆ บังเอิญมันใกล้บ้านติ๊หน่าด้วยเลยตามให้มาช่วยยืนยัน"

ชายหนุ่มแอบส่งเสียงมาตามเครื่องมือสื่อสารสุดไฮเทคในคราบโทรศัพท์มือถือรุ่นโลว์เทคตั้งแต่ตอนที่ขอแวะปั๊มกลางทางเพื่อทำธุระส่วนตัว นัดแนะให้เพื่อนเตรียมตัวออกมาสมทบทันทีที่มาถึงที่นี่

"สงสัยอะไรน้องเขาล่ะ"

"บอกไม่ถูก มันเหมือนมีอะไรน่าสงสัย แต่ก็ไม่มีพิรุธอะไรให้สงสัยได้เลย" คนพูดรู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดออกมาด้วยความหดหู่และห่อเหี่ยว

เพราะรู้จักกันมานานหล่อนจึงไม่ออกปากแย้งว่า 'คิดมาก' หรืออะไรประมาณนั้น เขาเป็นคนมีสัญชาตญาณการเป็นนักสืบที่ดีและหล่อนเองก็เชื่อมือเขา

"รู้สึกว่าน้องดาวดูสำคัญนะ" แววตาที่มองมาทำให้แทนคุณชะงักและร้อนตัว

"ไม่ ๆ ไม่ใช่อย่างที่ติ๊หน่าคิดนะ น้องเขาไม่ใช่สเปกเรา ไม่เอ็กซ์ เซ็กซ์ อึ๋ม ร้อนแรงไฟลุกท่วม คือน้องเขาดูใส ดูซื่อ แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว บางอย่างบอกเราว่าน้องเขาไม่ซื่อใสเท่าที่เห็นด้วยตา" คนที่ราวกับแก้ตัวพูดรัวเสียงสูง

"ซึ่งคนในสเปกก็ไม่เคยเป็นตัวจริง"

พูดอีกก็ถูกอีก... แทนคุณรู้ดีว่าคนข้าง ๆ รู้จักตัวตนเขาดี บางทีดีกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก

"ก็..." คนที่เคยพูดจ้อรู้สึกหมดทางไป ต้องหันมาทบทวนความรู้สึกวุ่นวายที่ซุกซ่อนอยู่ในใจตัวเอง ก่อนที่คนพูดน้อยจะเปลี่ยนเรื่องคุย

"เรื่องบ้านที่คุณอภิสิทธิ์ชอบแวะไปก่อนกลับบ้านได้เรื่องแล้วนะ"

"ใช่อย่างที่คิดมั้ย" แทนคุณหายใจคล่องขึ้นทันทีที่เพื่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

"ใช่! บ้านนั้นเป็นบ้านเล็กของคุณอภิสิทธิ์ แต่เป็นบ้านเล็กที่มาก่อนบ้านใหญ่"

แทนคุณยิ้มเพราะเขาทราบและคาดการณ์ไว้แล้ว เดือนก่อนนั้นที่อภิสิทธิ์กับเอมอรทะเลาะกันเรื่องนี้ "ร้ายกาจไม่เบานะลูกชายคนเล็กของคุณแพรทอง"

มือเล็กตีเพียะเข้าที่หลังมือของเพื่อน เมื่อรายนั้นคว้าช้อนที่หล่อนวางไว้ในถ้วยทำท่าจะตักขนมเข้าปาก แล้วยึดช้อนมาถือไว้ซะเอง แทนคุณทำปากขมุบขมิบอ่านได้ว่า 'งก'

"เท่าที่สืบมา คุณอภิสิทธิ์คบกับผู้หญิงที่ชื่อชมจันทร์มานานตั้งแต่สมัยเรียน แต่ก็ยังเจ้าชู้ไปทั่วจนมาเจอเข้ากับคุณเอมอร คบกันได้ไม่นานก็แต่งงานกัน เหตุผลที่ต้องแต่งงานก็เพราะคุณเอมอรท้อง ข้อมูลบอกว่าคุณชมจันทร์ทำใจไม่ได้เลยเสียใจมากจนเข้าโรงพยาบาลสาเหตุมาจากการกินยานอนหลับเกินขนาด"

"ยานอนหลับ"

"อืม"

ทั้งคู่มองหน้าอย่างรู้กันว่ากำลังคิดถึงเรื่องยานอนหลับ...ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการตายของเจ้าสัวสุทิน

คราวนี้แทนคุณเป็นฝ่ายแย่งช้อนออกจากมือของติ๊หน่า วางธนบัตรใบละร้อยไว้บนโต๊ะแล้วจูงมือเดินออกจากร้านตรงไปที่พาหนะคู่ใจของตน สวมหมวกกันน็อกใบที่หล่อนใส่เป็นประจำให้ แล้วพากันออกจากความจอแจริมถนนมาจอดคุยกันที่หน้าบ้านของหญิงสาวต่อ

"ถ้าคุณชมจันทร์ทำใจไม่ได้ขนาดต้องกินยาฆ่าตัวตายแล้วทำไมไม่เลิกลากับคุณอภิสิทธิ์ไปซะ แต่กลับยอมเป็นบ้านเล็ก เราไม่เข้าใจ"

"เราก็ไม่เข้าใจวิธีการคิดแบบนี้ของผู้หญิง เพราะถ้าเป็นเราก็จะเดินจากไปแบบเงียบ ๆ มีศักดิ์ศรีกว่า"

แทนคุณคันปากจะแซวออกนอกเรื่องอีก แต่ดูจากท่าทางขึงขังของเพื่อนแล้วคิดว่าอย่าแหย่หนวดเสือสาวเลยดีกว่า

"คนเจ้าชู้อาจมีเสน่ห์ดึงดูดที่ยากจะตัดใจมั้ง"

ติ๊หน่าเบ้ปาก ทำหน้าราวเหม็นเบื่อคนประเภทที่ถูกกล่าวถึงเพราะคุ้น ๆ ว่าจะคล้ายลักษณะของคนพูดไม่ใช่ย่อย

"มีลูกด้วยกันนะ"

"จริงอ่ะ" นักสืบหนุ่มอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง

"ลูกสาวอายุสองขวบ"

"พูดชายคนนี้เหมือนพ่อตัวเองหลายเรื่องเลย กรรม... ถ้าคุณเอมรู้เรื่องนี้มีหวังตายกันไปข้าง" แทนคุณกลืนน้ำลายฝืดคอ เพียงนึกไปถึงวันที่เอมอรจับได้เรื่องอภิสิทธิ์กับแฟนเก่าคนนี้ นั่นแค่เพียงรูปถ่าย แต่ถ้าหล่อนรู้ว่าถึงขั้นมีลูกด้วยกันจะคลั่งขนาดไหน

"เห็นว่าเคยมีพวงหรีดส่งไปในงานแต่งงานของคุณอภิสิทธิ์กับคุณเอมอรด้วย ว่ากันว่าเป็นฝีมือของคุณชมจันทร์"

"ดราม่ามาก ๆ"

ติ๊หน่าหัวเราะเบา ๆ เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านแล้วล็อกกุญแจ "กลับบ้านนอนได้แล้ว...ง่วง"

แทนคุณยกมือตะเบ๊ะท่าทางแข็งขัน ไม่ค้านการกระทำของเพื่อนเพราะรู้ดีว่าขานั้นไม่ชอบพูดมาก

"ฝันดีครับท่าน"

หญิงสาวส่ายหน้าเหมือนระอาแต่แววตาเจือความเอ็นดู หมุนตัวเดินเข้าบ้านยกมือขึ้นแทนคำอำลา เป็นอันรู้กันว่าหมดเรื่องคุย... บ้านใครบ้านมัน
....


"สวัสดีครับ น้องดาวทำอะไรอยู่ ว่างมั้ย" เสียงที่ส่งมาตามสายดูร่าเริงจนคนกดรับสายใจเต้นตูมตาม

"พี่คุณ" เสียงหวานตอบมาให้รู้ว่าตื่นเต้น "ว่างค่ะ เอ่อ...ดาวนอนอ่านหนังสืออยู่ค่ะ"

"ดีจังเลย ตอนนี้พี่อยู่แถวบ้านน้องดาวพอดี๊พอดี ออกมาหาพี่หน่อยได้มั้ยครับ พี่คุณมีเรื่องรบกวนนิดเดียว"

"ตอนนี้เหรอคะ" เลอดาวคิดหาทางเอาตัวรอดจนหัวหมุน หยุดสัปดาห์นี้มันยังไงกันนะ หล่อนคิดจะพักผ่อนเสียหน่อยแต่ดันต้องมาวุ่นวายกับแทนคุณอีก แม้จะอยากเจอเขาก็ตาม ทว่าในเวลานี้ไม่เจอกันเลยจะดีกว่านอกจากเวลางาน

"ตอนนี้เลย พี่คุณรออยู่ปากซอยนะครับ แถวที่เรามากินขนมเมื่อคืนน่ะ"

เสียงสัญญาณวางสายดังตึ๊ดทำเอาสาวร่างเล็กหมดหนทางแก้ตัวต้องกระโจนลุกจากโซฟา วิ่งไปคว้ากระเป๋าสะพายแล้วตะโกนลั่น

"ดาวไปธุระ เดี๋ยวมานะคะคุณย่า"

ยังไม่ทันที่คนเป็นคุณย่าจะตอบว่าอย่างไร เลอดาวก็ไปถึงรถพร้อมสตาร์ตเครื่องเรียบร้อย

'เพี้ยง! ขออย่าให้รถติดเลย'

คำขอของสาวน้อยเป็นผลเมื่อหล่อนสามารถมาถึงจุดนัดพบในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง นับว่าทำเวลาได้ดีเยี่ยม แล้วที่เหลือก็คือการจอดรถของเธอไว้ที่ลับตา จุดที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าแทนคุณไม่เห็น จากนั้นก็วิ่งหน้าตั้งไปยังจุดที่หนุ่มเจ้าเล่ห์นัดหมาย หยุดหอบหายใจสักครู่ พยายามทำหน้านิ่ง เดินอย่างมั่นคงไปยังจุดที่แทนคุณยืนอยู่

"พี่คุณคะ"

"น้องดาว" ชายหนุ่มมองโดยการยกมุมปากขึ้นยิ้ม เอียงคอนิด ๆ "ทำไมช้าจัง ติดธุระอะไรอยู่หรือเปล่า"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่