ริคกี ฟาวเลอร์ ในชุดเสื้อแขนยาวปล่อยชายสีเทา กางเกงสีขาว หมวกสีขาว รวมถึง ก้านพัตเตอร์สีขาว ช่างแมทช์กับท้องฟ้าและเมฆสีหม่นๆ ที่ลอยเหนือสนาม ลอส เองเจลลีสต์ คันทรีคลับ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ในวันแรกของกอล์ฟเมเจอร์ US Open ปี 2023
ใครๆ ก็ต้องแปลกตาแปลกใจ กับ ริคกี ฟาวเลอร์ ในมาดใหม่และชุดที่สวมใส่ ซึ่งก่อนหน้านี้ สปอนเซอร์เครื่องแต่งกายของเขา ที่เราคุ้นชินตาในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับเวทีใหญ่อย่างรายการระดับเมเจอร์ จะต้องเป็นเสื้อผ้าสีสดใสและสไตล์สะดุดตา อย่างชุดสีส้มล้วน อันเป็นเอกลักษณ์
เขาเปลี่ยนไปแล้ว อาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น จากหนุ่มมาดเซอร์ ที่ชอบขับมอเตอร์ไซค์วิบากเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เขาเป็นคุณพ่อแล้ว
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุด คงไม่พ้นสิ่งที่อยู่ในใจ ของนักกอล์ฟหนุ่มวัย 34 ปีคนนี้
การเดินทางกลับสู่ฟอร์ม ที่ยาวนานและยากลำบาก จากนักกอล์ฟที่แฟนกอล์ฟจับตามอง ไอดอลของเด็กๆ มืออันดับ 4 ของโลก ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดของอาชีพ สู่การทำสถิติใหม่ใน US Open โอเพนแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
ริคกี ฟาวเลอร์ ไม่มีแชมป์ในพีจีเอทัวร์ ติดไม้ติดมือ มาตั้งแต่ปี 2019 ยิ่งแชมป์ระดับเมเจอร์ นั้นไม่ต้องพูดถึง การทำสถิติ 62 แปดอันเดอร์พาร์ ที่สนามในนคร ลอส เองเจลิสต์ ต้องถือว่า เป็นสัญญาณของการฟื้นตัว กลับสู่ฟอร์มที่แฟนกอล์ฟ โดยเฉพาะชาวสีส้มในวงการกอล์ฟ คงยินดีกับนักกอล์ฟหนุ่มมาดเข้มคนนี้
อดีตนักกอล์ฟหมายเลข 4 ของโลกผู้นี้ ในปี 2014 เขาจบท็อป-5 ได้ในทั้งสี่รายการเมเจอร์ และสามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้ถึงสองรายการในปีถัดมา ซึ่งรวมถึง The Player ทำให้อันดับโลกของเขาพุ่งขึ้นไปถึงอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในอาชีพ และยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอไว้ได้ โดยสามารถจบอันดับท็อป-10 ได้ถึงห้าครั้งในทุกเมเจอร์ในระหว่างปี 2017-2019 แชมป์ล่าสุดในพีจีเอทัวร์ของเขาคือ 2019 WM Phoenix Open ก่อนที่ผลงานจะเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ด้วยปัญหาวงสวิง รวมถึง สถานการณ์โควิด-19
เมื่อปีที่แล้ว ริคกี ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นสามในสี่รายการเมเจอร์ รวมถึง เมเจอร์ยูเอสโอเพนนี้ โดยที่เจ้าตัวในวันนั้นซ้อมอยู่ในสนามไดรฟในฐานะผู้เล่นที่มีชื่อสำรอง รอโอกาสเผื่อมีผู้เล่นคนใดถอนตัวหรือไม่มาแข่งขัน โดยในราววันนี้ของปีที่แล้ว อันดับโลกของเขาหล่นไปไกลถึง 185 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลของการกลับไปหา บุทช์ ฮาร์มอน อดีตโค้ชที่เขาสนิทมากที่สุด
สนาม ลอส เองเจลลีสต์ คันทรีคลับ ดูเหมือนจะเข้าทางริคกีพอสมควร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสนามที่เขาเคยทำผลงานได้ดี โดยได้รองแชมป์ในรายการนี้เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในเมเจอร์ของเขา นั่นก็คือสนามไพน์เฮิร์ส หมายเลข 2 ทั้งสองสนามนอกจากหน้าตาจะละม้ายกันแล้ว ยังมีความต้องการช็อตมากพอกัน ซึ่งตรงกับสิ่งที่ริคกีถนัด และชอบทำเมื่ออยู่ในฟอร์มที่มั่นใจ
เขาเป็นนักกอล์ฟที่ใช้สมองซีกขวามากกว่าผู้เล่นคนอื่น เขามักจะทำได้ดีกว่าคนอื่นในสนามที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เขาชอบเล่นเชฟช็อต รวมทั้งปรับเปลี่ยนระดับไฟลท์บอลตามสถานการณ์ นั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาย้อนกลับไปหาบุทช์อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว แน่นอนว่าบุทช์รู้สึกเป็นปลื้มอย่างมาก กับสไตล์การโค้ชกอล์ฟของเขา ที่กำลังออกดอกผลิผลในตัวศิษย์รักและสนิทมากที่สุดคนนี้ การสอนของเขาที่ถูกมองว่าล้าสมัยในยุคปัจจุบัน ที่มองทุกอย่างเป็นตัวเลขและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สำหรับบุทช์ เขาสร้างนักกอล์ฟด้วยการสร้างความมั่นใจให้ตัวนักกอล์ฟ มากกว่าตัวเลขจากเครื่องลอนช์มอนิเตอร์ แต่ผลงานของริคกี กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า การสอนของบุทช์ ฮาร์มอน ไม่ได้ล้าหลัง หรือโบราณแต่อย่างใด
“บุทช์เป็นคนที่ยิ่งใหญ่เสมอ แค่เสียงของเขา และมีเขาอยู่ในมุมของคุณ ก็สร้างความมั่นใจให้คุณแล้ว เขาเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จให้กับนักกอล์ฟเก่งๆ มากมาย เขาเป็นโค้ชที่จะดึงศักยภาพของผู้เล่นให้ถึงขีดสุด ผมมีความรู้สึกว่า เขาเก่งทั้งการเป็นโค้ชกอล์ฟและไลฟ์โค้ชพร้อมๆ กัน” ฟาวเลอร์กล่าวถึงบุทช์
“เขาสามารถเป็นได้ทั้งผู้สอนด้านเทคนิคและกลไกที่ช่ำชอง หากต้องการ แต่เขาเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเกมกอล์ฟและจิตวิทยา แค่เขาบอกอะไรคุณเพียงบางอย่าง เพื่อให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นเพื่อออกไปเล่นกอล์ฟและทำทุกอย่างให้เรียบง่ายเข้าไว้ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในหลายๆ อย่างที่สำคัญ ในการกลับมาเล่นกอล์ฟได้ดีอีกครั้งของผม”
ริคกีได้อันดับที่สองร่วมในรายการ Zozo Championship แต่กระนั้นในต้นปี 2023 เขายังไม่อยู่ใน 100 อันดับแรกของโลก ทว่าผลงานก็มีความส่ำเสมอขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถยืนยันด้วยสถิติต่างๆชัดเจน โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ เขาสามารถเพิ่ม ความได้เปรียบสโตรก (stroke gained) ได้ในทุกประเภทของสถิติกอล์ฟ และสามารถขยับชื่อตัวเองไปปรากฏบนหน้าแรกของลีดเดอร์บอร์ดได้มากขึ้น
“แน่นอนว่ามันยาวนานและยากลำบาก” ฟาวเลอร์กล่าวถึงการเดินทางกลับมาสู่ท็อป-50 ของโลกอีกครั้ง “มันยาวนานกว่าที่คุณคิดไว้มาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อคุณสามารถผ่านมันไปได้”
“ผมอยากจะบอกว่า เราเริ่มจะกลับมายังจุด ที่อาจกล่าวได้ว่า ใกล้เคียงกับจุดที่ดีที่สุดที่เราเคยอยู่ในช่วงปี 2014 และ 2015 ตอนนี้ผมเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม คือผมสามารถดึงตัวเองออกจากสัปดาห์ที่ฟอร์มไม่ดีได้อย่างไม่ยาก”
โดยผลงานล่าสุดที่ผ่านมา เขาสามารถจบที่หกร่วมในรายการ Charles Schwab Challenge
และได้ที่เก้าร่วมที่ The Memorial เมื่อเดือนก่อน ก่อนจะมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เมื่อสองวันที่ผ่านมา
“มันยังเหลือกอล์ฟให้เล่นอีกมาก วันพรุ่งนี้ (ศุกร์) ช่วงบ่าย สนามต้องยากขึ้นแน่นอน แต่อย่างน้อยผมก็เริ่มต้นได้ดี”
การทำลายสถิติครั้งนี้ เป็นความประหลาดใจหรือไม่?
“ผมคิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า จะต้องมีคนทำสกอร์ที่ต่ำในเช้าวันพฤหัส หรือศุกร์ เนื่องจากการเซ็ตสนามที่ค่อนข้างเป็นใจ” ริช บีม อดีตแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิป ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ให้กับ Sky Sports “เมื่อสนามอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ และมีลมเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ มันจะต้องมีใครบางคนทำสกอร์ต่ำแน่ๆ แต่ที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนคือ ไม่เพียงแต่เราได้เห็นสกอร์ต่ำถึง 62 แต่ยังเห็นสกอร์นี้ จากผู้เล่นสองคนในเวลาที่ไล่เรี่ยกันอีกด้วย” อีกคนที่ทำสกอร์ 62 ในวันเดียวกันคือ แซนเดอร์ ช็อฟฟ์ลี แต่โชคไม่ดีนักที่ ริคกี ทำได้ก่อนเขาเพียงราว 30 นาที
นี่เป็นสกอร์ ที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูเอสโอเพน โดยทำลายสถิติเดิมที่ยาวนานถึง 50 ปี ซึ่งทำไว้โดย จอห์นนี่ มิลเลอร์ ที่สกอร์ 63 ที่สนามโอ็กมอนต์ ซึ่งช่างบังเอิญอย่างมากที่เจ้าตัวได้อยู่ในสนามการแข่งขันในวันนี้ด้วย เพื่อเข้ารับรางวัล USGA’s Bob Jones Award
นอกจากนี้ ริช บีม ยังให้ความเห็นต่ออีกว่า “ดูเหมือนว่านักกอล์ฟทุกคนที่ได้ไปหาบุทช์ พวกเขาจะพบว่ามุมมองด้านจิตวิทยากอล์ฟของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น บุทช์ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องวงสวิง เขายังช่วยให้นักกอล์ฟสามารถค้นหาความเชื่อมั่นในตัวตัวเองและเกมของตัวเองอีกด้วย”
ในที่สุดแล้ว ไม่ว่า ริคกี จะคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพนปีนี้ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าแฟนกอล์ฟทั่วโลกจะยังยิ้มได้ ที่ได้เห็นนักกอล์ฟคนหนึ่ง สามารถกลับมายังจุดที่เขาสมควรอยู่ได้อีกครั้ง แม้เขาจะไม่ชนะในครั้งนี้ แต่เชื่อว่า การสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ครั้งนี้ จะนำความภาคภูมิใจและความมั่นใจกลับมาให้เขาอย่างมาก บางทีอาจมากกว่าการได้แชมป์เสียอีก
อีก 10–20 ปีข้างหน้า เราท่านทั้งหลายอาจจำไม่ได้แล้วว่า แชมป์ ยูเอส โอเพน ปี 2023 ชื่ออะไร แต่จะจดจำได้ว่า เจ้าของสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบ ชื่อ ริคกี ฟาวเลอร์
แชมป์มีหลายคน แต่สถิติ มีเพียงหนึ่งเดียว
เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกุหลาบ (สีส้ม)
ริคกี ฟาวเลอร์ ในชุดเสื้อแขนยาวปล่อยชายสีเทา กางเกงสีขาว หมวกสีขาว รวมถึง ก้านพัตเตอร์สีขาว ช่างแมทช์กับท้องฟ้าและเมฆสีหม่นๆ ที่ลอยเหนือสนาม ลอส เองเจลลีสต์ คันทรีคลับ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ในวันแรกของกอล์ฟเมเจอร์ US Open ปี 2023
ใครๆ ก็ต้องแปลกตาแปลกใจ กับ ริคกี ฟาวเลอร์ ในมาดใหม่และชุดที่สวมใส่ ซึ่งก่อนหน้านี้ สปอนเซอร์เครื่องแต่งกายของเขา ที่เราคุ้นชินตาในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับเวทีใหญ่อย่างรายการระดับเมเจอร์ จะต้องเป็นเสื้อผ้าสีสดใสและสไตล์สะดุดตา อย่างชุดสีส้มล้วน อันเป็นเอกลักษณ์
เขาเปลี่ยนไปแล้ว อาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น จากหนุ่มมาดเซอร์ ที่ชอบขับมอเตอร์ไซค์วิบากเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เขาเป็นคุณพ่อแล้ว
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุด คงไม่พ้นสิ่งที่อยู่ในใจ ของนักกอล์ฟหนุ่มวัย 34 ปีคนนี้
การเดินทางกลับสู่ฟอร์ม ที่ยาวนานและยากลำบาก จากนักกอล์ฟที่แฟนกอล์ฟจับตามอง ไอดอลของเด็กๆ มืออันดับ 4 ของโลก ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดของอาชีพ สู่การทำสถิติใหม่ใน US Open โอเพนแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
ริคกี ฟาวเลอร์ ไม่มีแชมป์ในพีจีเอทัวร์ ติดไม้ติดมือ มาตั้งแต่ปี 2019 ยิ่งแชมป์ระดับเมเจอร์ นั้นไม่ต้องพูดถึง การทำสถิติ 62 แปดอันเดอร์พาร์ ที่สนามในนคร ลอส เองเจลิสต์ ต้องถือว่า เป็นสัญญาณของการฟื้นตัว กลับสู่ฟอร์มที่แฟนกอล์ฟ โดยเฉพาะชาวสีส้มในวงการกอล์ฟ คงยินดีกับนักกอล์ฟหนุ่มมาดเข้มคนนี้
อดีตนักกอล์ฟหมายเลข 4 ของโลกผู้นี้ ในปี 2014 เขาจบท็อป-5 ได้ในทั้งสี่รายการเมเจอร์ และสามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้ถึงสองรายการในปีถัดมา ซึ่งรวมถึง The Player ทำให้อันดับโลกของเขาพุ่งขึ้นไปถึงอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในอาชีพ และยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอไว้ได้ โดยสามารถจบอันดับท็อป-10 ได้ถึงห้าครั้งในทุกเมเจอร์ในระหว่างปี 2017-2019 แชมป์ล่าสุดในพีจีเอทัวร์ของเขาคือ 2019 WM Phoenix Open ก่อนที่ผลงานจะเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ด้วยปัญหาวงสวิง รวมถึง สถานการณ์โควิด-19
เมื่อปีที่แล้ว ริคกี ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นสามในสี่รายการเมเจอร์ รวมถึง เมเจอร์ยูเอสโอเพนนี้ โดยที่เจ้าตัวในวันนั้นซ้อมอยู่ในสนามไดรฟในฐานะผู้เล่นที่มีชื่อสำรอง รอโอกาสเผื่อมีผู้เล่นคนใดถอนตัวหรือไม่มาแข่งขัน โดยในราววันนี้ของปีที่แล้ว อันดับโลกของเขาหล่นไปไกลถึง 185 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลของการกลับไปหา บุทช์ ฮาร์มอน อดีตโค้ชที่เขาสนิทมากที่สุด
สนาม ลอส เองเจลลีสต์ คันทรีคลับ ดูเหมือนจะเข้าทางริคกีพอสมควร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสนามที่เขาเคยทำผลงานได้ดี โดยได้รองแชมป์ในรายการนี้เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในเมเจอร์ของเขา นั่นก็คือสนามไพน์เฮิร์ส หมายเลข 2 ทั้งสองสนามนอกจากหน้าตาจะละม้ายกันแล้ว ยังมีความต้องการช็อตมากพอกัน ซึ่งตรงกับสิ่งที่ริคกีถนัด และชอบทำเมื่ออยู่ในฟอร์มที่มั่นใจ
เขาเป็นนักกอล์ฟที่ใช้สมองซีกขวามากกว่าผู้เล่นคนอื่น เขามักจะทำได้ดีกว่าคนอื่นในสนามที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เขาชอบเล่นเชฟช็อต รวมทั้งปรับเปลี่ยนระดับไฟลท์บอลตามสถานการณ์ นั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาย้อนกลับไปหาบุทช์อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว แน่นอนว่าบุทช์รู้สึกเป็นปลื้มอย่างมาก กับสไตล์การโค้ชกอล์ฟของเขา ที่กำลังออกดอกผลิผลในตัวศิษย์รักและสนิทมากที่สุดคนนี้ การสอนของเขาที่ถูกมองว่าล้าสมัยในยุคปัจจุบัน ที่มองทุกอย่างเป็นตัวเลขและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สำหรับบุทช์ เขาสร้างนักกอล์ฟด้วยการสร้างความมั่นใจให้ตัวนักกอล์ฟ มากกว่าตัวเลขจากเครื่องลอนช์มอนิเตอร์ แต่ผลงานของริคกี กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า การสอนของบุทช์ ฮาร์มอน ไม่ได้ล้าหลัง หรือโบราณแต่อย่างใด
“บุทช์เป็นคนที่ยิ่งใหญ่เสมอ แค่เสียงของเขา และมีเขาอยู่ในมุมของคุณ ก็สร้างความมั่นใจให้คุณแล้ว เขาเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จให้กับนักกอล์ฟเก่งๆ มากมาย เขาเป็นโค้ชที่จะดึงศักยภาพของผู้เล่นให้ถึงขีดสุด ผมมีความรู้สึกว่า เขาเก่งทั้งการเป็นโค้ชกอล์ฟและไลฟ์โค้ชพร้อมๆ กัน” ฟาวเลอร์กล่าวถึงบุทช์
“เขาสามารถเป็นได้ทั้งผู้สอนด้านเทคนิคและกลไกที่ช่ำชอง หากต้องการ แต่เขาเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเกมกอล์ฟและจิตวิทยา แค่เขาบอกอะไรคุณเพียงบางอย่าง เพื่อให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นเพื่อออกไปเล่นกอล์ฟและทำทุกอย่างให้เรียบง่ายเข้าไว้ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในหลายๆ อย่างที่สำคัญ ในการกลับมาเล่นกอล์ฟได้ดีอีกครั้งของผม”
ริคกีได้อันดับที่สองร่วมในรายการ Zozo Championship แต่กระนั้นในต้นปี 2023 เขายังไม่อยู่ใน 100 อันดับแรกของโลก ทว่าผลงานก็มีความส่ำเสมอขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถยืนยันด้วยสถิติต่างๆชัดเจน โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ เขาสามารถเพิ่ม ความได้เปรียบสโตรก (stroke gained) ได้ในทุกประเภทของสถิติกอล์ฟ และสามารถขยับชื่อตัวเองไปปรากฏบนหน้าแรกของลีดเดอร์บอร์ดได้มากขึ้น
“แน่นอนว่ามันยาวนานและยากลำบาก” ฟาวเลอร์กล่าวถึงการเดินทางกลับมาสู่ท็อป-50 ของโลกอีกครั้ง “มันยาวนานกว่าที่คุณคิดไว้มาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อคุณสามารถผ่านมันไปได้”
“ผมอยากจะบอกว่า เราเริ่มจะกลับมายังจุด ที่อาจกล่าวได้ว่า ใกล้เคียงกับจุดที่ดีที่สุดที่เราเคยอยู่ในช่วงปี 2014 และ 2015 ตอนนี้ผมเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม คือผมสามารถดึงตัวเองออกจากสัปดาห์ที่ฟอร์มไม่ดีได้อย่างไม่ยาก”
โดยผลงานล่าสุดที่ผ่านมา เขาสามารถจบที่หกร่วมในรายการ Charles Schwab Challenge
และได้ที่เก้าร่วมที่ The Memorial เมื่อเดือนก่อน ก่อนจะมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เมื่อสองวันที่ผ่านมา
“มันยังเหลือกอล์ฟให้เล่นอีกมาก วันพรุ่งนี้ (ศุกร์) ช่วงบ่าย สนามต้องยากขึ้นแน่นอน แต่อย่างน้อยผมก็เริ่มต้นได้ดี”
การทำลายสถิติครั้งนี้ เป็นความประหลาดใจหรือไม่?
“ผมคิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า จะต้องมีคนทำสกอร์ที่ต่ำในเช้าวันพฤหัส หรือศุกร์ เนื่องจากการเซ็ตสนามที่ค่อนข้างเป็นใจ” ริช บีม อดีตแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิป ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ให้กับ Sky Sports “เมื่อสนามอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ และมีลมเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ มันจะต้องมีใครบางคนทำสกอร์ต่ำแน่ๆ แต่ที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนคือ ไม่เพียงแต่เราได้เห็นสกอร์ต่ำถึง 62 แต่ยังเห็นสกอร์นี้ จากผู้เล่นสองคนในเวลาที่ไล่เรี่ยกันอีกด้วย” อีกคนที่ทำสกอร์ 62 ในวันเดียวกันคือ แซนเดอร์ ช็อฟฟ์ลี แต่โชคไม่ดีนักที่ ริคกี ทำได้ก่อนเขาเพียงราว 30 นาที
นี่เป็นสกอร์ ที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูเอสโอเพน โดยทำลายสถิติเดิมที่ยาวนานถึง 50 ปี ซึ่งทำไว้โดย จอห์นนี่ มิลเลอร์ ที่สกอร์ 63 ที่สนามโอ็กมอนต์ ซึ่งช่างบังเอิญอย่างมากที่เจ้าตัวได้อยู่ในสนามการแข่งขันในวันนี้ด้วย เพื่อเข้ารับรางวัล USGA’s Bob Jones Award
นอกจากนี้ ริช บีม ยังให้ความเห็นต่ออีกว่า “ดูเหมือนว่านักกอล์ฟทุกคนที่ได้ไปหาบุทช์ พวกเขาจะพบว่ามุมมองด้านจิตวิทยากอล์ฟของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น บุทช์ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องวงสวิง เขายังช่วยให้นักกอล์ฟสามารถค้นหาความเชื่อมั่นในตัวตัวเองและเกมของตัวเองอีกด้วย”
ในที่สุดแล้ว ไม่ว่า ริคกี จะคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพนปีนี้ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าแฟนกอล์ฟทั่วโลกจะยังยิ้มได้ ที่ได้เห็นนักกอล์ฟคนหนึ่ง สามารถกลับมายังจุดที่เขาสมควรอยู่ได้อีกครั้ง แม้เขาจะไม่ชนะในครั้งนี้ แต่เชื่อว่า การสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ครั้งนี้ จะนำความภาคภูมิใจและความมั่นใจกลับมาให้เขาอย่างมาก บางทีอาจมากกว่าการได้แชมป์เสียอีก
อีก 10–20 ปีข้างหน้า เราท่านทั้งหลายอาจจำไม่ได้แล้วว่า แชมป์ ยูเอส โอเพน ปี 2023 ชื่ออะไร แต่จะจดจำได้ว่า เจ้าของสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบ ชื่อ ริคกี ฟาวเลอร์
แชมป์มีหลายคน แต่สถิติ มีเพียงหนึ่งเดียว