แฟนขอทำธุรกิจด้วยแต่สุดท้ายจะให้เงินเดือนเราทั้งที่เราเป็นคนสร้างธุรกิจขึ้นมา…

เรากับแฟนเป็นคนว่างงาน เราซึ่งหาธุรกิจเป็นขายเดลิเวอรีที่คอนโด ซึ่งเราลงทุนด้วยเงินตัวเองทุกบาทคิดออกแบบแบรนด์คิดทุกอย่างรวมทั้งการถ่ายภาพลงแอพคิดเมนูเสร็จจนครบ และเริ่มขายได้มีลูกค้าประจำ มา2เดือน แต่ขายพอได้ไม่ได้เยอะมาก แล้วแฟนขอมาช่วยทำเข้าครัวทุกอย่างซึ่งเราก็ดีใจที่เขาเริ่มอยากทำงานจากที่เขาหมดไฟในการทำงานมา3เดือน เราสอนเขาทำทุกอย่างจนเขาเข้าครัวแทนและเรามีหน้าที่แค่คุยกับไรเดอร์และส่งออเดอร์ แต่เรื่องมันอยู่ตรงนี้ค่ะ แฟนเรามีค่าใช้จ่ายเยอะมาก มีรถที่ต้องผ่อนเดือนละ10k ซึ่งเราก็ไห้เขาช่วยถ้าได้เงินก็เอาไปจ่ายค่ารถ ค่าห้อง และตอนนี้แฟนทำธุรกิจนี้แถบจะไม่ไห้เรายุ่งและเข้าครัว เขาบอกมันทำไห้ช้าเขาสะดวกที่จะทำคนเดียว ให้เราเป็นฝ่ายซื้อของเข้าครัวจ่ายตลาดทำบันชีพอ และช่วงนี้เริ่มขายดี สามารถจ่ายค่ารถเขาได้ และเขาพูดออกมาว่าถ้าเขาจ่ายค่ารถค่าคอนโดได้แล้วเงินเหลือเขาจะจ้างเราเป็นผู้จัดการนะ ใครเคยเจอเหตุการแบบนี้บ้างคะ ซึ่งเขาคิดว่าเขาเหนื่อยกว่าเขาก็ต้องได้เงินเยอะกว่า หรือสิ่งที่เขาคิดมันถูกคะเราได้เปลียนความคิดค่ะ (ขออภัยนะคะเล่าไม่เก่ง แต่เป็นประสบการณ์จริงที่เจออยู่ตรงนี้ค่ะ) ล่าสุดเรากลับบ้านเขาก็เปิดร้านขายเองเพราะต้องรีบหาเงินจ่ายค่ารถ(พอเข้าใจได้) วันไหนเราตื่นก่อนจะเปิดร้านไห้จะได้ได้เงิน เขาโวยวายไม่ไห้เปิดเขากลัวครัวเละซึ่งเราก็เก็บให้ทุกครั่ง.มันเริ่มแปลก..หรือเราคิดมากไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
จขกท. เริ่มต้องปรึกษาครอบครัว เพื่อนเรื่องนี้ละครับ ดูแล้วจขกท.โดนโกงครับ ยังไม่รู้ตัว

จขกท. ไม่รู้การเริ่มกิจการ

1. ส่วนของเจ้าของ คนที่ลงทุนเริ่มต้น คือ CEO ส่วนที่เขาลงทุนทีหลัง นับเป็นหุ้นได้

2. ลูกจ้างเหนื่อยกว่า CEO เพราะ CEO เป็นคนเริ่มไอเดีย เริ่มทำ มีความเสี่ยงของการลงทุน ดังนั้นความเหนื่อยกว่าไม่เกี่ยว

คุณลองไปอ่านเคสที่แตกหักของเพื่อนร่วมธุรกิจ เกิดจากความที่คนร่วมธุรกิจคิดว่าตัวเองทำคนเดียว เหนื่อยคนเดียว ทั้งนั้น

3. ถ้าคุณเกิดหลงกลไปตบปากรับคำเป็นผู้จัดการ เขามีสัญญาเงินเดือนไหม

4. คุณควรเลิกกับแฟนที่จะฮุบกิจการของคุณ เป็นคนสร้างกิจการ คุณคือเถ้าแก่ เขาคือแรงงานที่คุณจ้างครับ ซึ่งจะเหนื่อยกว่า 90%ก็ได้ครับ ต่างที่ความยากง่ายของการทำ  ถ้ามันทำได้ง่าย คุณบอกให้เขาแยกไปเปิดของตัวเองดูครับ แข่งกันไปเลย แฟนคุณดูถูกการริเริ่มของคุณไม่พอ ยังทำตัวหน้าด้านจะเอาเงินเยอะๆ แล้วลดขั้นคุณจากผู้บริหารเป็นผู้จัดการ แถมวางแผนแก้โครงสร้างเพื่อเอาเงินบริษัทไปจ่ายหนี้ตัวเอง คนแบบนี้ ทำ takeover คุณแบบนี้คุณยังจะเอาทำ ผ. แถมมาจากการที่ไม่มีงานทำแต่มีหนี้ คุณนี่มันโงใช้ได้เลยทีเดียว
ความคิดเห็นที่ 9
คุณ​ไม่ได้คิดมาก แต่การกระทำของแฟนคุณ และคำพูดของเขา ไม่ใช่คู่ที่ช่วยกันคิดและช่วยกันทำ ตอนนี้กลายเป็น คุณเป็นแค่คนช่วยงานเขา เหมือนเป็นลูกจ้างนั่นละ..

ถ้าของขายดี เขาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆได้ครบ ที่เหลือ เขาจะจ้างคุณรายเดือน..
แล้วถ้าของขายไม่ดี รายจ่ายไม่พอ.. คุณ​จะได้อะไร..

** คุณ​เริ่มสร้างงานสร้างเงิน แต่เขาอาศัยผลประโยชน์​ตรงนี้เพื่อหา ประโยชน์​แทนคุณ​..แค่คิดก็ผิดแล้ว..

*** ยังไง คุณ​ก็ยังมีความสำคัญ​ ทั้งเรื่องซื้อของ ทำบัญชี​ เก็บกวาดล้าง โดนเฉพาะงานหน้าครัว กับการหาลูกค้า รับ oeder ทำพร้อมกันไม่ได้ ณ เวลาเดียวกัน..

.. ดังนั้น ควรคุยตรงๆๆ ถ้าเขาโวยวาย.. คุณ​ก็แค่บอกเขาคุณจะทำเอง.. ให้แฟนออกไปหางานอื่นทำ..
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าเขาอยากจะทำเอง เขาก็ควรจะคืนเงินก้อนแรกที่คุณลงทุนไปครับ เหมือนการเซ้งกิจการนะแหละครับ
เขาคิดจะหาเงินใช้หนี้ หักหนี้แล้วค่อยเอาเงินให้คุณ คือ เอาตัวเองรอดก่อน มีเหลือหรือไม่เหลือค่อยให้คุณ
เห็นแก่ตัวมากเลย คิดจะหุบทุกอย่างไว้เอง คุณเป็นคนริเริ่ม ก็ควรจะไว้ใจกัน
ความคิดเห็นที่ 22
ไม่ได้ลงทุน ลงแรงแค่แรง วันนึงมาของขายดี มาบอกว่าตัวเองทำมากกว่าก็ไม่ไหว เลิกได้เลิก ก่อนจะเสียทั้งสิ่งที่ตัวเองสร้าง เสียทั้งแฟน
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นแค่แฟน ต้องรีบเคลียร์ให้จบๆครับ  ว่าจะแบ่งสัดกำไร ค่าแรงกันอย่างไร
พ่อครัวเงินเดือนเท่าไหร่  ผู้จัดการเงินเดือนเท่าไหร่ ส่วนที่เหลือแบ่งเท่าไหร่
ถ้าตกลงกันไม่ได้ คุณก็เลิกหาอย่างอื่นทำ ถือว่าคุณได้สร้างกิจการให้เขา

แต่ถ้าแต่งงานกันแล้ว เงินทุกอย่างควรเข้ากองกลาง แล้วหักจ่ายออกไป เพราะทั้งรถทั้งคอนโด จะถือเป็นสินสมรสครับ

แต่ถ้ายังไม่จดทะเบียน รายได้เท่าไหร่ เขาเอาไปผ่อนก็เป็นของเขาหมดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่