คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมก็เพิ่งเปลี่ยนแบตต์อายุ 2 ปีกว่าๆไป
ก่อนเปลี่ยนก็คิดแล้วคิดอีก เสียดายเงินแค่ 2พัน
คิดจนปวดหัว จนมันสตาร์ทไม่ติด เหงื่อแตกซิก
พอเปลี่ยนแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอก สบายใจ หายใจทั่วท้อง
คิดมาก ปวดหัว มี_ัว ดีกว่า
ก่อนเปลี่ยนก็คิดแล้วคิดอีก เสียดายเงินแค่ 2พัน
คิดจนปวดหัว จนมันสตาร์ทไม่ติด เหงื่อแตกซิก
พอเปลี่ยนแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอก สบายใจ หายใจทั่วท้อง
คิดมาก ปวดหัว มี_ัว ดีกว่า
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
แบตเริ่มมีอายุ
ความคิดฝังหัวและปฏิบัติเรื่อยมาคือ
ใช้เกินปี-ปีครึ่งก็มักจะเปลี่ยนในเชิงป้องกันเลย
เผอิญลูกนี้อายุ 2 ปี 6 เดือนแล้ว
ยังไม่ออกอาการใดๆเลย
แต่แน่นอนว่าอดผะวงไม่ได้
เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครให้จั๊มป์แบต
เวลามีธุระที่ต้องใช้รถแล้ว
หากสตาร์ทไม่ติด จะมีเวลาแก้ไขสถานการณ์ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
จะเปลี่ยนไปเลย ก็มีข้อมูลจากผู้ใช้หลายๆคนที่ใช้เกิน 3-4 ปี
อยากจะลองหา plan B มาสำรอง
จะหา Power Bank ที่สามรถจั๊มป์แบคได้
ที่ราคาต่ำพัน ก็จะมีฟีดแบคคละเคล้าว่าดีบ้าง ไม่เวิร์คบ้าง
ดีขึ้นมาหน่อย ราคาพันกว่าหรือแพงกว่านั้น
ก็เป็นอะไรที่ไม่อยากจะลงทุนเพราะราคาก็ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนแบตลูกใหม่
จะใช้ชาร์จโทรศัพท์ไปพลางๆก็ไม่ใช่สไตล์ผม
รู้สึกเสียดายที่จะชื้อมาเป็นแค่เผื่ออาจจะต้องได้ใช้
ทางเลือกนี้ ผมจึงไม่เลือก
ทางเลือกอีกทาง
คือซื้อแบตใหม่มาสำรองไว้ในรถเลย
แต่ถ้าแบตแบบเติมน้ำกลั่น ก็ต้องรักษาสถานะให้มัน charged อยู่เสมอ
อาจจะต้องซื้อที่ชาร์จอีก 3-500 บาท ไว้คอยชาร์จ
หากจะซื้อแบบแห้ง ก็แพงไปสำหรับผม
รึจะซื้อแบบ Maintenance-free ที่ pre-charged จากโรงงานแล้ว
ในวันที่ต้องใช้ ก็สามารถแกะมาใช้ได้เลย??? มีไฟพร้อมใช้งาน???
ขอความคิดเห็นด้วยครับ
อีกหัวข้อคือแบตเติมน้ำกลั่นจะยังเป็นแบบที่ยังทนที่สุดแล้ว??
รึว่าจะเอาแบบที่มีตาแมว Maintenance-free
ขอบพระคุณสำหรับทุก คคห ครับ