เมื่อเราพลาด...ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วิธีทำใจให้ชีวิต move on

มีคนเขียนเตือนภัย อุทาหรณ์เยอะแล้ว ข่าวก็ออกทุกวัน แต่เราจะขอเขียนในมุมให้กำลังใจบ้างนะคะ 

แน่นอนว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกว่าจะสูญเสียเงินแล้ว ยังต้องเผชิญกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ บางคนโดนหนักถึงขั้นเงินที่หามาอย่างยากลำบากสะสมมาทั้งชีวิตเกลี้ยงบัญชีในพริบตา จนไม่เหลือเงินกินข้าว บางคนได้หนี้มาเพิ่ม บางคนต้องสูญเสียเงินก้อนสุดท้ายเพื่อใช้ในบั่นปลายของชีวิต ทำให้เดือดร้อนอย่างหนักส่งผลกระทบกับจิตใจอย่างรุนแรง เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ บางคนกลายเป็นโรคซึมเศร้า หรือถึงขั้นตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง 

- อย่างแรกเลย เราต้องทำใจยอมรับความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปเพื่อแก้ไขอดีตที่ผ่านมาได้แล้ว เป็นปกติที่ในช่วงแรกๆ เราจะคิดวนๆซ้ำๆ อยากกลับไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้น หรือ ไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง 

-ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ มักจะโทษตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมถึงโง่ขนาดนี้ ทำไมถึงโดนหลอกได้ รู้สึกแย่กับตัวเอง แล้วคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเอง ทำให้รู้สึก low self-esteem เกิดเป็นบาดแผลทางใจ 

- เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเหตุใดเราถึงโดนหลอกได้ จะสังเกตุได้ว่า ไม่ว่าข่าวจะออกเตือนหลายปีมิจฉาชีพพวกนี้ไม่เคยหยุดพัฒนากลโกง แล้วก็ยังมีผู้ตกเป็นเหยื่ออยุ่เรื่อยๆ ต่อให้เป็นเรื่องราวซ้ำๆก็ตาม ด้วยหลายเหตุปัจจัย
เราอาจจะทำงานยุ่งจนมีเวลาติดตามข่าวสารน้อย นั่นก็มีส่วนที่ทำให้เราพลาด ไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์ทุกกลโกงที่มีหลากหลายรูปแบบ หรือเรื่องราวนั้นดันมีส่วนเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราเพิ่งเจอมาทำให้เราไปติดกับดักไปได้ง่ายๆ แม้เราจะพยายามระมัดระวังตัวแล้วก็ตาม 
ซึ่งเรื่องของการถูกหลอกนั้นเกี่ยวข้องกับ"จิตวิทยา"มากกว่า ไม่ขึ้นกับเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ เราก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้ ถึงแม้โดยปกติเราเป็นคนมีความรู้มีเหตุผล แต่เหล่ามิจฉาชีพใช้ "จิตวิทยาขั้นสูง" ใช้กลยุทธ์ต่างๆ ให้เราเกิดความเชื่อ จากนั้นก็จะทำให้เราเกิด"ความกลัว ความโลภ ความหลง" ความกดดันด้วยเวลา สถานการณ์นี้จะทำให้การตัดสินใจของเราไม่ได้ใช้เหตุผล ขาดสติ เรียกได้ว่าจะเหมือนโดนสะกดจิตโดยไม่รู้ตัว และเป็นจุดที่ทำให้พลาด ซึ่งก็ต้องบอกว่า "หากไม่ได้ตกอยุ่สถานการณ์แบบนั้น คงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึก" 
 
- สิ่งที่คนที่ตกเป็นเหยื่อจะต้องเผชิญต่อมาก็คือ 
คำวิพากวิจารณ์จากสังคม  แน่นอนว่าก็จะมีส่วนนึงที่เข้าใจเหยื่อและให้กำลังใจ แต่มีส่วนนึงจะ "victim blaming"
จะเห็นได้จากการคอมเม้นในสื่อต่างๆ เช่น ไม่ติดตามข่าวสารบ้างเลยหรอ ข่าวก็ออกโครมๆ ออกมาเตือนภัยเยอะแยะ หลงเชื่อได้ไง กล้าโอนเงินเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร โดนจี้ปมอะไรในใจหรือป่าว สมควรแล้วที่โดน เป็นต้น คำพูดต่างๆเหล่านี้ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเมื่อได้พลาดไปแล้วมาอ่าน จากที่รู้สึกผิดรู้สึกแย่กับตัวเองแล้ว ก็จะทำให้จิตใจตกต่ำลงกว่าเดิม เหมือนยิ่งโดนตอกย้ำซ้ำเติม ทำให้รู้สึกดิ่ง เพราะเหยื่อผู้เสียหายทุกคนไม่มีใครอยากจะถูกหลอก ไม่มีใครอยากจะสูญเสียเงินให้มิจฉาชีพหรอก ช่วงนี้ กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากๆ ที่จะช่วยฉุดเราขึ้นมาจากหลุมดำของความคิดลบนั้น
และเราต้องตั้งสติดึงตัวเองกลับมาให้ได้ หากรู้ตัวว่ากำลังดิ่งแนะนำให้หยุดอ่านคอมเม้นเหล่านี้ และหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับบุคคลที่พูดให้เรารู้สึกดิ่งลงไปอีก อย่าเก็บสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้มาคิดมาก 

- เราตกเป็นเหยื่อของโจร ในขณะที่เราทำมาหากินสุจริตหาเงินมายากลำบาก แต่...เราโดนโจรปล้น คนที่ทุกข์ใจสาหัสกลับเป็นเรา ในขณะที่โจรมิจฉาชีพซึ่งเป็นคนชั่วนั้นกลับเอาเงินเราไปอย่างง่ายดาย เราไม่ได้ทำผิด ทำชั่ว เราโดนหลอก โดนปล้น เราคงจะอดคิดไม่ได้หรอกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเรา  หลังจากที่เรามีสติแล้วนึกย้อนกลับไปเรารู้ว่าเราพลาดตรงจุดไหนบ้างให้เรียนรู้ แต่ว่าเราต้องใจดีกับตัวเองให้มากๆนะ รักตัวเอง ต้องให้อภัยตัวเอง หยุดโทษตัวเอง ลองหยุดคิดนิ่งๆ ถอยออกมามองตัวเองว่า ถ้าตัวเราคนนี้เป็นคนที่เรารักที่สุด เราอยากจะปลอบใจคนๆนี้ยังไง เราจะหยุดซ้ำเติมตัวเราคนนี้ที่เรารักได้หรือยัง 
 
- มองปัญหาที่ใหญ่นี้ให้เล็กลง
เราทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนแล้วแต่ต้องเจอกับความสูญเสียอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสัจธรรม 
การสูญเสียเรื่องเงินทองนั้นเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่างน้อยเคราะห์ร้ายที่เราประสบในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเราให้เราสูญเสียอวัยวะ พิการ ถูกทำร้ายร่างกาย ประสบอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ เจ็บป่วยร้ายแรง สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือ เสียชีวิต ซึ่งเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทดแทนได้ ดังนั้น ขอให้เราเสียแต่เงินก็พอ ใจเราอย่าเสียตามไปด้วย
สิ่งที่สูญเสียไปแล้วนั้นไม่ได้คืน เราก็ต้องปล่อยมันไป ยิ่งยึดติดมากเท่าไหร่ใจยิ่งทุกข์  จงหันกลับมามองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรายังมีอยุ่  

- เราไม่ได้เป็นผู้ที่เผชิญปัญหานี้อยุ่เพียงผู้เดียว
มีคนอีกมายมายที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ บางคนเสียหายเป็นหลักร้อยล้าน หลักสิบล้าน บางคนอาจจะไม่มากมายแต่นั้นก็คือเงินเก็บทั้งชีวิตที่หามา มีภาระต้องดูแล มีหนี้สิน 
ในต่างประเทศก็ประสบปัญหานี้เหมือนกันทั่วทั้งโลก เป็นเหรียญอีกด้านของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตเรา แต่ ณ ปัจจุบัน ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับผู้ร้ายมาลงโทษ ไม่มีกฏหมายรองรับที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ไม่สามารถนำเงินที่สูญเสียไปนั้นคืนให้กับผู้เสียหายได้ การสูญเสียนี้ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ เป็นสิ่งที่เราต้องทำใจ ได้แต่หวังว่าผลกรรมจะตามสนองคนชั่วเหล่านี้เองในซักวัน และก็หวังว่าอนาคตจะมีกฏหมายใหม่ๆ มีเทคโนโลยีที่ตามจับคนร้ายได้หรือ ระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารที่ดีขึ้นกว่านี้ 

- เรียนรู้จากความผิดพลาด บทเรียนราคาแพง
สิ่งที่เราเสียไป มันมีบางสิ่งที่เราได้แลกกับมาเสมอ ต่อจากนี้ เราจะมีภูมิคุ้มกัน เราไม่ให้ใครมาหลอกลวงเราได้ง่ายๆ อีก เราจะเชื่อใจคนอื่นยากขึ้น เราจะมีกำแพงในการมองโลก มีวิจารณญานเพิ่มขึ้น มีสติ รอบคอบมากขึ้น หันมาติดตามข่าวสารให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ เป็นกลไกปกป้องตัวเองโดยธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เจ็บปวดซ้ำอีกครั้ง  

- เรายังเชื่ออยุ่เสมอว่า "ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ" ขอเป็นกำลังใจให้เหยื่อผู้ประสบเคราะห์ร้ายทุกท่าน มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป อยากให้ลองมองย้อนกลับไปในอดีต ว่าชีวิตก็เคยให้เรื่องดีๆ กับเรามามากมาย ที่ผ่านมาเราเจอคนดีๆมากมายในชีวิต ครั้งนี้เราแค่โชคร้ายเจอคนไม่ดี แต่หลังจากนี้ชีวิตก็ยังมีเรื่องดีๆรอเราอยุ่ อย่าเพิ่งท้อนะทุกคน เรายังเชื่อในกฏแห่งกรรมเสมอ ว่าสุดท้ายแล้วคนชั่วเหล่านี้ต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้อย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่