อัพเดทหลังจากจับได้ว่าสามีที่อยู่ด้วยกันมา 11 ปี นอกกายนอกใจไปซื้อผู้หญิงขายบริการ

ความเดิมตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/41894564?sc=LJ22HH4

หลังจากที่จับได้ว่าอดีตสามีไปซื้อผู้หญิงขายบริการเมื่อตอนวันที่ 27 กุมภา 66 วันนั้นเราก็ขอเลิกกับอดีตสามีทันทีที่รู้เรื่อง แต่อดีตสามีไม่ยอมเลิก ขอโทษ ขอโอกาส แต่เราก็บอกว่าไม่ให้โอกาสอะไรทั้งนั้น พยายามยื้อเราในทุกวันที่อยู่ด้วยกัน จนอดีตสามีกับเราก็แยกย้ายกันกลับไปทำงาน ทางเราก็ได้บอกและเล่าให้ครอบครัวฟังว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากับอดีตสามี ครอบครัวก็ถามเราต่อว่าจะทำยังไง เรายืนยันกับครอบครัวว่าเลิก ไม่เอาแล้ว ทางครอบครัวเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมว่าคิดให้ดีๆ คนเราทำพลาดกันได้ ไม่อยากให้เลิกกันให้ใจเย็นๆ ลองให้โอกาสดูก่อนมั้ย ไม่ว่าเราจะติดสินใจยังไงครอบครัวก็ยอมรับในการตัดสินใจของเรา เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเลิก และจะไปเปลี่ยนนามสกุลกลับมาใช้นามสกุลตัวเอง แต่เมื่อเราไปอำเภอทางอำเภอแจ้งว่าเราต้องได้รับการยินยอมจากอดีตสามีก่อนถึงจะเปลี่ยนนามสกุลได้ และอดีตสามีก็ยืนยันว่าไม่เลิกและจะไม่เซ็นใบยินยอมให้ ต้องบอกก่อนว่าเรากับอดีตสามีนีบถือศาสนาอิสลาม ซึ่งตามหลักศาสนาอิสลามผู้หญิงไม่สามารถขอเลิกกับผู้ชายได้ ต่อให้บอกว่าเลิกเป็นร้อยครั้งพันครั้งถ้าผู้ชายไม่เลิกให้ก็จบ ทำอะไรไม่ได้ และในน้ำเสียงของเขาเองก็ดูมีความมั่นใจว่ายังไงเราก็เลิกกับเขาไม่ได้ พร้อมกับพูดว่าอย่ามั่นใจให้มากว่าเราจะเลิกได้ ซึ่งหลังจากที่จับได้ทางอดีตสามีก็ทักมาคุยกับเราทุกวัน โทรหาแต่เราตัดสายทิ้ง บอกว่าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ตั้งใจ เขาพลาด ซึ่งมันก็คือคำแก้ตัวดีๆ นี่เอง จนอดีตสามีกลับเข้าไทยอีกครั้ง เขาก็พยายามจะขอมาเจอ แต่เราไม่ให้มาพบมาเจอ ขับรถมาที่หน้าบ้านทุกวันแต่ไม่กล้าเข้าบ้าน จนอดีตสามีขับรถมาหาตอนดึกว่าอยากเจอให้ออกมาพบหน่อย เราก็ยืนยันว่าไม่พบ ก็ยังดึงดันจะเจอให้ได้ เราจึงบอกไปว่าถ้าเรายอมไปเจอ เธอจะเลิกให้เรามั้ย ถ้าเลิกให้เราจะยอมไปเจอ เขาก็พยายามต่อรองว่างั้นเซ็นยอมให้เปลี่ยนนามสกุล เราจึงยอมไปเจอ และเราเองก็คิดอยากจะเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอามาใช้ในการขอเลิกกับอดีตสามี และจะยอมทำดีกับเขาทุกอย่างขอแค่เซ็นใบยินยอมให้เรา อดีตสามีก็ตกลง จนเรากับอดีตสามีกลับมาเจอกันอีกครั้ง เราก็เอาใบยินยอมให้เขาเซ็นแต่เขาก็ไม่ยอมเซ็นพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวเซ็นให้ก่อนกลับไปทำงาน ตอนนี้ขออยู่ด้วยกันก่อน พอกลับไปเจอเขาอีกครั้งยอมรับเลยว่าเราก็ใจอ่อน นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เคยมีด้วยกัน ซึ่งเขาเองก็ดูออกว่าเราเองก็เริ่มอ่อนๆ ให้กับเขาแล้ว แต่อีกใจก็ยังไม่เชื่อว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้ตั้งใจ เลยทำการเช็คโทรศัพท์เพื่อเก็บหลักฐานจะนำไปใช้ในการขอเลิกอีกครั้ง แล้วก็แจ็คพอตดันไปเจอแชทที่จัดหาเด็กให้มานอนด้วย ซึ่งเวลาของการคุยกันก็คือเดือนมีนาคม ซึ่งก็คือหลังจากที่เราจับได้ครั้งแรก นั่นแสดงว่าที่เราจับได้ครั้งแรกตอนปลายกุมภาหลังจากนั้นเขาก็ยังไปมีอะไรกับผู้หญิงขายบริการอยู่ และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เราจัดการตัดคนเลวๆ ออกจากชีวิต การจับได้ครั้งนี้เรารู้สึกเสียใจมากกว่าที่จับได้ครั้งแรกอีก เพราะความรู้สึกเหมือนเราถูกหลอก เหมือนเขาไม่เห็นคุณค่าของโอกาสที่เรามอบให้ เราจึงเก็บหลักฐานทุกอย่างทั้งแชท และคลิปเสียงที่เขาสารภาพว่าเขาไปทำอะไรมาบ้าง แล้วเอาหลักฐานที่มีไปฟ้องกับโต๊ะอิหม่ามที่ทำการนิกะฮ์(พิธีแต่งงาน)ให้กับเรา ซึ่งเมื่อทางโต๊ะอิหม่ามได้ฟังจากที่เราเล่า และหลักฐานที่เราให้เขาดู ทางโต๊ะอิหม่ามจึงทำการเลิกให้แบบที่สามีไม่จำเป็นต้องยินยอมพร้อมกับออกใบหย่าของศาสนาอิสลามให้ และเราเองก็ไปขอใบรับรองการหย่ากับทางสำนักงานอิสลามประจำจังหวัด เมื่อเราได้สองใบนี้มาแล้วเราสามารถนำเอกสารนี้ไปอำเภอเพื่อทำการเปลี่ยนนามสกุลได้เลย โดยที่ไม่ต้องให้สามีมาเซ็นยินยอม และเรายังสามารถนำเอกสารนี้ทำการออกใบหย่าตามกฏหมายไทยได้เลย โดยที่ไม่ต้องเรียกสามีมาเซ็น ซึ่งกฏหมายนี้ใช้ได้กับพื้นที่ 5 ชายแดนใต้เท่านั้น และวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 เป็นวันที่เรากับสามีขาดกันโดยสมบูรณ์ทั้งทางกฏหมายอิสลามและกฏหมายไทย แรกๆ ก็ยังมีคิดถึง อยากคุยกับเขา อยากเจอ อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เมื่อเราลองย้อนกลับไปพิจารณาดู และถามตัวเองว่าเราอยากได้คนแบบนี้มาอยู่ในชีวิตจริงๆ เหรอ คนที่เรารักและคิดถึงคือเขาคนดีคนเดิมที่เป็นคนในอดีตไม่ใช่เขาคนในปัจจุบัน ซึ่งเขาคนนั้นได้ตายไปแล้ว และคนรอบตัวเราที่ได้พูดคุยกับเขา เพียงแค่ในการเจอกันครั้งแรกทุกคนพูดไปในแนวทางเดียวกันว่าผู้ชายคนนี้ไม่แมน นิสัยไม่โอเค เขาได้คุยกับพ่อแม่เราถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งพ่อกับแม่เราก็พูดไปในแนวทางเดียวกันว่าไม่มีความสลดหรือสำนึกผิดในน้ำเสียง ยังพูดไปหัวเราะไป พูดเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องธรรมดาเรื่องปกติ และมีลุงที่ทำงานคนหนึ่งซึ่งอายุก็พอๆ กับพ่อของเรามาพูดกับเราหลังจากที่เราเลิกกับอดีตสามีแล้ว เขาพูดว่าถ้าเป็นแค่แฟนกันเขาจะบอกให้เราเลิกกับคนนี้อย่าเอามาทำสามีเด็ดขาดเพราะเขาดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ตอนนั้นมันไม่ทันแล้วเขาจึงไม่ได้พูดอะไร จากวันที่เลิกกันจนถึงวันนี้เราก็เข้มแข็งขึ้นทุกวัน มีความสุขขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอยากจะได้เขากลับมาแล้ว เพราะคำที่พ่อพูดว่า อดทนนะ เข้มแข็ง อย่าท้อ อย่าคิดสั้นหรือคิดทำร้ายตัวเอง เราไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก เรามีอาชีพการงานที่มั่นคง มีครอบครัวที่พร้อมโอบกอดเรา มีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและพากันไปในทางที่ดี สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเห็นจากเรื่องนี้คือเราไม่โดดเดี่ยวเลย หันไปทางไหนก็มีคนคอยช่วยเหลือคอยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจ ซึ่งเมื่อลองมองดูในเรื่องนี้เราได้มากกว่าเสีย เพราะเราแค่เสียคนที่ไม่รักเราไปแค่คนเดียว แต่เราได้รับสิ่งดีๆ กลับมาอย่างมากมาย การเลิกกันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วนานาจบข่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่