รีวิวโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชน ญี่ปุ่น จังหวัดไอจิ - ประเทศไทย ปี 2566

ผม อมลณัฐ ดิษฐลักษณ ( รูบี้ ) อายุ 16 ปี ได้มีโอกาสได้เข้าสอบไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ 
เริ่มจากความรู้สึกที่สนามบินไทยเลยแล้วกันครับ


ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้นเครื่องบิน หมายความว่าก็เป็นครั้งแรกที่เคยได้ไปต่างประเทศอีกด้วย

นี่คือตอนที่ถึงครับ เห็นได้ว่าวิวสะอาดตามาก เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่บนหมู่เกาะครับ
ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางทั้งหมด เกือบ 5 ชั่วโมงครับ อากาศที่ลงไป เหลือ 13 องศาเซลเซียสครับ


นี่คือบรรยากาศตอนที่ถึงในตัวเมืองครับ โดย การเดินทางด้วยรถบัสครับ

กิจกรรมแรกเริ่มต้นไม่นานหลังลงจากเครื่องครับ คือการเข้า orentiation ครับ ได้แนะนำตัว และฟังคำขวัญกับฟังคำกล่าว 
เป็นวิธียาทาน เบสิคความรู้ และ ตระหนักถึงจุดประสงค์ของโครงการครับ



หลังจากการ ปฐมนิเทศ ก็มาต่อกันที่ Nagoya university ครับ ได้มาเห็นโครงสร้างโดยรอบ และที่สำคัญ ได้มีโอกาสคุยกับคนไทยที่มีประสบการณ์ในการเรียนที่ไอจิ มา 7 ปีแล้วครับ ทำได้ให้เห็นถึงความต่างของไทย กับ ไอจิ ได้ชัดเจนมากๆครับ 

อย่างที่รู้กันดีครับ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เคร่งกฏมากๆ ใส่ใจกับระเบียบเอามากๆ จึงทำให้ประเทศมีระเบียบ และสะอาด
ไอจิก็เช่นกันครับ แต่อย่างว่า ด้วยความเคร่ง จึงเป็นเมืองเครียดครับ ผู้คนอยู่แบบ เครียดกับความเคร่งคัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลครับ
ถาเป็นคนท้องถิ่นที่เติบโตมาด้วยกฏเกณฑ์อย่างที่ญี่ปุ่นมีอยู่แล้ว ก็จะมีการปลูกฝังครับ และ จิตใต้สำนึกให้เคารพกฏและสิทธิผู้คน 
แต่ถ้าเป็นผู้ต่างถิ่นหรือนักท่องเที่ยว ก็ต้องมีการปรับตัวครับ

นอกจาก Nagoya unviersity แล้วใกล้ๆ ก็ได้เข้ารับชม Exhibition hall ครับ เป็นที่รวมประวัติศาสตร์ และหลักศูตรฟิสสิกส์ต่างๆไว้
จัดทำนำเสนอในรูปบบ museum 



จากนั้นก็เข้ารับชม พิพิธพันธ์ ฟอซซิ่ลครับ ส่วนตัวผมเพิ่งเรียนฟิสสิกส์มาเกี่ยวกับเรื่อง แรงนิวเคลียร์ แรงเข้ม ซึ่งก็มีการใช้ในการหาอายุวัตภุโบราณนี้ๆ ในงานนี้ลยครับ ชั้นสองพี่มี office medical แต่ผมรู้ตัวช้าไป เลยได้ขึ้นไปดูแค่แปปเดียวเองครับ TT


หลังจากนั้นก็ได้ไปหาท่านรองผู้ว่าใน ศาลากลาง ไอจิครับ ได้ตั้งคำถามต่างๆซึ่งเป็นฝ่ายจากทีมของผมถามครับ 


อาหารมื้อที่สองหลังจากการถึงที่ญี่ปุ่น 
อาหารในภัตตาคาร ของ โรงแรม พูดได้ตามตรงว่าเป็นอาหารที่ทานได้ยาก และไม่ค่อยอิ่ม
แต่เรื่องรสชาติเป็นญี่ปุ่นแท้จริงๆ มีเอกลักษณ์มากๆ

หลังจากมื้อเย็น พี่ๆทีมงานก็พากันไปที่ เซเว่นที่ญี่ปุ่น
แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลย 

ห้องนอนแบบนอนเดี่ยวที่โรงแรมก็จัดสรรค์ มาดีมากๆครับ สบายมากครบท่วน
มีการใช้พื้นที่ได้ประหยัดมากๆ ไสตล์ญี่ปุ่นครับ

จบวันที่ 1

หลังจากตื่นมาวันที่สอง บอกเลยว่าที่ญี่ปุ่น concern เรื่องเสียงรบกวนเป็นอย่างมาก
ผมนอน แบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้แต่เสียงแอร์เพราะไม่ไดเปิดแอร์เลยครับ หลับสบายมากๆ


วิวหน้าต่างห้องตอนเช้าครับ

อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นรูปแบบ บุฟเฟต์ครับ 

หลังจากเสร็จกิจที่โรงแรมก็มาที่วัดอินไทจิต่อครับ เป็นวัดไทยที่ตั้งขึ้นแถบกลางไอจิครับ 
เป็นวัดที่มีความเป็นญี่ปุ่นผสมไทยครับ แต่ก็ด้วยความที่ตั้งอยู่บ้านเขา ก็จะออกแนวญี่ปุ่นมากกว่าครับ 
ลานหน้าวัดกว้างมากๆ บริเวณโดยรอบทั้งเงียบ ไม่มีตึกบดบังวิศัยทัศน์ 


จากนั้นก็ได้เจอกับเพื่อนที่ญี่ปุ่นครับ โดยคนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด มีชื่อว่า Rio เป็นคนเงียบๆครับ แต่ก็น่ารักมากๆ เฟรนด์ลี่มากๆ 
เปิดใจคุยกับผมได้หลายเรื่องมากๆครับ

ได้ไปเดินย่านซอย โอสุครับ พี่ทั้งอาหาร ของหวาน และร้านสินค้าต่างๆ ให้ได้เข้าไปเสียตังค์ครับ
หลังจากที่ช็อปปิ้งกีบเพื่อนๆเสร็จก็ไปต่อกันที่ group diccusion ต่อครับ โดยจะแยกกันไปอยู่กับเด็กญี่ปุ่คนอื่นๆแบบ สุ่มครับ
ผมโชคดีมากเพราะยังได้เจอ Rio เหมือนเดิมครับ

อาหารเย็นวันนี้ทานอาหารที่ร้าน Shabuya ครับ เป็นบุฟเฟต์ชาบู ซูชิ และของหวานครับ อร่อยมากๆ


จบวันที่ 2 

วันที่ 3 คือวันที่น่าจดจำมากๆ เป็นวันที่ได้ลองใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่นจริงๆกับ โฮสต์แฟมิลี่ 
9 โมงช้า โฮสต์มารับที่โรงแรม 

โฮสต์พาไปดูประสาท Nagoya ที่ใจกลางเมืองครับ 
สะอาดมากๆ รู้สึกสงบใจจริงๆครับ คนถือว่าเยอะเลยครับ แต่ว่าไม่อึดอัดเลย อากาศตอนไปยังเย็นๆอยู่ครับ มีฝนตกด้วย

มีเข้ารับชม ด้านในบ้านของโชกุนยุคญี่ปุ่นโบราณด้วยครับ ดีไซน์เขาถึงแม้ว่าจะเป็นการจำลอง อนุรักษ์แบบต้นฉบับ แต่ผมมองว่า
ดีไซน์ก็ยังร่วมสมัยกับปัจจุบันได้ดีมากๆเลยครับ

น้องเด็กเล็กย้านโฮสต์เคยเรียนที่ USA 5 ปีได้ครับ เลยพูดอังกฤษได้ดี ทั้งครอบครัวโฮสต์พูดอังกฤษได้ดีกันทุกคนเลยครับ
ฏของบ้านโฮสต์เคร่งครัดมากๆ น้องเล็กกินน้ำอัดลมได้ปีละ 3 ครั้งเองครับ

ร้านอาหารที่ไปเป็นร้าน ซูชิสายพานครับ รสชาติดีมากจริงๆครับ การตลาดก็ดีมากๆ ถ้าเราทานอาหารถึงเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้
ก็จะมีกาชาปองสุ่มของเล่นจาดอนิเมะดังๆต่างๆครับ

ความจริงแล้วผมได้ไปบ้านโฮสต์แต่ผมไม่ได้ถ่ายครับ ไม่อยากลุกล้ำความเป็นส่วนตัว
หลังจากเยี่ยมบ้านโฮสต์ ก็ได้ไปเล่นโบวลิ่งในระแวกบ้าน ปวดมือครับ แต่สนุกมากๆ

โฮสต์พามา Daiso ในไทยก็มีไดโสะนะครับ แต่ไม่ใหญ่เท่าท่ญี่ปุ่น
หลังจากไดโสะก็ไปโซนของชำ ผมเสียตังค์กับขนมไปฝากที่ไทยเยอะมากๆครับ 555555

ผมได้ขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นด้วยครับ คือเขา Organized ได้ดีมากๆครับ มีระเบียบในจิตใต้สำนึกกันทุกคนไม่เบียดขึ้นครับ

ทานอาหารเย็นที่ร้าน coco ครับ อร่อยมากๆครับ อิ่มมากากกกกก

หลังจากทานอาหารเย็นก็กลับมาที่โรงแรมครับ น้องเล็กบ้านโฮสต์ซื้อขนมเยลลี่แตงโมมาผมเลยขอถ่ายไว้เพราะมันอร่อยมากๆครับ
โฮสต์ที่ผมไปอยู่ด้วย 1 วัน อาจจะไม่ได้เพอร์เฟค เพราะผมเป็นเด็กแลกเปลี่ยนคนแรกที่ไปอยู่กับเขา แต่ในความไม่เพอร์เฟค มันอบอุ่นมากๆครับ
เขาเป็นกันเองกับเรามากๆ แต่ทำให้ผมได้เห็นการใช้ชีวิตของคนที่นั่นจริงๆ ตอนแยกผมเคว้งเลยครับ อยากกลับไปเยี่ยมพวกเขาอีก 

ขอบคุณโฮสต์ครับสำหรับประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ 
จบวันที่ 3
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่