สืบลับฉบับเลิฟ

กระทู้สนทนา


ชลัน

              บทนำ

ตัวเรือโคลงเคลงไปตามคลื่นน้ำที่กระเพื่อมขณะกำลังแล่นไปตามเส้นทางในแม่น้ำเจ้าพระยา จุดหมายคือท่าเรืออีกฟาก ผู้โดยสารที่มาใช้บริการแน่นแทบขยับไม่ได้ เส้นทางสัญจรทางน้ำแบบนี้คนที่ใช้สัญจรเป็นประจำไม่สะทกสะท้านกับคลื่นน้ำในขณะที่เรือกำลังวิ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่เพิ่งมาใช้บริการเป็นครั้งแรกอย่าง 'เลอดาว'

คนเมาเรือนั่งหน้าซีดเผือด ในตอนนี้ปวดหนึบบริเวณขมับทั้งสองข้างเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนคว้าง พะอืดพะอมจะอ้วกมิอ้วกแหล่ สุดท้ายก็ทนทานต่อแรงกดดันในร่างกายไม่ไหว ทุกอย่างที่กินเข้าไปเมื่อตอนเช้าพุ่งกระฉูดออกมาจากปากไปโดนคนข้างหน้าเข้าอย่างจัง ซึ่งเป็นชายวัยรุ่นอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นั่นทำให้หญิงสาวหน้าซีดปานไก่ต้มเข้าไปอีก ทุกคนบนเรือเห็นใจและสงสารหล่อนทว่าไม่ใช่กับหนุ่มวัยแรกรุ่นคนนี้ที่โดนอ้วกของตนเข้าเต็ม ๆ ชายหนุ่มมองหน้าเลอดาวอย่างเอาเรื่อง

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ถูกชะตากับสาวน้อยคนนี้มาตั้งแรกเห็น เขาแอบชอบในความน่ารักและสวยใสของสาวเจ้าตั้งแต่แรกเจอตอนก้าวเท้าขึ้นเรือมาพร้อมกัน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน หญิงสาวผู้นี้จะไปที่ไหนทำอะไรเขาอยากรู้ชะมัด เป็นความสุขในการนั่งเรือข้ามฟากครั้งแรกของเขาที่ได้แอบมองผู้หญิงน่ารักตามประสาชายผู้เจนโลกและทะเล้นเป็นนิจ

"ขอโทษค่ะน้อง พอดีพี่ไม่เคยนั่งเรือเพิ่งมานั่งเป็นครั้งแรก คือ...พี่เมาเรือเวียนหัวก็เลยอ้วก พี่ขอโทษจริง ๆ นะคะพี่ไม่ได้ตั้งใจ" เลอดาวเอ่ยขอโทษชายวัยรุ่นที่โดนอ้วกของตนเองทั้งน้ำตาคลอ รู้สึกผิดก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนที่เหลือนั้นเกิดจากการเวียนศีรษะเมื่อไหร่จะถึงฟากโน้นสักที พูดไม่ทันขาดคำหล่อนก็อ้วกพุ่งใส่ชายหนุ่มผู้นั้นอีกรอบ

"อี๋!!! ยายบ้าเอ้ย!" ชายวัยรุ่นในชุดนักศึกษาสบถออกมาอย่างฉุนจัดเพราะโดนอ้วกของสาวเจ้าถึงสองรอบ ชุดนักศึกษาสีขาวเปื้อนไปด้วยอ้วกของผู้หญิงหน้าอ่อนแต่กล้ามาแทนตัวเองว่าพี่ "รู้ว่าตนเองไม่เคยนั่งเรือข้ามฟาก และรู้ว่าเมาคลื่นทำไมไม่หัดพกถุงพลาสติกเตรียมมาด้วย แล้วฉันจะไปเรียนได้ยังไง" เขาตะคอกอย่างหัวเสีย

"พี่ขอโทษ... ขอโทษจริง ๆ" เลอดาวยกมือไหว้คนที่อายุน้อยกว่าด้วยความรู้สึกผิด แม้ชายหนุ่มจะพูดไร้มารยาทก็ตาม แต่หล่อนเป็นคนผิดเต็ม ๆ จึงไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง  

"สักทีดีมั้ย" ชายหนุ่มง้างมือจะตบไปที่ใบหน้าซีดของคนที่อ้วกใส่ แต่โดนชายอีกคนคว้าหมับค้างบนอากาศ

"ไม่เอาน่าน้องชาย... อย่าใช้ความรุนแรงกับเพศแม่ซี ดูทรงแล้วยังเรียนไม่จบเลย หัดใช้ความรุนแรงกับเพศตรงข้ามแบบนี้ไม่ดีนะ แฟนรู้แฟนผิดหวังตายเลย" ชายหนุ่มแต่งกายสุภาพดูภูมิฐานแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเล้นยั่วยวน แตกต่างไปจากคนในเรือพูดเตือน มือขวาจับมือชายหนุ่มที่ง้างจะตบผู้หญิงคนนั้นไว้ ส่วนมืออีกข้างถือกระเป๋าสี่เหลี่ยมใบกระทัดรัด ดูแล้วคล้าย ๆ พนักงานรัฐวิสาหกิจหรือไม่ก็ข้าราชการ

"แล้วลุงเกี่ยวอะไรด้วย ไม่เห็นเหรอว่ามันอ้วกใส่ผมจนเลอะหมดแล้ว" เด็กหนุ่มตวาดและกระฉากมือออกจากมือหนาของเขา

แทนคุณหัวเสียกับคำเรียกของเด็กหนุ่มแต่เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กไม่ประสาอะไรอย่างผู้ชายคนนี้ เขาเพิ่งจะสามสิบเต็มเมื่อสองวันมานี่เองมาเรียกเขาลุงแบบนี้ได้อย่างไร ยังไม่แก่ถึงขั้นเรียกลุงสักหน่อย

"ก็เขาขอโทษอยู่นี่ไง เขาไม่ได้ตั้งใจก็บอกอยู่ว่าเมาเรือ ถ้าไม่เมาคงไม่อ้วกหรอก"

"แต่มันอ้วกใส่ตัวผมจนเลอะถึงสองรอบ ไม่เหลือสภาพดีแล้ว" ชายหนุ่มยังไม่เลิกโวยวายจะเอาเรื่องให้จงได้

"เสื้อมันล้างออกได้น่า พอถึงท่าฟากโน้นแล้วหาน้ำล้างออกก็จบ หรือไม่ก็ไปหาซื้อเสื้อตัวใหม่ มีตังค์มั้ยถ้าไม่มีพี่ช่วยออกให้"

"ไม่ต้องมาอวดรวยโชว์สาวหรอก"

"พี่ขอโทษจริง ๆ นะคะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ" เลอดาวยังยกมือขอโทษเด็กหนุ่มไม่หยุดทั้งตกใจที่ตนเองเกือบจะโดนตบเมื่อครู่ และปลื้มใจที่มีสุภาพบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี ไม่คิดว่าการออกมาเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเองเช่นนี้จะเจออะไรที่โหดหินอย่างนี้ แล้วคำพูดผู้เป็นบิดาก็ผุดขึ้นมาในหัว

'สังคมข้างนอกมันวุ่นวายและโหดร้ายเกินไปกับคนอ่อนแออย่างลูกจะรับมือไหว'

ไม่! คนอย่างเลอดาวไม่ได้อ่อนแอและจะไม่มีวันอ่อนแอ คนอย่างเลอดาวอยู่ได้แม้ไม่มีพ่ออย่างอนุพงษ์หรือคุณย่าคอยปกป้อง'

หญิงสาวนึกจากนั้นก็ใจสู้ขึ้นมา ปัญหาเมาเรือแค่นี้จิ๊บ ๆ นั่งอีกรอบสองรอบเดี๋ยวก็ชินไปเอง

"เลิกแทนตัวเองว่าพี่เรียกฉันว่าน้องได้แล้ว หน้าเธออ่อนกว่าฉันตั้งเยอะ ฉันมั้ยต้องเรียกตัวเองว่าพี่เรียกเธอว่าน้องยายบ้า" เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตวาดอีกรอบ

เลอดาวได้แต่เงียบไม่เถียงต่อแม้อยากจะเถียงนักว่าเขานั่นแหละรุ่นน้อง หล่อนยี่สิบห้าแล้วส่วนตนเองถึงยี่สิบหรือยังก็ไม่รู้ ยังสวมชุดนักศึกษาติดตรามหาวิทยาลัยอยู่เลยแต่ทำปากเก่งเหลือเกิน ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย

ไม่นานเรือก็แล่นมาถึงท่าน้ำของอีกฝั่ง เลอดาวถอนหายใจถึงพื้นดินสักทีหล่อนอ้วกแทบจะหมดไส้หมดพุงอยู่แล้ว และไม่ลืมขอบพระคุณผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากฝ่ามืออรหันต์ของเด็กคนนั้นได้ทันท่วงทีด้วย ไม่อย่างนั้นหล่อนคงโดนเด็กตบหน้าหันไปแล้ว

หญิงสาวก้าวเท้าออกมาจากเรือข้ามฟากยังไม่คิดจะเดินทางต่ออยากนั่งพักให้อาการวิงเวียนทุเลาลงเสียก่อน นั่งสูดดมยาหอมที่พกติดตัวมาด้วยเข้าไปเต็มปอด ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลอะไรบางอย่างหล่อนคงไม่ยอมมาตกระกำลำบากอะไรเช่นนี้ และไม่ยอมเดินทางลำบากแบบนี้ด้วย รถยนต์ที่บ้านมีมากมายหลายคันจะเลือกหยิบใช้คันไหนก็ได้ ทว่าเพราะเหตุผลที่ตกลงกับผู้เป็นพ่อเอาไว้  หล่อนจึงยอมทนลำบากเช่นในตอนนี้ อุปสรรคแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างเลอดาวยอมแพ้ง่าย ๆ เมื่อใบหน้าของใครบางคนลอยเข้ามาในหัว

"ไหวมั้ยครับ" เสียงทุ้มเอ่ยทักทาย เลอดาวเงยหน้ามองคนตรงหน้าเขากำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ "ผ้าเย็นครับ จะได้รู้สึกดีขึ้น พอดีผมเห็นอาการของคุณไม่สู้ดีนัก ผมก็เลยอยากช่วยเหลือโดยการเดินไปซื้อผ้าเย็นมาให้ โชคดีมากคุณยังไม่ลุกไปไหน" เขาพูดต่อ

'ผู้ชายคนนั้นนั่นเอง คนที่เขาช่วยหล่อนจากเด็กหนุ่มคนนั้นตอนอยู่บนเรือ'

เลอดาวรับเอาผ้าเช็ดหน้าจากเขามาซับที่ใบหน้า มันรู้สึกสดชื่นจริง ๆ "ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แต่ฉันต้องไปทำธุระแล้ว และก็ขอบคุณอีกรอบเรื่องที่คุณช่วยฉันตอนอยู่บนเรือ" หล่อนพูดพร้อมลุกขึ้นยืน นี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว ถ้าไปช้ามีหวังโดนเลิกจ้างแน่ นั่นแหละหล่อนได้แพ้คนเป็นพ่อราบคาบทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มด้วยซ้ำ

"ครับ... ไม่เป็นไรครับ" เขาตอบ จากนั้นร่างบางตรงหน้าก็เดินจากไป ชายหนุ่มมองตามด้วยรอยยิ้มจนสุดสายตา หวังว่าจะได้บังเอิญเจอกับหล่อนอีกแม้ความหวังจะริบหรี่ เพราะไม่รู้เลยว่าหล่อนชื่ออะไร กำลังจะไปที่ไหนและพักอาศัยอยู่แห่งใด จากนั้นเขาก็รีบไปธุระของตนเองเหมือนกัน นี่ก็เสียเวลามากแล้ว ขืนไปสายมีหวังโดนเลิกจ้างแน่ นั่นแปลว่าโบนัสก้อนโตจากยายหัวหน้าจอมเพี้ยนแต่ใจดีต้องหล่นหายไปในพริบตาชัวร์ ว่าแล้วแทนคุณก็รีบเดินไปเรียกแท็กซี่เพื่อจะไปยังที่หมาย
.....


ณ คฤหาสน์วรโชติโภคิน

หลังกดกริ่งเรียกร่างบางยืนรอไม่กี่นาทีก็มีแม่บ้านมาเปิดประตูให้ "สวัสดีค่ะหนูชื่อ เลอดาว ก้าวไกลค่ะ จะมาเป็นพยาบาลดูแลคุณแพรทอง วรโชติโภคินค่ะ" เลอดาวแนะนำตัวกับแม่บ้านวัยกลางคน

"อ๋อ คุณพยาบาลนั่นเอง เดี๋ยวเชิญตามป้ามาเลยค่ะ คุณ ๆ กำลังรออยู่" อนงค์แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลวรโชติโภคินกล่าวเชิญคนที่จะมาเป็นลูกจ้างของตระกูลนี้เข้าไปในบ้าน เมื่อเลอดาวก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในบ้าน แม่บ้านก็ปิดประตูสนิทและพาพยาบาลหน้าใหม่ไปพบเจ้าของบ้าน

เมื่อเข้ามาภายในอาณาเขตของตระกูล 'วรโชติโภคิน' เลอดาวกวาดตามองไปรอบ ๆ บ้าน ทำไมตัวบ้านช่างดูหม่นหมองเสียจริง ไม่สมกับเป็นคฤหาสน์ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น 'เจ้าสัว' เลยสักนิด คล้ายคนในบ้านไม่ใส่ใจดูแล ต้นไม้สวนหย่อมดูรกรุงรังไม่เป็นระเบียบคล้ายไม่มีคนสวนดูแล ใบไม้แห้งหล่นเต็มพื้นไปหมดไม่มีแม่บ้านมาเก็บกวาด ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านแทบจะไม่เห็นแม่บ้านเลยถ้าไม่นับคนที่พาเข้ามา

หญิงวัยกลางคนพาหล่อนเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์สีขาวที่เงียบสงบให้ความรู้สึกหดหู่พิลึก คงไม่แปลกเพราะเจ้าของบ้านอย่าง 'เจ้าสัวสุทิน วรโชติโภคิน' เพิ่งจะเสียชีวิตลงเมื่อสองเดือนก่อน คนในบ้านคงทำใจยังไม่ได้ ก่อนจะมาทำงานเป็นพยาบาลประจำตัวประธานของบ้านลำดับที่สองและตอนนี้ได้กลายเป็นลำดับที่หนึ่งไปแล้ว หล่อนได้ศึกษาข้อมูลของตระกูลนี้มาบ้าง เลอดาวเดินตามแม่บ้านไปยังห้องรับแขก พบเจ้าของบ้านทั้งสี่คนนั่งคอยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

"นี่คือคุณเลอดาวค่ะ ที่จะมาเป็นพยาบาลดูแลคุณท่านค่ะ" อนงค์แนะนำกับเจ้าของบ้านที่นั่งมองหญิงสาวเป็นตาเดียวกันให้ทราบ

"สวัสดีค่ะ ดิฉันเลอดาว ก้าวไกลค่ะ ที่สมัครมาเป็นพยาบาลดูแลคุณแพรทองค่ะ" ร่างบางแนะนำตัว ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเจ้านายทั้งสี่คนของตนเอง และได้รับรอยยิ้มที่เป็นมิตรตอบกลับมา จะมีเพียงผู้หญิงอีกคนที่ดูจะหน้าหงิกนิดหน่อย คงจะเพิ่งอารมณ์เสียมาแน่ ๆ หล่อนนึก

"จ้ะ เชิญนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวรออีกคนมาถึงก่อนนะ แล้วฉันจะบอกงานที่ต้องรับผิดชอบ อ่อ ฉันชื่อพิมพ์ชนกนะ เรียกคุณพิมพ์เฉย ๆ ก็ได้ ฉันเป็นภรรยาของคุณอภิเชษฐ์ลูกชายคนโตของคุณแพรทอง นี่คือคุณอภิเชษฐ์สามีของฉัน ส่วนนี่คุณอภิสิทธิ์น้องชายของคุณเชษฐ์เขา และส่วนนี่คุณเอมอรภรรยาของคุณอภิสิทธิ์จ้ะ" พิมพ์ชนกแนะนำสมาชิกในบ้านให้กับพยาบาลสาวได้รู้จัก หล่อนเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลจึงทำหน้าที่นี้

เลอดาวนั่งลงบนโซฟาอีกฟากอย่างสงบเสงี่ยม รู้สึกถึงความเป็นกันเองกับพิมพ์ชนกและคุณอภิเชษฐ์ผู้เป็นสามี ทว่ากลับรู้สึกอึดอัดกับสายตาของครอบครัวผู้น้องมาก ๆ ทั้งเอมอรและคนเป็นสามีมองหล่อนด้วยสายตาไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ แม้จะอึดอัดแค่ไหนก็ต้องยอมทนเพื่อเป้าหมาย หล่อนนั่งพูดคุยกับเจ้าของบ้านไปพลาง ๆ ไม่นานก็มีคนมากดกริ่งเรียกอีก

"สงสัยอีกคนมาถึงแล้ว" พิมพ์ชนกว่า

ครู่เดียวแม่บ้านคนเดิมที่เคยไปรับหล่อนก็เดินนำแขกผู้มาใหม่เข้ามา เมื่อเห็นว่าแขกผู้นั้นเป็นใครเลอดาวก็ตกใจและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน เขาคือผู้ชายคนนั้นคนที่ช่วยเหลือตนเองตอนอยู่บนเรือข้ามฟาก เขาเองก็ยิ้มให้หล่อน คงจะอึ้งเหมือน ๆ กับหล่อนในตอนนี้อยู่ไม่น้อย ทว่าดูแววตาของชายหนุ่มมันดูตื่นเต้นเกินกว่าเหตุอย่างเห็นได้ชัดที่รู้ว่าบังเอิญมาเจอกับหล่อนที่นี่อีกรอบ

"สวัสดีครับ ผมแทนคุณ มั่นคงครับ เป็นคุณครูที่ลงสมัครไว้ครับ" คนมาใหม่ยืนแนะนำตัว ชายหนุ่มจะมาเป็นคุณครูสอนเด็กพิเศษให้กับลูกหลานบ้านนี้

"เชิญนั่งก่อนค่ะคุณครู ฉันจะบอกงานที่พวกคุณต้องรับผิดชอบนะคะ" เป็นพิมพ์ชนกอีกเช่นเคยที่เป็นคนจัดการทุกอย่าง หล่อนแนะนำตัวเองและทุกคนให้ชายหนุ่มรู้จัก

"งานในส่วนของคุณพยาบาลจะต้องดูแลคุณแม่ของฉันที่ป่วยตลอดเวลา ทำทุกอย่างนะคะเป็นจำนวนหกวัน หยุดหนึ่งวันคือวันอาทิตย์ หรือถ้าไม่หยุดเลยเราจ่ายเงินเพิ่มสามเท่าของวันหยุดค่ะ" พิมพ์ชนกหยุดพูด มองใบหน้าจิ้มลิ้มของพยาบาลสาวเหมือนหยั่งเชิง "ไหวมั้ยคะ" เพราะพยาบาลกี่คนต่อกี่คนที่จ้างมาก็ลาออกกันหมด อีกทั้งหล่อนผู้นี้ก็เค้าหน้าอ่อนประสบการณ์เหลือเกินจะทนไหวหรือ

"ไหวค่ะคุณพิมพ์" เลอดาวตอบหนักแน่น แต่เหมือนพิมพ์ชนกจะไม่ค่อยเชื่อทว่าก็ยังพยักหน้าให้ ดูเหมือนว่าก่อนหน้าหล่อนจะมาคงมีพยาบาลเข้าออกไปแล้วหลายคน

"ฉันอยากให้ทำงานทุกวันนะคะ แต่วันไหนมีธุระหยุดได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นวันอาทิตย์ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีธุระจำเป็น ฉันก็อยากขอให้ไม่หยุดได้ไหม" พิมพ์ชนกพูดต่อและเงียบหยั่งเชิงอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่