กระทู้รีวิวนี้ อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายมากนะ จะเน้นไปทางเรื่องการเดินทางและระหว่างมากกว่า
ผมมีอาชีพเป็นบรรณารักษ์ (ที่ใครก็บอกว่าไม่น่าใช่)
ย้ายมาอยู่ อ.เมือง ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดพะเยา
เพื่อนผมทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ต่างอำเภอ
น้องจากยิมชื่อดังของ อ.เชียงคำ และ พี่สาวเพื่อน
นี่คือผู้ร่วมเดินทางกัน
เนื่องจาก กลุ่มผมนั้นเป็นคนในพื้นที่จังหวัดพะเยา ที่ชอบมาเดินขึ้นที่นี่ในทุกปี
ประเด็นก็คือ มันหายากนะ ที่จะมีคนที่ชอบกิจกรรมแบบนี้เหมือนกันและพร้อมจะไปกันทุกปี
อย่างที่เห็นเป็นมีมขำ ๆ ที่นัดกันดิบดี พอถึงวันจะไปมาก็เทกันซะงั้น แบบนั้นมันเจ็บปวด
สำหรับผมกับเพื่อนนั้นรู้จักกันตั้งแต่ ม.1 จนแยกย้ายไปเรียน ทำงาน ทำธุรกิจ จนอายุล่วงเลยมาจนวัยกลางคน
เคยคุยกันไว้ตั้งแต่ยังไม่มีลูกว่าจะขึ้นไปสักวัน สุดท้ายก็มีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นมาจนต้องเลื่อนนัดออกมาถึง 5 ปี
และหลังจากนั้น ก็เดินป่าแถว ๆ ภาคเหนือกันเพลินเลย
การเดินทางนี้พวกผมไม่ได้จ้างลูกหาบแต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าพื้นที่และมีคนนำทาง ตามระเบียบเหมือนทุกคนที่จะขึ้น
ปีก่อน ๆ แค่แจ้งชื่อว่าจะเดินขึ้นเท่านั้นแล้วไปรวมกันที่จุดชมวิวและไปจุดเดินขึ้นทีเดียวเลย ตั้งแต่ปี 65 ที่ผ่านมาก็ให้มาอบรมก่อน 1 วัน
(สำหรับพวกผมก็ไม่ค่อยชอบระบบนี้เท่าไหร่) ในเหตุผลของอุทยานมันก็คงเป็นเรื่องการดึงคนมาใช้จ่ายในพื้นที่บ้าง
กับในมุมมองผม มันก็ทำให้คนมาเดินขึ้นที่นี่ น้อยลง เพราะมันเสียเวลาฟรี ๆ ไป 1 วัน ต่างกับที่ดอยหลวงเชียงดาว เพราะที่นั่นมีอะไรให้ทำแก้ขัดได้เยอะกว่า
แต่ถ้ามองในมุมที่ดี คือ ที่นี่จะสะอาดขึ้น ขยะน้อยลง และด้านบน(ที่กางเต้นท์)ไม่แออัดแบบปีก่อน ๆ
มันทำให้เราได้สัมผัสความเงียบสงบที่แท้จริง คนที่มาก็มีคุณภาพพอ ไม่มีดราม่าเปิดเพลงเสียงดังแบบที่ม่อนจอง
เริ่มต้นด้วยที่วิวหน้าบ้านกันก่อนเลย ผมบอกได้ว่าตกหลุมรักเลยก็ได้ เพราะได้มองเห็นทุก ๆ วันเช้า หากได้ไปยืนบนนั้นแล้วมองลงมา
เริ่มกันที่ทางเข้า ตรงข้ามจุดรวมพล อากาศดีและหมอกปิดบังท้องฟ้า
กว่าจะได้ออกจากจุดนัดขึ้นรถ และกว่าจะถึงจุดรวมพล กินเวลาไปเยอะ เริ่มเดินกันเกือบ 10 โมงเช้า
ส่วนตัวผมมองว่ามันเริ่มช้าเกินไป เพราะทำให้เหนื่อยง่ายจากสภาพอากาศและเปลืองน้ำดื่ม
เดินมาได้สักพักจุดแรก ขอถ่ายรูปวมกันหน่อย ปี 65 ที่ผ่านมา ไม่มีไฟป่าเลย ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสมบูรณ์มาก สูง ทึบไปหมด
เดินกันบ่อยไม่มีหลงและหากใครที่เคยเดินมาแล้วจะรู้จักเนินนี้ดีว่าเราใช้เวลาส่วนมากในการก้มมองเท้ากว่าจะถึงยอด
ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาผมแนะนำว่าค่อย ๆ ก้าวไม่ต้องรีบใช้พลังทั้งหมดไปกับเนินนี้
ปีก่อนโล่งสวยหญ้าไม่สูงมากแบบนี้ เด่นสง่าก็คือต้นไม้ต้นนี้กับวิวกว้าง ๆ สวยงาม
ถ่ายรูปเสร็จก็ มุ่งหน้าเดินต่อไปให้ถึงยอดเขาลูกนี้
นับ 1 ใหม่อีกครั้ง กับเนินแคบ ๆ สันหมูแม่ด้องนี้
เหมือนเดิมครับ จากปกติตรงนี้จะเห็นเป็นแนวหินให้ปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
ปีนี้ หญ้าแน่น ปิดบังช่องหิน ทำให้เราต้องระวังการเหยียบเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปด้วยเช่นกัน
อยากได้ภาพ ก็ต้องนัดแนะกัน ให้ขึ้นไปก่อนแล้วถ่ายลงมา เราก็ถ่ายขึ้นไป
จุดพักกินข้าวยอดนิยมของทุกทริป และหลายคน มารวมกันตรงนี้
ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงสำหรับเส้นทางนี้ พวกผมไม่รีบเดินเพราะรู้ระยะทางแล้ว
เน้นการดื่มด่ำกับบรรยากาศถ่ายรูปเยอะ พักไม่บ่อย
ได้พบเจอ น้องโอ๊ต น้องปราย ที่มากับกรุ๊ปอื่น มาร่วมเดินทางกับกลุ่มเรา 2 คนนี้เดินกันสบาย ๆ
ถ่ายรูปรวมกับวิวด้านล่าง ที่อยู่ตรงนี้มองลงไปมันสวยมาก ๆ 2 ข้างทางของเส้นทางเดินเขาแห่งนี้ มีวิวสวย ๆให้ดูตลอดทาง
แม้มันจะเดินไกลหน่อยก็เถอะ ผมถือว่าคุ้มค่ามาก
หมอกเมฆคลุมแน่นหนา
มาถึงจุดนี้แล้ว บันไดก่ายฟ้าก็ชิวๆ ได้เลย เพราะว่าใกล้ที่จะถึงที่พักแล้ว หากหมอกลงเยอะแนะนำว่าใช้เวลากับสถานที่ที่เด่น ๆ ให้เยอะ ๆ ครับ
เพราะหมดจากช่วงนี้ไปแล้ว ก็จะเป็นการเดินและเดิน จนถึงที่กางเต้นท์ และแน่นอนว่าอากาศก็จะปิดแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรให้ทำเลย
เวลา บ่าย 3 ก็มาถึงที่กางเต้นท์ และ อากาศก็ปิดแบบที่เดินฝ่ากันมา มีเปิดมาบ้างเป็นนช่วง (ไม่ถึงนาที)
ที่กางเต้นท์มีเพียงพอ อุทยานได้จัดเตรียมตัดหญ้าพื้นที่ไว้ให้แล้ว แต่ก็ยังรกอยู่ดีเพราะหญ้าโตไวมาก
จัดแจงกันเองเลยครับ มาก่อน เลือกที่นอนก่อน
อากาศเปิดเป็นช่วง ภูเขาลูกนั้น เป็นจุดที่ขึ้นมาจากบันไดก่ายฟ้า
จากที่ยืนถ่ายภาพ คือที่พัก เมฆจะไหลผ่านช่องเขาตรงนี้แบบอลังการมาก
ผ่านค่ำคืนไปแบบมองไม่เห็นอะไร ลมแรง และตื่นเช้ามาอากาศก็ปิด จะไปต่อที่ดอยหนอก
พวกผมไม่รีบแล้วแบบนี้ เพราะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ดอยหนอกก็ไม่ต้องการจะปีนขึ้นไปเพราะอากาศปิด
แล้วโชคก็เป็นของเราบ้าง หลังจากอากาศปิดอยู่นานจนถึงเวลา 8.30 อากาศก็เปิดซะอย่างนั้น
ทุก ๆ คนต้องเอาอุปกรณ์ถ่ายภาพขึ้นมาบันทึกเอาไว้เลย
กับตรงนี้ คือจุดที่จะชมวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งจังหวัด
จุดที่จะนั่งชมอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้สวยสุด ๆ เมื่อวาน
ที่นี้ก็มุ่งหน้าสู่ดอยหนอกกัน เห็นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไกล............555
และผมคิดว่า ตรงทางที่เรากำลังเดินไปหาดอยหนอกนี่แหละ สวยที่สุดแล้ว เมื่อมองจากมุมสูง
คนที่มาผมแนะนำเลยว่า ถ่ายรูปตรงนี้ให้เยอะครับ เนื่องจากปีที่ก่อนนั้น อากาศเปิดตอนเย็นที่ดอยหลวง
แต่เช้ามาอากาศปิดที่ดอยหนอก
ปีนี้ถือว่าเป้าหมายสมบูรณ์ เพราะได้เห็นเมฆไหลผ่านดอยหนอก ไปชมภาพกันเลย
ส่วนเส้นทางในการเดินไปดอยหนอกนั้น แต่ละปีไม่เหมือนกัน
ที่เหมือนกันทุกปีก็ คือ ความเหนื่อตอนเดินกลับไปยังจุดเก็บกระเป๋า
น้ำควรมีอย่างเพียงพออย่างน้อย 1 ขวดต่อการไป และอีก 1 ขวดสำหรับกลับ (ขากลับนี่แหละสำคัญ)
และต้องมีน้ำเผื่อไว้สำหรับ ลงไปยังเส้นทางกลับด้วย บริหารจัดการให้ดีครับ
ช่วงเวลาที่เราเดินนั้นในเส้นทางจะไม่ค่อยมีลมพัดถึงทำให้เรากระหายน้ำเพราะเหงื่ออกเยอะ
รวมกับอากาศที่ร้อนเพราะนั่นคือตอนเที่ยง - บ่าย ไปกลับรวม 6 กม.
วิวกว้าง ๆ ตรงสันขึ้นดอยหนอก
ร่างกายพร้อมก็ไม่มีปัญหา
วิวตรงด้านล่างดอยหนอก ดูใกล้ ๆ โครตสูงเลย
ส่วนเส้นทางกลับนั้น ผมจะสรุปให้ง่าย ๆ ครับ คือเราต้องเดินลงยาว ๆ ประมาณ 5 ชั่วโมงได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเดินลงที่น่าเบื่อพอสมควรเลย เพราะเดินแต่ในป่าเท่านั้น จนถึงน้ำตก หากจะดื่มน้ำตรงนั้น แนะนำว่าให้หาที่กรองน้ำไปด้วยครับ ตัวผมเองใช้กระดาษกรองกาแฟ ช่วยกรองอีกขึ้นนึง เพราะว่า น้ำมีตะกอนละเอียดอยู่บ้าง จะได้ดื่มแบบสบายใจ
การเดินเท้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจจะต้องเสียเวลาหน่อยนึง ก็ต้องทำใจผ่อนคลาย รอให้สบายนะครับ
ที่รู้มา บองกลุ่ม มืดแล้วยังเดินมาไม่ถึงที่รถมารอรับเลยแล้วออกมาเกือบ 3 ทุ่มถือว่าดึกมาก
เส้นทางเดินป่า ดอยหลวง-ดอยหนอก ปกติจะเปิดให้เดินได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ มาเป็นกรุ๊ปถือว่าดีครับ มีคนช่วยหารค่าใช้จ่าย
ค่า จนท. นำทาง 900 ต่อวัน เราใช้เวลา 2 วัน ก็ 1,800 บาท
ค่าจ้างรถ ปีล่าสุดนี้ 700 ต่อเที่ยว เราใช้ 2 วัน ก็ 1,400 บาท
ค่าลูกหาบ อันนี้ผมไม่ทราบ
ส่วนปีนี้ทางพะเยาเจอไฟป่าเยอะ คาดว่าเส้นทางปีนี้อาจจะไม่รกเหมือนปีที่ผ่านมาครับ จุดกางเตนท์คงโล่งขึ้นบ้าง
เส้นทางเดินอาจจะง่ายกว่าปีก่อน
ใครที่ตั้งใจจะมาเดินขึ้นก็เตรียมร่างกายไว้ดี ๆ ครับ เพราะเดินไกล+แบกของหนัก เดินกลับไม่ได้แล้ว ถอนตัวก็ไม่ได้
จัดกระเป๋าให้ดี เลือกที่สำคัญและจำเป็น
ส่วนผมกับพวกนั้น ขอตัวไปไต่ขึ้นดอยหลวงเชียงดาวก่อนครับปีนี้ และดอยหลวงพะเยาที่นี่นั้น......แน่นอนว่าต้องขึ้นทุกปีครับ 555
[CR] รีวิว เดินขึ้นดอยหลวง ดอยหนอก จังหวัดพะเยา
ผมมีอาชีพเป็นบรรณารักษ์ (ที่ใครก็บอกว่าไม่น่าใช่)
ย้ายมาอยู่ อ.เมือง ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดพะเยา
เพื่อนผมทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ต่างอำเภอ
น้องจากยิมชื่อดังของ อ.เชียงคำ และ พี่สาวเพื่อน
นี่คือผู้ร่วมเดินทางกัน
เนื่องจาก กลุ่มผมนั้นเป็นคนในพื้นที่จังหวัดพะเยา ที่ชอบมาเดินขึ้นที่นี่ในทุกปี
ประเด็นก็คือ มันหายากนะ ที่จะมีคนที่ชอบกิจกรรมแบบนี้เหมือนกันและพร้อมจะไปกันทุกปี
อย่างที่เห็นเป็นมีมขำ ๆ ที่นัดกันดิบดี พอถึงวันจะไปมาก็เทกันซะงั้น แบบนั้นมันเจ็บปวด
สำหรับผมกับเพื่อนนั้นรู้จักกันตั้งแต่ ม.1 จนแยกย้ายไปเรียน ทำงาน ทำธุรกิจ จนอายุล่วงเลยมาจนวัยกลางคน
เคยคุยกันไว้ตั้งแต่ยังไม่มีลูกว่าจะขึ้นไปสักวัน สุดท้ายก็มีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นมาจนต้องเลื่อนนัดออกมาถึง 5 ปี
และหลังจากนั้น ก็เดินป่าแถว ๆ ภาคเหนือกันเพลินเลย
การเดินทางนี้พวกผมไม่ได้จ้างลูกหาบแต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าพื้นที่และมีคนนำทาง ตามระเบียบเหมือนทุกคนที่จะขึ้น
ปีก่อน ๆ แค่แจ้งชื่อว่าจะเดินขึ้นเท่านั้นแล้วไปรวมกันที่จุดชมวิวและไปจุดเดินขึ้นทีเดียวเลย ตั้งแต่ปี 65 ที่ผ่านมาก็ให้มาอบรมก่อน 1 วัน
(สำหรับพวกผมก็ไม่ค่อยชอบระบบนี้เท่าไหร่) ในเหตุผลของอุทยานมันก็คงเป็นเรื่องการดึงคนมาใช้จ่ายในพื้นที่บ้าง
กับในมุมมองผม มันก็ทำให้คนมาเดินขึ้นที่นี่ น้อยลง เพราะมันเสียเวลาฟรี ๆ ไป 1 วัน ต่างกับที่ดอยหลวงเชียงดาว เพราะที่นั่นมีอะไรให้ทำแก้ขัดได้เยอะกว่า
แต่ถ้ามองในมุมที่ดี คือ ที่นี่จะสะอาดขึ้น ขยะน้อยลง และด้านบน(ที่กางเต้นท์)ไม่แออัดแบบปีก่อน ๆ
มันทำให้เราได้สัมผัสความเงียบสงบที่แท้จริง คนที่มาก็มีคุณภาพพอ ไม่มีดราม่าเปิดเพลงเสียงดังแบบที่ม่อนจอง
เริ่มต้นด้วยที่วิวหน้าบ้านกันก่อนเลย ผมบอกได้ว่าตกหลุมรักเลยก็ได้ เพราะได้มองเห็นทุก ๆ วันเช้า หากได้ไปยืนบนนั้นแล้วมองลงมา
เริ่มกันที่ทางเข้า ตรงข้ามจุดรวมพล อากาศดีและหมอกปิดบังท้องฟ้า
กว่าจะได้ออกจากจุดนัดขึ้นรถ และกว่าจะถึงจุดรวมพล กินเวลาไปเยอะ เริ่มเดินกันเกือบ 10 โมงเช้า
ส่วนตัวผมมองว่ามันเริ่มช้าเกินไป เพราะทำให้เหนื่อยง่ายจากสภาพอากาศและเปลืองน้ำดื่ม
เดินมาได้สักพักจุดแรก ขอถ่ายรูปวมกันหน่อย ปี 65 ที่ผ่านมา ไม่มีไฟป่าเลย ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสมบูรณ์มาก สูง ทึบไปหมด
เดินกันบ่อยไม่มีหลงและหากใครที่เคยเดินมาแล้วจะรู้จักเนินนี้ดีว่าเราใช้เวลาส่วนมากในการก้มมองเท้ากว่าจะถึงยอด
ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาผมแนะนำว่าค่อย ๆ ก้าวไม่ต้องรีบใช้พลังทั้งหมดไปกับเนินนี้
ปีก่อนโล่งสวยหญ้าไม่สูงมากแบบนี้ เด่นสง่าก็คือต้นไม้ต้นนี้กับวิวกว้าง ๆ สวยงาม
ถ่ายรูปเสร็จก็ มุ่งหน้าเดินต่อไปให้ถึงยอดเขาลูกนี้
นับ 1 ใหม่อีกครั้ง กับเนินแคบ ๆ สันหมูแม่ด้องนี้
เหมือนเดิมครับ จากปกติตรงนี้จะเห็นเป็นแนวหินให้ปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
ปีนี้ หญ้าแน่น ปิดบังช่องหิน ทำให้เราต้องระวังการเหยียบเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปด้วยเช่นกัน
อยากได้ภาพ ก็ต้องนัดแนะกัน ให้ขึ้นไปก่อนแล้วถ่ายลงมา เราก็ถ่ายขึ้นไป
จุดพักกินข้าวยอดนิยมของทุกทริป และหลายคน มารวมกันตรงนี้
ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงสำหรับเส้นทางนี้ พวกผมไม่รีบเดินเพราะรู้ระยะทางแล้ว
เน้นการดื่มด่ำกับบรรยากาศถ่ายรูปเยอะ พักไม่บ่อย
ได้พบเจอ น้องโอ๊ต น้องปราย ที่มากับกรุ๊ปอื่น มาร่วมเดินทางกับกลุ่มเรา 2 คนนี้เดินกันสบาย ๆ
ถ่ายรูปรวมกับวิวด้านล่าง ที่อยู่ตรงนี้มองลงไปมันสวยมาก ๆ 2 ข้างทางของเส้นทางเดินเขาแห่งนี้ มีวิวสวย ๆให้ดูตลอดทาง
แม้มันจะเดินไกลหน่อยก็เถอะ ผมถือว่าคุ้มค่ามาก
หมอกเมฆคลุมแน่นหนา
มาถึงจุดนี้แล้ว บันไดก่ายฟ้าก็ชิวๆ ได้เลย เพราะว่าใกล้ที่จะถึงที่พักแล้ว หากหมอกลงเยอะแนะนำว่าใช้เวลากับสถานที่ที่เด่น ๆ ให้เยอะ ๆ ครับ
เพราะหมดจากช่วงนี้ไปแล้ว ก็จะเป็นการเดินและเดิน จนถึงที่กางเต้นท์ และแน่นอนว่าอากาศก็จะปิดแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรให้ทำเลย
เวลา บ่าย 3 ก็มาถึงที่กางเต้นท์ และ อากาศก็ปิดแบบที่เดินฝ่ากันมา มีเปิดมาบ้างเป็นนช่วง (ไม่ถึงนาที)
ที่กางเต้นท์มีเพียงพอ อุทยานได้จัดเตรียมตัดหญ้าพื้นที่ไว้ให้แล้ว แต่ก็ยังรกอยู่ดีเพราะหญ้าโตไวมาก
จัดแจงกันเองเลยครับ มาก่อน เลือกที่นอนก่อน
อากาศเปิดเป็นช่วง ภูเขาลูกนั้น เป็นจุดที่ขึ้นมาจากบันไดก่ายฟ้า
จากที่ยืนถ่ายภาพ คือที่พัก เมฆจะไหลผ่านช่องเขาตรงนี้แบบอลังการมาก
ผ่านค่ำคืนไปแบบมองไม่เห็นอะไร ลมแรง และตื่นเช้ามาอากาศก็ปิด จะไปต่อที่ดอยหนอก
พวกผมไม่รีบแล้วแบบนี้ เพราะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ดอยหนอกก็ไม่ต้องการจะปีนขึ้นไปเพราะอากาศปิด
แล้วโชคก็เป็นของเราบ้าง หลังจากอากาศปิดอยู่นานจนถึงเวลา 8.30 อากาศก็เปิดซะอย่างนั้น
ทุก ๆ คนต้องเอาอุปกรณ์ถ่ายภาพขึ้นมาบันทึกเอาไว้เลย
กับตรงนี้ คือจุดที่จะชมวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งจังหวัด
จุดที่จะนั่งชมอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้สวยสุด ๆ เมื่อวาน
ที่นี้ก็มุ่งหน้าสู่ดอยหนอกกัน เห็นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไกล............555
และผมคิดว่า ตรงทางที่เรากำลังเดินไปหาดอยหนอกนี่แหละ สวยที่สุดแล้ว เมื่อมองจากมุมสูง
คนที่มาผมแนะนำเลยว่า ถ่ายรูปตรงนี้ให้เยอะครับ เนื่องจากปีที่ก่อนนั้น อากาศเปิดตอนเย็นที่ดอยหลวง
แต่เช้ามาอากาศปิดที่ดอยหนอก
ปีนี้ถือว่าเป้าหมายสมบูรณ์ เพราะได้เห็นเมฆไหลผ่านดอยหนอก ไปชมภาพกันเลย
ส่วนเส้นทางในการเดินไปดอยหนอกนั้น แต่ละปีไม่เหมือนกัน
ที่เหมือนกันทุกปีก็ คือ ความเหนื่อตอนเดินกลับไปยังจุดเก็บกระเป๋า
น้ำควรมีอย่างเพียงพออย่างน้อย 1 ขวดต่อการไป และอีก 1 ขวดสำหรับกลับ (ขากลับนี่แหละสำคัญ)
และต้องมีน้ำเผื่อไว้สำหรับ ลงไปยังเส้นทางกลับด้วย บริหารจัดการให้ดีครับ
ช่วงเวลาที่เราเดินนั้นในเส้นทางจะไม่ค่อยมีลมพัดถึงทำให้เรากระหายน้ำเพราะเหงื่ออกเยอะ
รวมกับอากาศที่ร้อนเพราะนั่นคือตอนเที่ยง - บ่าย ไปกลับรวม 6 กม.
วิวกว้าง ๆ ตรงสันขึ้นดอยหนอก
ร่างกายพร้อมก็ไม่มีปัญหา
วิวตรงด้านล่างดอยหนอก ดูใกล้ ๆ โครตสูงเลย
ส่วนเส้นทางกลับนั้น ผมจะสรุปให้ง่าย ๆ ครับ คือเราต้องเดินลงยาว ๆ ประมาณ 5 ชั่วโมงได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเดินลงที่น่าเบื่อพอสมควรเลย เพราะเดินแต่ในป่าเท่านั้น จนถึงน้ำตก หากจะดื่มน้ำตรงนั้น แนะนำว่าให้หาที่กรองน้ำไปด้วยครับ ตัวผมเองใช้กระดาษกรองกาแฟ ช่วยกรองอีกขึ้นนึง เพราะว่า น้ำมีตะกอนละเอียดอยู่บ้าง จะได้ดื่มแบบสบายใจ
การเดินเท้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจจะต้องเสียเวลาหน่อยนึง ก็ต้องทำใจผ่อนคลาย รอให้สบายนะครับ
ที่รู้มา บองกลุ่ม มืดแล้วยังเดินมาไม่ถึงที่รถมารอรับเลยแล้วออกมาเกือบ 3 ทุ่มถือว่าดึกมาก
เส้นทางเดินป่า ดอยหลวง-ดอยหนอก ปกติจะเปิดให้เดินได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ มาเป็นกรุ๊ปถือว่าดีครับ มีคนช่วยหารค่าใช้จ่าย
ค่า จนท. นำทาง 900 ต่อวัน เราใช้เวลา 2 วัน ก็ 1,800 บาท
ค่าจ้างรถ ปีล่าสุดนี้ 700 ต่อเที่ยว เราใช้ 2 วัน ก็ 1,400 บาท
ค่าลูกหาบ อันนี้ผมไม่ทราบ
ส่วนปีนี้ทางพะเยาเจอไฟป่าเยอะ คาดว่าเส้นทางปีนี้อาจจะไม่รกเหมือนปีที่ผ่านมาครับ จุดกางเตนท์คงโล่งขึ้นบ้าง
เส้นทางเดินอาจจะง่ายกว่าปีก่อน
ใครที่ตั้งใจจะมาเดินขึ้นก็เตรียมร่างกายไว้ดี ๆ ครับ เพราะเดินไกล+แบกของหนัก เดินกลับไม่ได้แล้ว ถอนตัวก็ไม่ได้
จัดกระเป๋าให้ดี เลือกที่สำคัญและจำเป็น
ส่วนผมกับพวกนั้น ขอตัวไปไต่ขึ้นดอยหลวงเชียงดาวก่อนครับปีนี้ และดอยหลวงพะเยาที่นี่นั้น......แน่นอนว่าต้องขึ้นทุกปีครับ 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น