มีโอกาสได้มาดูงานที่ Portland, Oregon 1 สัปดาห์ เลยอยากสรุปสิ่งที่เห็นมาลงในนี้ให้ทุกท่านได้ดูกันครับ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ^^
ผมไม่ได้มาอเมริกาเกือบๆ 30 ปีได้ครับ ตอนเด็กๆมักจะมา LA เพราะพี่ชาย 2 คนเรียน ปตรี-โท ที่ UCLA เลยจะได้มา LA ทุกปีตอนปิดเทอมใหญ่ การกลับมาครั้งนี้ความรู้สึกของความเป็นอเมริกายังคงเช่นเดิม ที่เปลี่ยนไปคือ ตอนนี้ภาษาอังกฤษแข็งแรงขึ้นมาก และอายุมากแล้ว ได้เห็นเมืองด้วยตัวเองจริงๆกับ 2 ตา และ 2 ขา ของตัวเอง 555
☆ ตั้งแต่สนามบินเข้าเมือง เดินทางสะดวกๆได้เลยด้วย Uber และ LYFT เป็น app เรียกรถ 2 เจ้าที่เป็นที่นิยมที่นี่ครับ (หรือ อาจจะทั้งประเทศด้วยหรือเปล่า) จะมี platform สำหรับคนที่เรียกรถกับ 2 app นี้ให้ไปยืนรอเป็นจุดนัดพบเลย สะดวกมากครับ
☆ ผู้คน friendly มากๆ เดินถนนตอนเช้าๆ สวนกันก็จะมีทักมาเช่น "Morning bud" "Nice weather hah" โดยเฉพาะพนักงานเก็บเงินตามร้านขายของ supermarket ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ มักจะคุยเล่นตลอด ใครที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเชื่อว่าต้องได้พูดเยอะจนเก่งขึ้นแน่ๆ^^
♧ ที่นี่จะเป็น cashless เยอะมากครับ คือส่วนใหญ่ซื้อของจ่ายเงินผ่าน app กันแล้ว หลายๆร้านแปะป้ายเลยว่าขอรับแบ๊งค์ที่ต่ำกว่า $20 เท่านั้น ผมยื่นแบ๊งค์ $100 ให้หลายร้านเค้าขอไม่รับครับ สะดวกหน่อยสำหรับแบ๊งค์ใหญ่คือ พวก super หรือ ร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆหน่อยอย่าง safeway , target, cvs ที่มีเครื่อง self check-out รับเงินไปหมด
☆ รถเมล์ไปได้หลายที่ ครอบคลุมเกือบทุกจุดสำคัญ ราคา ok คือที่ผมใช้เป็นตั๋ว $2.5 ตั๋วมีอายุ 2 ชั่งโมงครึ่ง คือ ภายในเวลาที่มีนี้สามารถขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ บนตั๋วจะมีเวลาที่กำหนดไว้บอกเลยว่าตั๋วเราหมดเวลากี่โมง มันมีตั๋วแบบ all day ใช้ทั้งวันได้แต่ผมไม่ได้ซื้อ รถเมล์รับเงินสดทั้งเหรียญกับแบ๊งค์ เครื่องเก็บเงินอยู่ข้างคนขับเลย แต่!!! เค้าไม่ทอนเงินให้นะครับใส่เงินเกินคือเกิน! ดังนั้นเตรียมเงินให้พอดีครับ
☆ บนรถเมล์จะมีชื่อป้ายแต่ละป้ายที่กำลังจะจอดแจ้งตลอดทาง ใครจะลงป้ายไหนก็ให้กด หรือดึงเชือกสลิงสีเหลืองเพื่อให้คนขับจอดให้ มันจะขึ้นคำว่า "stop requested" บนหน้าจอครับ ตอนลงก็ตะโกนขอบคุณคนขับดังๆด้วยนะ^^ ทุกคนที่ลงรถจะขอบคุณคนขับกันหมดครับ อยู่ที่นี่จะเป็นคนที่มีอัธยาศัยที่ดีโดยอัตโนมัติเลย
☆ สามารถวางแผนขึ้นรถเมล์ว่าต้องไปขึ้นตรงจุดไหน ขึ้นสายอะไร เวลากี่โมงได้ที่ https:\\trimet.org แต่ web มันชอบขึ้น error ในบางเวลาไม่รู้ทำไม สามารถใช้ google map ช่วยได้ แต่เวลาที่รถมาจะไม่เป๊ะครับ แนะนำว่า ถ้ารู้ว่าเราจะขึ้นรถป้ายไหน ไปลงป้ายไหนแล้วให้ save ตารางเดินรถจากเว๊ป trimet เก็บไว้ครับ เผื่อ google map เวลาไม่ตรงจะได้ไม่ต้องรอนาน
☆ เมืองนี้เงียบมากๆ เสาร์-อาทิตย์ ช่วง 7-10 โมงเช้านี้ ต้องเรียกว่าวังเวงเลยแหละ วันธรรมดาช่วงเช้าก็คึกคักขึ้นมาหน่อย รถยนต์เยอะขึ้น แต่คนเดินตามท้องถนนก็ยังน้อยอยู่ดี รูปนี้คือบริเวณ PSU (Portland State University) ตอน 10 โมงเช้า อารมณ์หนัง 28 weeks later เลยครับ
☆ เค้าสนับสนุนการเดินทางแบบไร้มลพิษ ดังนั้นจะมีเลนจักรยานให้บนถนนเกือบทุกสายในเมือง กับเค้ามีสกู้ตเตอร์ไฟฟ้าให้ใช้ด้วยครับ แค่ใช้มือถือยิง qr code ตรงแฮนด์ของสกูตเตอร์ (อาจจะมีการชำระค่าใช้งาน) แล้วก็ขับไปได้เลย เห็นคนใช้เยอะมากๆครับ แล้วก็เห็นจอดทิ้งกันข้างถนนโดยทั่วไปเลย เหมือนกับว่าถึงที่หมายก็จอดทิ้งไว้เลย พอจะกลับก็ใช้คันเดิมหรือเดินหาคันใหม่เพื่อขี่กลับบ้านประมาณนั้น
● คนไร้บ้าน หรือ homeless เยอะมากๆ เรียกว่ากลื่อนเมืองเลยก็ว่าได้ สาเหตุจาก covid ก็ส่วนนึง และนโยบายของรัฐที่รับดูแลคนพวกนี้ก็ส่วนนึงด้วย ทำให้ homeless เพิ่มขึ้นมากที่นี่ คนในพื้นที่และแม้แต่คนไทยที่อาศัยที่นี่ก็บอกว่า เมืองเน่าลงมาก ความปลอดภัยก็ยังพอไหวเพราะคนกลุ่มนี้เค้าก็ไม่ได้ปล้น หรือทำร้ายคนเดินถนนอะไร มีแต่ขโมยของตาม super หุหุ... แต่คนที่เมาเหล้า เมายา หรือมีอาการทางจิต ก็ไม่น้อยนะเวลาที่ผมเดินในเมือง หรือตอนนั่งรถเมล์ อันนี้ก็ต้องระวังตัวกันไปครับ พี่คนไทยที่นี่บอกว่สเห็นที่นี่เป็นอย่างนี้ LA กับ SF แย่กว่านี้อีกหลายเท่า ผมก็ห๊ะ!!!?
● ด้วยความที่ homeless เกลื่อนเมืองขนาดนี้ทำให้ทุกห้างและโดยเฉพาะ supermarket จะมี guard หรือ ตำรวจ ยืนเฝ้าทุกทางเข้าออกเลย และด้วยความโชคดีผมก็ได้เจอสถานการณ์การจับกุม homeless ที่เข้าไปขโมยของกินต่อหน้าต่อตาเลย 1 ครั้ง กับ ที่สังเกตุได้เลยคือ รถที่จอดข้างถนนหลายๆคันจอดเปิดกระจกทิ้งไว้ซึ่งเป็นการป้องกันการทุบกระจกขโมยของครับ บางคันก็เขียนป้ายติดไว้ให้เห็นเลย "Please do not break the window, nothing valuable inside" ขอความเห็นใจอย่าทุบกระจกเลย สงสัยโดนกันมาหลายครั้งเลยแก้ไขกันแบบนี้
☆ Portland เป็นเมืองที่ tax free นะครับ สินค้าทุกอย่างจะไม่มี tax เลย เพราะฉะนั้นใครเน้นมา shopping ไม่ผิดหวังครับ แนะนำสถานที่ shop ก็ต้องเป็น Woodburn Premium Outlets กับ Washington Square ครับ ขากลับต่อเครื่องที่ Seattle ซื้อน้ำกับขนมที่สนามบินเจอ 3.86% tax เข้าไปคิดถึง Portland เลยทีเดียว
☆ กาแฟที่นี่มีร้านที่คนนิยมเยอะมากหลายยี่ห้อเลย ถ้าถามเค้าว่าแนะนำกาแฟร้านไหนดี แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย แต่แน่นอนครับ starbucks มีร้านเยอะ หาง่ายที่สุด แต่คนที่นี่เค้ามองว่าก็ธรรมดาๆ ที่คนแนะนำเยอะสุดเท่าที่ถามก็ร้านที่ชื่อ Peet's กับ ร้านขนมที่ตอนนี้กำลังดังที่เค้าแนะนำก็ VooDoo doughnuts ส่วนไอติมที่แนะนำก็ร้าน Salt&Straw ครับ และถ้าเป็นร้านอาหารไทยที่ถามคนที่นี่แล้วเค้าแนะนำตรงกันคือ ร้านน้องข้าวมันไก่ ครับ ร้านอยู่แถวๆ shop NIKE
☆ น้ำเปล่าที่นี่ราคาแพงเท่าหรือกว่าน้ำอัดลมนะครับ (อยู่ที่ขวดละ $2.49 สำหรับขนาด 600 ml ยี่ห้อพื้นๆและน้ำเปล่าธรรมดา) เนื่องจากคงเพราะน้ำก๊อกที่นี่กินได้ น้ำเปล่าเค้าเลยต้องผันตัวออกมาเป็นแนว vitamin water ในแบบต่างๆเพื่อสร้างมูลค่าและความน่าสนใจ น้ำอัดลมที่ผมชอบสุดที่มาที่นี่ก็ Dr.Pepper นี่แหละ ตอนเด็กก็ชอบ มาตอนนี้มันก็ยังอร่อยอยู่ แถม sugar free ด้วย
ส่วนใครที่อาจจะมาทริปสั้นๆแบบผม แล้ว jet lag ยาวๆ แนะนำ starbucks ตัวนี้ครับ กาแฟ+energy drink ที่ยังให้รสกาแฟเน้น อร่อยดี ช่วยได้เยอะครับ
☆ อากาศที่นี่ดีมากครับ ตอนผมมาก็ประมาณ 20'C +- นิดหน่อย บ่ายๆแดดแรงแต่ยังเย็นอยู่ แต่ด้วยอากาศแปรปรวนมากๆในหลายปีที่ผ่านมา อาจจะด้วย elnino กับ lanina ที่ Portland ก็กระทบไม่น้อยครับ เค้าเคยร้อนผิดปกติเมื่อเกือบๆ2 ปี ที่แล้วที่ 48'C เลยทีเดียว ทำเอาปั่นป่วนมากๆ หน้าร้อนช่วงหลังๆร้อนมากจนทางการเริ่มจะประกาศให้แต่ละบ้านต้องติดแอร์กันแล้ว ส่วนหน้าหนาวก็หนาวเว่อร์ไปอีกมีหลายวันที่หิมะตกมากจนการจราจรเป็นอัมพาต ตอนนี้เรื่องโลกร้อนเป็นหนึ่งใน agenda หลักของประเทศนี้เลยครับ
☆ ค่าจอดรถที่นี่ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นคือ $4/ชม และ $4 ในแต่ละชั่วโมงที่เกิน ถ้าจอดทั้งวันก็ $12.5 ยิ่งอยู่กลางๆเมือง หรือ downtown ค่าจอดยิ่งแพงครับ ห่างมารอบๆนอกหน่อยมีเห็น $2/ชม อยู่ มาจ่ายเงินก็ไปที่ตู้จ่ายเงิน ใส่ทะเบียนรถแล้วเลือกชั่วโมงที่จะจอดก็เรียบร้อยครับ
☆ ที่นี่มืดช้ามาก กว่าพระอาทิตย์จะตกจริงๆมีเกือบๆ 3 ทุ่มครับ ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นตอนตี 5 กว่าๆ ทำให้มีเวลาไปไหนมาไหนเยอะเลยครับ โดยเฉพาะการขึ้นรถเมล์ที่ทำให้สบายใจเรื่องการกลับโรงแรมดึกๆ เพราะอย่างมากเราน่าจะกลับกันตอนใกล้ๆ 2 ทุ่ม รูปนี้ผมถ่ายเรือดำน้ำตอน 7:30pm หรือ ทุ่มครึ่งครับ
☆ ร้านค้า shopping ต่างๆ เปิดช้า ปิดเร็วครับ เปิดกัน 10 โมง ปิด 1 หรือ 2 ทุ่ม ถ้าเสาร์-อาทิตย์ บางร้านเปิดเที่ยง ปิด 1 ทุ่มกันเลยทีเดียว ต้องเช็คเวลากันดีๆก่อนไปเที่ยวแต่ละที่ครับ
☆ เรื่องการ tip เวลาทานข้าว ร้านส่วนใหญ่จะมีแจ้งที่ท้ายบิลเลยครับว่าข้อความ "กรุณาให้ tip ด้วย เริ่มต้นที่ 15% 20% 25%" ส่วน uber ไม่จำเป็นต้องให้ tip ครับแต่ app ก็มีถามแหละว่าประทับใจคนขับคนนี้มั้ย อยากให้ tip กี่% หรือ ระบุจำนวน tip ได้เองเลย ซึ่งพนักงานร้านอาหารเท่าที่เจอก็บริการดี ถามไถ่ตลอดครับ ก็ให้ tip ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ (คือดีไม่ดีก็ต้องมีให้อ่ะนะครับ)
☆ มา Portland แล้วอย่าลืมมากินปลาแซลมอนกันด้วยนะครับ เพราะแซลมอนของที่นี่ขึ้นชื่อติดอันดับโลกเลย เอาจริงๆก็มารู้ช่วงใกล้กลับแล้ว พี่ร้านอาหารไทยบอกว่ากินแซลมอนยัง ก็เลยเอ๊ะขึ้นมาว่าเออใช่ ที่นี่เค้าดังเรื่องนี้นี่หว่า
ทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ กับการเดินทางมาที่ Portland โดยรวมมันก็น่าอยู่จริงๆ ยิ่งถ้าแก้ปัญหาเรื่อง homeless ได้ก็จะทำให้การเที่ยวในเมืองนี้มัน "สบายใจ" มากขึ้นครับ
micro ทริปกับ Portland, Oregon
ผมไม่ได้มาอเมริกาเกือบๆ 30 ปีได้ครับ ตอนเด็กๆมักจะมา LA เพราะพี่ชาย 2 คนเรียน ปตรี-โท ที่ UCLA เลยจะได้มา LA ทุกปีตอนปิดเทอมใหญ่ การกลับมาครั้งนี้ความรู้สึกของความเป็นอเมริกายังคงเช่นเดิม ที่เปลี่ยนไปคือ ตอนนี้ภาษาอังกฤษแข็งแรงขึ้นมาก และอายุมากแล้ว ได้เห็นเมืองด้วยตัวเองจริงๆกับ 2 ตา และ 2 ขา ของตัวเอง 555
☆ ตั้งแต่สนามบินเข้าเมือง เดินทางสะดวกๆได้เลยด้วย Uber และ LYFT เป็น app เรียกรถ 2 เจ้าที่เป็นที่นิยมที่นี่ครับ (หรือ อาจจะทั้งประเทศด้วยหรือเปล่า) จะมี platform สำหรับคนที่เรียกรถกับ 2 app นี้ให้ไปยืนรอเป็นจุดนัดพบเลย สะดวกมากครับ
☆ ผู้คน friendly มากๆ เดินถนนตอนเช้าๆ สวนกันก็จะมีทักมาเช่น "Morning bud" "Nice weather hah" โดยเฉพาะพนักงานเก็บเงินตามร้านขายของ supermarket ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ มักจะคุยเล่นตลอด ใครที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเชื่อว่าต้องได้พูดเยอะจนเก่งขึ้นแน่ๆ^^
♧ ที่นี่จะเป็น cashless เยอะมากครับ คือส่วนใหญ่ซื้อของจ่ายเงินผ่าน app กันแล้ว หลายๆร้านแปะป้ายเลยว่าขอรับแบ๊งค์ที่ต่ำกว่า $20 เท่านั้น ผมยื่นแบ๊งค์ $100 ให้หลายร้านเค้าขอไม่รับครับ สะดวกหน่อยสำหรับแบ๊งค์ใหญ่คือ พวก super หรือ ร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆหน่อยอย่าง safeway , target, cvs ที่มีเครื่อง self check-out รับเงินไปหมด
☆ รถเมล์ไปได้หลายที่ ครอบคลุมเกือบทุกจุดสำคัญ ราคา ok คือที่ผมใช้เป็นตั๋ว $2.5 ตั๋วมีอายุ 2 ชั่งโมงครึ่ง คือ ภายในเวลาที่มีนี้สามารถขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ บนตั๋วจะมีเวลาที่กำหนดไว้บอกเลยว่าตั๋วเราหมดเวลากี่โมง มันมีตั๋วแบบ all day ใช้ทั้งวันได้แต่ผมไม่ได้ซื้อ รถเมล์รับเงินสดทั้งเหรียญกับแบ๊งค์ เครื่องเก็บเงินอยู่ข้างคนขับเลย แต่!!! เค้าไม่ทอนเงินให้นะครับใส่เงินเกินคือเกิน! ดังนั้นเตรียมเงินให้พอดีครับ
☆ บนรถเมล์จะมีชื่อป้ายแต่ละป้ายที่กำลังจะจอดแจ้งตลอดทาง ใครจะลงป้ายไหนก็ให้กด หรือดึงเชือกสลิงสีเหลืองเพื่อให้คนขับจอดให้ มันจะขึ้นคำว่า "stop requested" บนหน้าจอครับ ตอนลงก็ตะโกนขอบคุณคนขับดังๆด้วยนะ^^ ทุกคนที่ลงรถจะขอบคุณคนขับกันหมดครับ อยู่ที่นี่จะเป็นคนที่มีอัธยาศัยที่ดีโดยอัตโนมัติเลย
☆ สามารถวางแผนขึ้นรถเมล์ว่าต้องไปขึ้นตรงจุดไหน ขึ้นสายอะไร เวลากี่โมงได้ที่ https:\\trimet.org แต่ web มันชอบขึ้น error ในบางเวลาไม่รู้ทำไม สามารถใช้ google map ช่วยได้ แต่เวลาที่รถมาจะไม่เป๊ะครับ แนะนำว่า ถ้ารู้ว่าเราจะขึ้นรถป้ายไหน ไปลงป้ายไหนแล้วให้ save ตารางเดินรถจากเว๊ป trimet เก็บไว้ครับ เผื่อ google map เวลาไม่ตรงจะได้ไม่ต้องรอนาน
☆ เมืองนี้เงียบมากๆ เสาร์-อาทิตย์ ช่วง 7-10 โมงเช้านี้ ต้องเรียกว่าวังเวงเลยแหละ วันธรรมดาช่วงเช้าก็คึกคักขึ้นมาหน่อย รถยนต์เยอะขึ้น แต่คนเดินตามท้องถนนก็ยังน้อยอยู่ดี รูปนี้คือบริเวณ PSU (Portland State University) ตอน 10 โมงเช้า อารมณ์หนัง 28 weeks later เลยครับ
☆ เค้าสนับสนุนการเดินทางแบบไร้มลพิษ ดังนั้นจะมีเลนจักรยานให้บนถนนเกือบทุกสายในเมือง กับเค้ามีสกู้ตเตอร์ไฟฟ้าให้ใช้ด้วยครับ แค่ใช้มือถือยิง qr code ตรงแฮนด์ของสกูตเตอร์ (อาจจะมีการชำระค่าใช้งาน) แล้วก็ขับไปได้เลย เห็นคนใช้เยอะมากๆครับ แล้วก็เห็นจอดทิ้งกันข้างถนนโดยทั่วไปเลย เหมือนกับว่าถึงที่หมายก็จอดทิ้งไว้เลย พอจะกลับก็ใช้คันเดิมหรือเดินหาคันใหม่เพื่อขี่กลับบ้านประมาณนั้น
● คนไร้บ้าน หรือ homeless เยอะมากๆ เรียกว่ากลื่อนเมืองเลยก็ว่าได้ สาเหตุจาก covid ก็ส่วนนึง และนโยบายของรัฐที่รับดูแลคนพวกนี้ก็ส่วนนึงด้วย ทำให้ homeless เพิ่มขึ้นมากที่นี่ คนในพื้นที่และแม้แต่คนไทยที่อาศัยที่นี่ก็บอกว่า เมืองเน่าลงมาก ความปลอดภัยก็ยังพอไหวเพราะคนกลุ่มนี้เค้าก็ไม่ได้ปล้น หรือทำร้ายคนเดินถนนอะไร มีแต่ขโมยของตาม super หุหุ... แต่คนที่เมาเหล้า เมายา หรือมีอาการทางจิต ก็ไม่น้อยนะเวลาที่ผมเดินในเมือง หรือตอนนั่งรถเมล์ อันนี้ก็ต้องระวังตัวกันไปครับ พี่คนไทยที่นี่บอกว่สเห็นที่นี่เป็นอย่างนี้ LA กับ SF แย่กว่านี้อีกหลายเท่า ผมก็ห๊ะ!!!?
● ด้วยความที่ homeless เกลื่อนเมืองขนาดนี้ทำให้ทุกห้างและโดยเฉพาะ supermarket จะมี guard หรือ ตำรวจ ยืนเฝ้าทุกทางเข้าออกเลย และด้วยความโชคดีผมก็ได้เจอสถานการณ์การจับกุม homeless ที่เข้าไปขโมยของกินต่อหน้าต่อตาเลย 1 ครั้ง กับ ที่สังเกตุได้เลยคือ รถที่จอดข้างถนนหลายๆคันจอดเปิดกระจกทิ้งไว้ซึ่งเป็นการป้องกันการทุบกระจกขโมยของครับ บางคันก็เขียนป้ายติดไว้ให้เห็นเลย "Please do not break the window, nothing valuable inside" ขอความเห็นใจอย่าทุบกระจกเลย สงสัยโดนกันมาหลายครั้งเลยแก้ไขกันแบบนี้
☆ Portland เป็นเมืองที่ tax free นะครับ สินค้าทุกอย่างจะไม่มี tax เลย เพราะฉะนั้นใครเน้นมา shopping ไม่ผิดหวังครับ แนะนำสถานที่ shop ก็ต้องเป็น Woodburn Premium Outlets กับ Washington Square ครับ ขากลับต่อเครื่องที่ Seattle ซื้อน้ำกับขนมที่สนามบินเจอ 3.86% tax เข้าไปคิดถึง Portland เลยทีเดียว
☆ กาแฟที่นี่มีร้านที่คนนิยมเยอะมากหลายยี่ห้อเลย ถ้าถามเค้าว่าแนะนำกาแฟร้านไหนดี แต่ละคนตอบไม่เหมือนกันเลย แต่แน่นอนครับ starbucks มีร้านเยอะ หาง่ายที่สุด แต่คนที่นี่เค้ามองว่าก็ธรรมดาๆ ที่คนแนะนำเยอะสุดเท่าที่ถามก็ร้านที่ชื่อ Peet's กับ ร้านขนมที่ตอนนี้กำลังดังที่เค้าแนะนำก็ VooDoo doughnuts ส่วนไอติมที่แนะนำก็ร้าน Salt&Straw ครับ และถ้าเป็นร้านอาหารไทยที่ถามคนที่นี่แล้วเค้าแนะนำตรงกันคือ ร้านน้องข้าวมันไก่ ครับ ร้านอยู่แถวๆ shop NIKE
☆ น้ำเปล่าที่นี่ราคาแพงเท่าหรือกว่าน้ำอัดลมนะครับ (อยู่ที่ขวดละ $2.49 สำหรับขนาด 600 ml ยี่ห้อพื้นๆและน้ำเปล่าธรรมดา) เนื่องจากคงเพราะน้ำก๊อกที่นี่กินได้ น้ำเปล่าเค้าเลยต้องผันตัวออกมาเป็นแนว vitamin water ในแบบต่างๆเพื่อสร้างมูลค่าและความน่าสนใจ น้ำอัดลมที่ผมชอบสุดที่มาที่นี่ก็ Dr.Pepper นี่แหละ ตอนเด็กก็ชอบ มาตอนนี้มันก็ยังอร่อยอยู่ แถม sugar free ด้วย
ส่วนใครที่อาจจะมาทริปสั้นๆแบบผม แล้ว jet lag ยาวๆ แนะนำ starbucks ตัวนี้ครับ กาแฟ+energy drink ที่ยังให้รสกาแฟเน้น อร่อยดี ช่วยได้เยอะครับ
☆ อากาศที่นี่ดีมากครับ ตอนผมมาก็ประมาณ 20'C +- นิดหน่อย บ่ายๆแดดแรงแต่ยังเย็นอยู่ แต่ด้วยอากาศแปรปรวนมากๆในหลายปีที่ผ่านมา อาจจะด้วย elnino กับ lanina ที่ Portland ก็กระทบไม่น้อยครับ เค้าเคยร้อนผิดปกติเมื่อเกือบๆ2 ปี ที่แล้วที่ 48'C เลยทีเดียว ทำเอาปั่นป่วนมากๆ หน้าร้อนช่วงหลังๆร้อนมากจนทางการเริ่มจะประกาศให้แต่ละบ้านต้องติดแอร์กันแล้ว ส่วนหน้าหนาวก็หนาวเว่อร์ไปอีกมีหลายวันที่หิมะตกมากจนการจราจรเป็นอัมพาต ตอนนี้เรื่องโลกร้อนเป็นหนึ่งใน agenda หลักของประเทศนี้เลยครับ
☆ ค่าจอดรถที่นี่ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นคือ $4/ชม และ $4 ในแต่ละชั่วโมงที่เกิน ถ้าจอดทั้งวันก็ $12.5 ยิ่งอยู่กลางๆเมือง หรือ downtown ค่าจอดยิ่งแพงครับ ห่างมารอบๆนอกหน่อยมีเห็น $2/ชม อยู่ มาจ่ายเงินก็ไปที่ตู้จ่ายเงิน ใส่ทะเบียนรถแล้วเลือกชั่วโมงที่จะจอดก็เรียบร้อยครับ
☆ ที่นี่มืดช้ามาก กว่าพระอาทิตย์จะตกจริงๆมีเกือบๆ 3 ทุ่มครับ ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นตอนตี 5 กว่าๆ ทำให้มีเวลาไปไหนมาไหนเยอะเลยครับ โดยเฉพาะการขึ้นรถเมล์ที่ทำให้สบายใจเรื่องการกลับโรงแรมดึกๆ เพราะอย่างมากเราน่าจะกลับกันตอนใกล้ๆ 2 ทุ่ม รูปนี้ผมถ่ายเรือดำน้ำตอน 7:30pm หรือ ทุ่มครึ่งครับ
☆ ร้านค้า shopping ต่างๆ เปิดช้า ปิดเร็วครับ เปิดกัน 10 โมง ปิด 1 หรือ 2 ทุ่ม ถ้าเสาร์-อาทิตย์ บางร้านเปิดเที่ยง ปิด 1 ทุ่มกันเลยทีเดียว ต้องเช็คเวลากันดีๆก่อนไปเที่ยวแต่ละที่ครับ
☆ เรื่องการ tip เวลาทานข้าว ร้านส่วนใหญ่จะมีแจ้งที่ท้ายบิลเลยครับว่าข้อความ "กรุณาให้ tip ด้วย เริ่มต้นที่ 15% 20% 25%" ส่วน uber ไม่จำเป็นต้องให้ tip ครับแต่ app ก็มีถามแหละว่าประทับใจคนขับคนนี้มั้ย อยากให้ tip กี่% หรือ ระบุจำนวน tip ได้เองเลย ซึ่งพนักงานร้านอาหารเท่าที่เจอก็บริการดี ถามไถ่ตลอดครับ ก็ให้ tip ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ (คือดีไม่ดีก็ต้องมีให้อ่ะนะครับ)
☆ มา Portland แล้วอย่าลืมมากินปลาแซลมอนกันด้วยนะครับ เพราะแซลมอนของที่นี่ขึ้นชื่อติดอันดับโลกเลย เอาจริงๆก็มารู้ช่วงใกล้กลับแล้ว พี่ร้านอาหารไทยบอกว่ากินแซลมอนยัง ก็เลยเอ๊ะขึ้นมาว่าเออใช่ ที่นี่เค้าดังเรื่องนี้นี่หว่า
ทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ กับการเดินทางมาที่ Portland โดยรวมมันก็น่าอยู่จริงๆ ยิ่งถ้าแก้ปัญหาเรื่อง homeless ได้ก็จะทำให้การเที่ยวในเมืองนี้มัน "สบายใจ" มากขึ้นครับ