ออกจากงานแต่นำของไปขายที่ทำงาน ...อยากทราบว่าน่าเกลียดไหมครับ?!

กระทู้คำถาม
ผมเคยทำงานเป็นวิศวกรการผลิตที่โรงงานแห่งนึงในเขตสมุทรปราการจนเมื่อต้นปี2566ได้รับโบนัสจึงได้ลาออกจากงาน(แต่แฟนก็ยังทำงานอยู่ที่ออฟฟิศของบริษัทนี้)  วันนึงผมเกิดปิ๊งไอเดียทำของกินให้แฟนไปขายที่ทำงานโดยลองทำน้ำชา กาแฟ โกโก้แบบบรรจุขวดไปแช่เย็นขายปรากฎว่าวันแรกขายหมดเกลี้ยงครับ(เริ่มเอาไปขายเบาๆ50ขวด)
มีวันนึงผมขับรถไปส่งแฟนไวกว่าปกติจึงได้ยกถังที่แช่น้ำที่จะขายช่วงเที่ยงมาวางไว้ให้แฟนหน้าออฟฟิศตรงบริเวณทางเดินเข้า-ออกเครื่องสแกนนิ้วเข้างานของพนักงานในส่วนโรงงาน ปรากฎว่าคนมารุมถามรุมซื้อครับ แถมขนมปังที่ผมเตรียมไว้ให้แฟนมากินกับน้องๆในแผนกที่วางไว้คนก็มาขอซื้อกันคนละชิ้นสองชิ้นจนหมดเกลี้ยง  ผมจึงได้ไอเดียว่าจะลองนำมาวางขายคู่กับน้ำที่ทำมาด้วยก็เลยกลับไปติดต่อคุยขอราคากับร้านขนมที่ผมซื้อมา(ขนมอร่อยมาก ทำสดใหม่ทุกเช้า ราคาสบายกระเป๋าด้วยครับ)
ผมตกลงกับร้านว่าผมจะรับมาลองขายก่อน100ชิ้นโดยขอราคาส่งจากทางร้านครับซึ่งทางร้านก็ตกลงที่จะให้ผมมารับขนมได้ตอน6โมงเช้าของทุกวัน  ผลการตอบรับดีมากๆผมกับแฟนช่วยกันขายหน้าออฟฟิศผมขายหมดทั้งน้ำและขนมก่อน8โมงเช้า ผมรู้สึกสนุกกับการได้ขายของมากครับวันนี้ผมเป็นพ่อค้าเต็มตัวผมหอบเงินมานั่งนับในรถนับไปยิ้มไปรวมแล้วได้มาเกือบ2,000บาท
ช่วงแรกๆคนในออฟฟิศก็ไม่ค่อยซื้อกันเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพนักงานในโรงงานมากกว่า น้ำของผมขายขวดละ10฿ขนมปังก็ขายชิ้นละ10฿ส่วนมากคนในออฟฟิศจะกินพวกน้ำชา กาแฟแบบถุงหรือแบบแก้วแพงๆกันครับ  ผมเลยกลับไปคิดหาวิธีให้ผมได้กลุ่มลูกค้าเป็นคนในออฟฟิศเพิ่มโดยอีกวันผมให้แฟนนำไปแจกคนในออฟฟิศคนละขวดเลยครับ ผมบอกกับแฟนว่า ***"เราใช้ทฤษฎีคนตกปลา"***  เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยซื้อสินค้าของเราเลยเพราะผมมั่นใจในรสชาติและความสดใหม่ของน้ำที่ผมทำมาขายครับเน้นทำวันต่อวันไม่ทำสต๊อกของไว้เลย
ได้ผลดีเยี่ยมตามที่คิดไว้ครับ ผมต้องเพิ่มจำนวนน้ำเป็นวันละ80-100ขวดและขนมวันละ200ชิ้น(และทางร้านขนมลดราคาส่งให้ผมเหลือชิ้นละ7.50฿ด้วยครับ) ขากปากต่อปากกันในออฟฟิศก็มีหน้าใหม่ๆมาซื้อเรื่อยๆจนบางวันสั่งจองของอีกวันไว้เลยครับเพราะมาสายกันไม่ทันซื้อ เรื่องมาสายเป็นเรื่องปกติของคนออฟฟิศครับ😅
ผมทำแบบนี้ทุกวันติดต่อกันมาสามเดือนก็ไม่ถึงกับรวยหรอกครับแต่มีความสุขมีเวลาได้ทำอะไรๆร่วมกับแฟนเหมือนเป็นกิจกรรมอะไรซักอย่างที่ได้ตังค์ด้วย จากปกติเงินเดือนก็เดือนชนเดือนกันแต่ตอนนี้ก็มีเงินไว้ซื้อกินซื้อใช้ในทุกๆวันโดยไม่ต้องใช้เงินเดือนตัวมาใช้จ่ายแบบที่เคยเป็น  ผมไม่รู้สึกเสียดายความรู้และวิชาชีพที่ผมเรียนมาเลยครับเพราะผมคิดว่าผมทำแค่วันละ2-3ชม.แต่ผมมีเงินไว้ใช้วันละ1,500-2,500฿ผมก็ถือว่าผมโอเคแล้ว

แต่สิ่งที่เคยรู้สึกคาใจก็คือผมไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทนี้แล้วแต่ผมนำของมาวางขายในเขตบริษัทแบบนี้มันจะน่าเกลียดไปไหมครับ เพราะตอนหลังๆมานี้ผมก็มีของขายไปวางเพิ่มด้วยคือขนมไทยและผลไม้ตามแต่จะหาได้มาเฉาะใส่ถุงแช่เย็นขายด้วยครับ

***ทฤษฎีคนตกปลา ก็คือวันนึงผมขับผ่านสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่แล้วผมเห็นคนยืนตกปลา ยิงปลากันเต็มสองฟากฝั่งสะพานผมเลยจอดรถแล้วเดินไปดูครับว่าทำอะไรยังไงกันแล้วได้ปลาอะไรมาทำอะไรกัน ผมเลยจับสังเกตุว่าพรานปลาคนไหนที่ลงทุนใช้เหยื่อดีๆ เบ็ดดีๆกล้าที่จะโยนเหยื่อไทยประดิษฐ์ที่ทำมาเองจากภูมิปัญญาของตัวเองลงไปให้ปลากินก่อนแล้วเหวี่ยงเบ็ดที่มีเหยื่อชนิดเดียวกันตามลงน้ำไปอีกก็มักจะได้ปลาติดเบ็ดขึ้นมาตลอด ผมจึงนำวิธีนี้มาประยุกต์กับการขายของๆผมที่จะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้นและจึงได้เรียกทฤษฎีนี้ว่าทฤษฎีคนตกปลาครับ***
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่