SONGKHLA x PHATTHALUNG x NAKHON SI THAMMARAT | Backpack Trip

[CR] SONGKHLA x PHATTHALUNG x NAKHON SI THAMMARAT | Backpack Trip | GEN441

กระทู้รีวิว

บันทึกนักเดินทาง เที่ยวเชิงอนุรักษ์ Backpack สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ เที่ยวไทย

ทริปเดินทาง 800 กว่าโล ในช่วงสงกรานต์

(ทริปจังหวะตกหลุมรัก สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช)

ถ้าอ่านจบแล้วยังไม่หนำใจ เรามีคลิปด้วยนะ ><

การเดินทางไกลครั้งนี้เกิดจาก วิชา GEN411 CULTURE AND EXCURSION เป็นการเดินทางเพื่อศึกษาวัฒนธรรมในสถานที่ที่เราไปเที่ยว

มีความไปเที่ยวแบบมีอะไรทำนะเออ ถือว่าแปลกใหม่มากเที่ยวยังไงให้ได้วัฒนธรรมบ้าง พวกเราก็นึกถึงจังหวัดที่ไกลจากเมืองหลวงและมีสเน่ห์ในตัว คาดหวังไว้ว่าคงได้วัฒนธรรมที่ไม่ค่อยสัมผัส จังหวัดที่เลือกเดินทางไป จึงเป็นจังหวัด สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราช เป็น 3 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดกันและมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน อีกอย่างฤดูร้อนได้เที่ยวทะเลบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

เมื่อปักหมุดการเดินทางกันแล้วพวกเราก็จองตั๋วรถไฟสำหรับการเดินทางทันที การจองสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการจองออนไลน์ (แต่ตอนพวกเราจองระบบมันปิดอ่ะ) หรือจะจองผ่านการโทรก็ได้แต่ต้องชำระเงินที่สถานีรถไฟภายใน 24 ชั่วโมงนะ สุดท้ายเป็นวิธีสุดแสนจะง่ายสุดคือ การไปซื้อที่สถานีโดยตรง หลังจากนั้นพวกเราก็ซื้อตั๋วรถไฟขาไปออกจาก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทาง ชุมทางหาดใหญ่ และตั๋วขากลับ รถไฟขาไปออกจาก นครศรีธรรมราช ปลายทาง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

หลังจากนี้จะเป็นเรื่องราวการเดินทางที่ทำให้พวกเราเกิดจังหวะตกหลุมรักการเดินทาง ค่อย ๆ อ่าน และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเดินทาง

................................................

DAY1
ณ ชุมทางหาดใหญ่

สัญญาณว่าการเดินทางมาลงใต้ใกล้จะถึงแล้วคือดวงอาทิตย์ยามเช้าค่อย ๆ สาดส่องมายังหน้าต่างรถไฟ มีไอหมอกจาง ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ต้องลงจากรถไฟเสียแล้ว พอรวมตัวกับกับสมาชิกอีกคนที่มารอรับที่สถานีรถไฟก็เพิ่งสังเกตว่าฝุ่นระหว่างนั่งรถไฟทำให้พวกเราหน้าดำไปหมด แต่การเดินทางเพิ่งเริ่มพวกเราต้องสู้

สวนสาธารณะหาดใหญ่
พวกเราเลือกจะเริ่มต้นวันด้วยการไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับการเดินทาง เราเลือกที่จะเดินทางไปสวนสาธารณะหาดใหญ่เพื่อสักการะพระพุทธมงคลมหาราช ชาวหาดใหญ่หรือนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนหาดใหญ่ก็จะมาที่นี่เพราะถือเป็นศูนย์รวมสถานที่มงคลไว้ ณ ที่แห่งเดียวกัน

โดยชาวหาดใหญ่จะมาสักการะในโอกาสสำคัญ ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาคอหงส์ เห็นวิวทั่วหาดใหญ่เลยนะ นอกจากนี้ยังมี ศาลาประดิษฐานท้าวมหาพรหม รูปปั้นช้างเอราวัณขนาดใหญ่ หาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย

เดินทางมายาวนานก็ได้เวลาสำหรับพลังงานมื้อเช้าของวันคือ ติ่มซำ

ติ่มซำมื้อเช้า
ติ่มซำมื้อเช้าเป็นอะไรที่ต้องโดนหากคุณมาที่หาดใหญ่เพราะร้านติ่มซำที่นี่มักอร่อย

คนหาดใหญ่ก็มักจะมากินเป็นอาหารเช้า หากสังเกตุดูดี ๆ ชาวหาดใหญ่หลายคนเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เพราะฉะนั้นอาหารอย่างติ่มซำจึงเป็นที่นิยมมากเหมือนกัน

ร้านคอหงส์ติ่มซำเป็นร้านที่อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะพอดีบวกกับท้องที่ร้องหิวพอดีจึงได้เลือกร้านไม่ต้องเดินทางนาน ติ่มซำถาดละ 20 บาท อร่อยทุกอย่างได้ความรู้สึกคนพื้นที่เวอร์ กินขนมจีบ ฉ่ำ ๆ ที่เพิ่งนึ่ง ซาลาเปาหวาน ๆ กับติ่มซำหลากหลายแบบ นอกจากนี้ยังมีโจ๊กและต้มเลือดหมูด้วยแต่พวกเราอิ่มจนหน้าจะมืดเอาจึงไม่ได้สั่งมาลอง

เมื่อท้องอิ่มแล้วเราก็พร้อมจะเดินทางกันต่อ แต่ดูหน้าสมาชิกที่นั่งรถไฟมาตอนเช้าดูยังดูอิดโรยและเลอะเทอะเลยไปหาที่อาบน้ำกันก่อนจะได้สดชื่นนน เที่ยวต่อได้สนุก ๆ แต่หาที่อาบน้ำก็ต้องไปแล้วมีอะไรหน่อย

สวนสองทะเลสงขลา
สถานที่ที่พาเพื่อนมาคือสวนสองทะเลอยู่ในตัวอำเภอเมืองจังหวัดสงขลา มีรอยต่อของทะเลอ่าวไทยและทะเลสาบสงขลา ที่นี่จึงเป็นที่ที่มี 2 ทะเลตัดกัน

พวกเราก็อาบน้ำเพื่อเติมความสดชื่น อาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ไปดูเต่าซึ่งเป็นอีก 1 ไฮไลท์ของสวนสองทะเล ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ

พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ซึ่งเป็นที่เพาะพันธุ์ อนุรักษ์ และอนุบาลเต่า ทั้งเต่าที่บาดเจ็บ และเต่าเล็ก ใกล้ ๆ กันก็มีอาคารนิทรรศการณ์ พวกเราแนะนำหากว่าอยากไปดูเต่าตัวเล็ก ๆ น่ารักต้องไปให้ได้ หลังจากเติมพลังใจเราก็เดินทางไปใจกลางเมืองสงขลา ถนนนางงาม

ถนนนางงาม
ถนนนางงามที่นี่เป็น ถนนที่มี 3 สถาปัตยกรรมที่ทำให้เห็นถึงความเป็นอยู่ของชาวสงขลา มีความผสมผสานระหว่างคนนับถือศาสนาพุทธ นับถือศาสนาอิสลาม และคนไทยเชื้อสายจีน

แต่เดี๋ยวก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้องการเที่ยวถนนนางงามคุณจะต้องเตรียมตัวมาพอสมควรเพราะตลอดถนนจะมีของกินขายตลอดทาง

พวกเราเริ่มต้นด้วยการทางมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Jo delicious เป็นร้านอาหารที่นำวัตถุคุณภาพดีในสงขลามาทำเป็นมื้ออาหารที่แสนอร่อย มีอาหารแนะนำเป็นอาหารประเภทราดหน้าสไตล์จีนมีความหอมขิงเบา ๆ พวกเรามีหน้าที่เลือกว่าจะใส่วัตถุดิบอะไรลงไปเท่านั้น นอกจากราดหน้าพวกเราก็ยังสั่งข้าวผัดและแกงส้มกุ้งยอดมะพร้าวมาลองทานกันดู บอกเลยว่าอร่อยมาก ตอนนี้พิมพ์ไปก็นึกถึงรสชาติที่เข้มข้นของอาหารมื้อนั้นอยู่เลย

และสิ่งนึงที่พวกเราได้ลองลิ้มรสคือ น้ำเล้งเต๋ เป็นน้ำอ้อยดำต้นตำหรับมาจากจังหวัดภูเก็ต อากาศร้อน ๆ ของประเทศไทยต้องมีน้ำแบบนี้แหละมาดับร้อน รสชาติหวานละมุนคลายร้อนได้อย่างดี

หลังจากทานมื้อเที่ยงกันมา พวกเราเริ่มต้นการเดินทางจากทางทิศใต้ของถนนนางงาม มีศาสนสถานสำคัญคือ มัสยิดบ้านบน เดิมทีเคยเป็นมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ถูกสร้างตั้งแต่สมัยตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยกลุ่มช่างที่สร้างเป็นช่างกลุ่มเดียวกันกับช่างที่สร้างวัดกลางหรือวัดมัชฌิมาวาส สถาปัตยกรรมของทั้งสองแห่งจึงมีความคล้ายคลึงกันมาก ช่วงที่เราเข้าไปเที่ยวเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมถือศีลอดพอดีจึงมีการตั้งเต้นไว้ในมัสยิดเพื่อที่จะเตรียมงานในตอนเย็นเพื่อทำการแก้บวชซึ่งคือการทานอาหารร่วมกันเมื่อตะวันตกดิน

พวกเราเดินเข้ามาในถนนนางงามจะเจอกับขนมโบราณมีชื่อว่าขนมบอก (ขนมกระบอก) แต่เมื่อออกเสียงโดยคนใต้จะมีการตัดคำเล็กน้อยละมั้ง คำเลยสั้นลง ขนมมีทั้งแบบใช้แป้งหรือข้าวมาปั้นด้วยกระบอกแล้วนำมาคลุกกับมะพร้าว รสชาติมีความอร่อยมัน ๆ กินเพลิน ๆ ดี

พวกเราเดินกันต่อมายังวัดกลาง ภายในวัดมีความสงบร่มรื่นและอย่างที่บอกว่าสถาปัตยกรรมก็คล้าย ๆ กับมัสยิดบ้านบนจริง ๆ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์โดยจะเก็บของโบราณจากคาบสมุทรสทิงพระมาไว้

ระหว่างทางที่เดินในถนนนางงามก็จะเจอกับ Street art ระหว่างทางหลายตำแหน่ง เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายเก็บภาพเหมือนกัน

พวกเราเดินเท้าโดยตั้งเป้าหมายไปที่ ศาลหลักเมืองจังหวัดสงขลา เป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีนตั้งแต่ยุคตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ถนนนางงามจึงเป็นถนนที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายมากแต่ได้อยู่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน

แต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเรากลับเป็นร้านที่อยู่ตรงหน้าศาลเจ้า ชื่อขนมดูแปลกจึงเกิดความสงสัย
การอจี้เป็นแป้งที่ถูกจี่บนกระทะแล้วมาคลุกน้ำตาล เมื่อนำเข้าปากเราจะได้ลิ้มรสความหวานละมุนกับแป้งที่เหนียวนุ่มและยังกรอบ

ระหว่างที่เดินกลับมาที่รถพวกเราก็สรงน้ำพระช่วงเทศกาลสงกรานต์ และแล้วก็ไม่วายเหลือบตาไปเห็นร้านไอติมร้านนึงที่ผู้คนอยู่กันเต็มร้าน ร้านนี้คือไอติมยิว เป็นไอติมไข่แข็ง โดยจะราดไข่แดงสดลงบนเนื้อไอติมทำให้ได้ความมันและนัวระหว่างที่ทานไอติม