"วิษณุ" ชี้ รัฐบาลก้าวไกลเสียงเกิน 300 มั่นคงแล้ว เผยโหวตแคนดิเดตนายกฯ ชื่อเดิมซ้ำๆ ได้ แม้รอบแรกไม่ผ่าน
วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ห่วงจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ว่า ตนตามเรื่องเท่าที่สื่อมวลชนเสนอเท่านั้น ตอนนี้รอดูว่าจะรวบรวมเสียงเป็นปึกแผ่นได้หรือไม่
"เท่าที่ทราบปัจจุบัน รวบรวมได้ 313 เสียง ก็ถือว่ามั่นคงถาวรแล้ว เสียงเกิน 250 ถือว่ามั่นคงแล้ว" รัฐบาลที่แล้วตนยังบอกว่าเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ "ยิ่งกว่าเหล็กอีก"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถึงอย่างไรต้องอาศัยเสียง ส.ว. อีก 60 กว่าเสียง นายวิษณุ กล่าวว่า อาศัยในช่วงของการโหวตนายกฯ และอาจจะต้องอาศัยอีกในตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ตนถึงได้พูดไปก่อนหน้านี้ว่าเชื่อเถอะว่า "ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง" ผมยังยืนยันแบบนี้อยู่ ค่อยๆพูดจา กันไป ยังมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส. และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ
บวกเข้าไปอีกร่วม 30 วัน รวมแล้วก็ 3 เดือน
ดังนั้นต้องใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปด่าทอกัน หรือประชดประชันกัน มันต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่
เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา มันไม่ใช่แค่ทำงานฉาบฉวย
สำหรับการเลือกนายกฯ อาจจะไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย อะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้
ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ดังนั้น ใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์
อย่าลงมือด่าทอ ตบตีกัน ตั้งแต่วันแรก"
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลสามารถรวมกับพรรคอื่นได้ 8 พรรคแล้ว
นายวิษณุ กล่าวว่า กี่พรรคก็ช่าง แต่ตนเห็นว่ามันมั่นคงแล้ว
เมื่อถามว่า ไม่เยอะเกินไปใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่แกนนำรัฐบาลจะไปคิดกัน เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไรว่าเยอะไป ถ้าเขาได้ 500 ยิ่งดีใหญ่
ส่วนกรณีมีคนประเมินว่าในรัฐสภาจะไม่สามารถเลือกนายกฯได้
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ประเมิน ในทางกฎหมาย หากโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯคนใดคนหนึ่งไปแล้วแต่ไม่ผ่าน
นายวิษณุ กล่าวว่า ยังคงสามารถนำชื่อเดิมกลับมาโหวตได้อีก
ส่วนพรรคอันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ ขึ้นไปก็ได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า "ได้ทุกอย่าง มันต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะว่ามาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่
ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่
หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้
ไม่เป็นไร เพราะมันอาจจะมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้
สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร"
เมื่อถามว่า มาตรา 272 วรรคสอง ที่จะใช้ได้คืออะไร
นายวิษณุ กล่าวว่า แปลว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หาบุคคลอื่น แม้กระนั้นพอจะใช้วรรคสองที่ระบุว่า ทั้งนี้ อาจจะเสนอรายชื่อบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนายกฯ ที่แต่ละพรรคเสนอได้
ซึ่งมันก็กลับมาใช้ได้อีก เห็นไหมล่ะ
ขนาดใช้วรรคสองยังกลับมาใช้ชื่อเดิมได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับแค่วรรคหนึ่ง
รอบแรกไม่ผ่าน แล้ววันหลัง อาทิตย์หน้ามาใหม่ ก็เสนอรายชื่อเดิมได้
เมื่อถามอีกว่า แบบนี้แสดงว่ามีสิทธิ์ที่จะใช้นายกฯ นอกบัญชีได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ได้ทั้งนั้น แต่อันนี้เป็นกรณีของวรรคสองนะ ซึ่งผมว่ายาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองมันต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งมันยาก มันไม่เกิดได้ง่ายๆหรอก เนี่ยเดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบและผมเชื่อว่าจบด้วย”
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ”
ส่วนกรณีที่มีการใช้กระแสโซเชียลมีเดียมากดดันให้โหวตนายกฯ
นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ทราบเรื่อง
ไม่ทราบเลย
เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่
นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ
ที่มา :
https://www.fm91bkk.com/newsarticle/8711
"วิษณุ" ชี้ รัฐบาลก้าวไกลเสียงเกิน 300 มั่นคงแล้ว
วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ห่วงจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ว่า ตนตามเรื่องเท่าที่สื่อมวลชนเสนอเท่านั้น ตอนนี้รอดูว่าจะรวบรวมเสียงเป็นปึกแผ่นได้หรือไม่
"เท่าที่ทราบปัจจุบัน รวบรวมได้ 313 เสียง ก็ถือว่ามั่นคงถาวรแล้ว เสียงเกิน 250 ถือว่ามั่นคงแล้ว" รัฐบาลที่แล้วตนยังบอกว่าเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ "ยิ่งกว่าเหล็กอีก"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถึงอย่างไรต้องอาศัยเสียง ส.ว. อีก 60 กว่าเสียง นายวิษณุ กล่าวว่า อาศัยในช่วงของการโหวตนายกฯ และอาจจะต้องอาศัยอีกในตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ตนถึงได้พูดไปก่อนหน้านี้ว่าเชื่อเถอะว่า "ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง" ผมยังยืนยันแบบนี้อยู่ ค่อยๆพูดจา กันไป ยังมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส. และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ
บวกเข้าไปอีกร่วม 30 วัน รวมแล้วก็ 3 เดือน
ดังนั้นต้องใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปด่าทอกัน หรือประชดประชันกัน มันต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่
เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา มันไม่ใช่แค่ทำงานฉาบฉวย
สำหรับการเลือกนายกฯ อาจจะไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย อะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้
ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ดังนั้น ใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์
อย่าลงมือด่าทอ ตบตีกัน ตั้งแต่วันแรก"
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลสามารถรวมกับพรรคอื่นได้ 8 พรรคแล้ว
นายวิษณุ กล่าวว่า กี่พรรคก็ช่าง แต่ตนเห็นว่ามันมั่นคงแล้ว
เมื่อถามว่า ไม่เยอะเกินไปใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่แกนนำรัฐบาลจะไปคิดกัน เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไรว่าเยอะไป ถ้าเขาได้ 500 ยิ่งดีใหญ่
ส่วนกรณีมีคนประเมินว่าในรัฐสภาจะไม่สามารถเลือกนายกฯได้
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ประเมิน ในทางกฎหมาย หากโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯคนใดคนหนึ่งไปแล้วแต่ไม่ผ่าน
นายวิษณุ กล่าวว่า ยังคงสามารถนำชื่อเดิมกลับมาโหวตได้อีก
ส่วนพรรคอันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ ขึ้นไปก็ได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า "ได้ทุกอย่าง มันต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะว่ามาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่
ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่
หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้
ไม่เป็นไร เพราะมันอาจจะมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้
สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร"
เมื่อถามว่า มาตรา 272 วรรคสอง ที่จะใช้ได้คืออะไร
นายวิษณุ กล่าวว่า แปลว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หาบุคคลอื่น แม้กระนั้นพอจะใช้วรรคสองที่ระบุว่า ทั้งนี้ อาจจะเสนอรายชื่อบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนายกฯ ที่แต่ละพรรคเสนอได้
ซึ่งมันก็กลับมาใช้ได้อีก เห็นไหมล่ะ
ขนาดใช้วรรคสองยังกลับมาใช้ชื่อเดิมได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับแค่วรรคหนึ่ง
รอบแรกไม่ผ่าน แล้ววันหลัง อาทิตย์หน้ามาใหม่ ก็เสนอรายชื่อเดิมได้
เมื่อถามอีกว่า แบบนี้แสดงว่ามีสิทธิ์ที่จะใช้นายกฯ นอกบัญชีได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ได้ทั้งนั้น แต่อันนี้เป็นกรณีของวรรคสองนะ ซึ่งผมว่ายาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองมันต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งมันยาก มันไม่เกิดได้ง่ายๆหรอก เนี่ยเดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบและผมเชื่อว่าจบด้วย”
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่
นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ”
ส่วนกรณีที่มีการใช้กระแสโซเชียลมีเดียมากดดันให้โหวตนายกฯ
นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ทราบเรื่อง
ไม่ทราบเลย
เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่
นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ
ที่มา : https://www.fm91bkk.com/newsarticle/8711