สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ปัญหาของ จขกท ให้แก้ตามนี้ค่ะ
รายได้เท่าไหร่ แบ่งเป็น 3 ส่วน รายจ่าย เงินเก็บ เงินให้แม่ สัดส่วน 70/20/10 เช่น สมมติได้เงินเดือนมา 10,000 ก็แบ่งเงินเป็น 7000 ,2000,1000
ทำบัญชีรายจ่ายของบ้าน และคุยกับแฟนว่า 7000 ของคุณรวมกับของแฟนพอกับค่าใช้จ่ายในบ้านต่อเดือนไหม ถ้าไม่พอ ให้ลดรายจ่ายในบ้านลง และอย่าเพิ่งรีบเป็นหนี้ ประหยัดได้ประหยัดเลย จนกว่า 7000 ของคุณจะครอบคลุม
2000 คือเงินออม เอาไปฝากธนาคารซะ ห้ามถอนเด็ดขาด คือถ้าไม่มีใครในบ้านป่วยใกล้ตาย ห้ามถอน มันคือเงินกันตาย ใช้เมื่อตกงานหรือป่วยหนักแล้วต้องใช้เงินเท่านั้น ไม่งั้นคือให้ฝากสะสมไปเรื่อยๆ
1000 สุดท้ายคือโอนให้แม่ไป ไม่ต้องรอแม่ขอ โอนเข้าบัญชีแม่ทุกเดือนไป แล้วคือจบ แม่คุณมีหน้าที่บริหารเงิน 1000 นี่เอง ถ้าเขาโทรมาขอเงินเพิ่ม บอกว่าก็ให้ไปแล้วไง ไม่พอเป็นปัญหาของแม่ ไม่ใช่ปัญหาของผม แล้ววางสายไปเลย ถ้าเขาด่า บอกเขาไปว่า ถ้ายังบ่นอีก เดือนหน้าไม่ต้องเอา 1000 นี่นะ แล้วตัดสายไปเลย ไลน์มาด่าก็ทำเหมือนกัน ถ้ายังด่าอีก เดือนหน้าไม่ต้องเอา 1000 นี่นะ แล้ว ignore ไปเลย (แต่ถึงเวลาก็โอนให้ค่ะ ขู่เขาไปงั้นแหล่ะ) ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆหลายๆเดือน โดยอย่าไปใจอ่อนเด็ดขาด ตามสถิติแล้ว เกิน 6 เดือน- 1 ปี อีกฝ่ายจะเริ่มปรับตัวไปเอง แล้วเขาจะเคยชินแล้วจะไม่บ่นแล้วค่ะ
ให้ทำตามสูตรนี้อย่างเคร่งครัด แล้วพยายามหารายได้เพิ่ม แล้วก็เอารายได้เข้าสูตรเหมือนเดิม เมื่อเงินเพิ่มขึ้น เงินสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้านจะเพิ่มขึ้น เงินออม และเงินที่จะให้แม่คุณจะเพิ่มขึ้นเองอัติโนมัติ ถ้าคุณปฏิบัติสูตรนี้อย่างเคร่งครัดได้ อนาคตคุณจะมีเงินเก็บและมีความมั่งคั่ง ต้องทำอย่างเด็ดขาด และพยายามคิดว่าสิ่งที่คุณทำทั้งหมดนี่อย่างมีวินัย ก็คือการสร้างอนาคตให้ลูกคุณ แล้วคุณถึงจะคุมอนาคตตัวเองได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
ส่วนเรื่องบุญคุณอะไรของแม่ 10 ส่วนของเงินเดือนคุณนั่นคือคำตอบแล้วค่ะ จงใช้มันเป็นเครื่องต่อรองกับแม่คุณให้ดี
รายได้เท่าไหร่ แบ่งเป็น 3 ส่วน รายจ่าย เงินเก็บ เงินให้แม่ สัดส่วน 70/20/10 เช่น สมมติได้เงินเดือนมา 10,000 ก็แบ่งเงินเป็น 7000 ,2000,1000
ทำบัญชีรายจ่ายของบ้าน และคุยกับแฟนว่า 7000 ของคุณรวมกับของแฟนพอกับค่าใช้จ่ายในบ้านต่อเดือนไหม ถ้าไม่พอ ให้ลดรายจ่ายในบ้านลง และอย่าเพิ่งรีบเป็นหนี้ ประหยัดได้ประหยัดเลย จนกว่า 7000 ของคุณจะครอบคลุม
2000 คือเงินออม เอาไปฝากธนาคารซะ ห้ามถอนเด็ดขาด คือถ้าไม่มีใครในบ้านป่วยใกล้ตาย ห้ามถอน มันคือเงินกันตาย ใช้เมื่อตกงานหรือป่วยหนักแล้วต้องใช้เงินเท่านั้น ไม่งั้นคือให้ฝากสะสมไปเรื่อยๆ
1000 สุดท้ายคือโอนให้แม่ไป ไม่ต้องรอแม่ขอ โอนเข้าบัญชีแม่ทุกเดือนไป แล้วคือจบ แม่คุณมีหน้าที่บริหารเงิน 1000 นี่เอง ถ้าเขาโทรมาขอเงินเพิ่ม บอกว่าก็ให้ไปแล้วไง ไม่พอเป็นปัญหาของแม่ ไม่ใช่ปัญหาของผม แล้ววางสายไปเลย ถ้าเขาด่า บอกเขาไปว่า ถ้ายังบ่นอีก เดือนหน้าไม่ต้องเอา 1000 นี่นะ แล้วตัดสายไปเลย ไลน์มาด่าก็ทำเหมือนกัน ถ้ายังด่าอีก เดือนหน้าไม่ต้องเอา 1000 นี่นะ แล้ว ignore ไปเลย (แต่ถึงเวลาก็โอนให้ค่ะ ขู่เขาไปงั้นแหล่ะ) ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆหลายๆเดือน โดยอย่าไปใจอ่อนเด็ดขาด ตามสถิติแล้ว เกิน 6 เดือน- 1 ปี อีกฝ่ายจะเริ่มปรับตัวไปเอง แล้วเขาจะเคยชินแล้วจะไม่บ่นแล้วค่ะ
ให้ทำตามสูตรนี้อย่างเคร่งครัด แล้วพยายามหารายได้เพิ่ม แล้วก็เอารายได้เข้าสูตรเหมือนเดิม เมื่อเงินเพิ่มขึ้น เงินสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้านจะเพิ่มขึ้น เงินออม และเงินที่จะให้แม่คุณจะเพิ่มขึ้นเองอัติโนมัติ ถ้าคุณปฏิบัติสูตรนี้อย่างเคร่งครัดได้ อนาคตคุณจะมีเงินเก็บและมีความมั่งคั่ง ต้องทำอย่างเด็ดขาด และพยายามคิดว่าสิ่งที่คุณทำทั้งหมดนี่อย่างมีวินัย ก็คือการสร้างอนาคตให้ลูกคุณ แล้วคุณถึงจะคุมอนาคตตัวเองได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
ส่วนเรื่องบุญคุณอะไรของแม่ 10 ส่วนของเงินเดือนคุณนั่นคือคำตอบแล้วค่ะ จงใช้มันเป็นเครื่องต่อรองกับแม่คุณให้ดี
แสดงความคิดเห็น
คิดยังไงถ้าไม่มีเงินเลี้ยงพ่อแม่
พ่อกับแม่รับจ้างมีเงินกินไปวัน ๆ เมื่อก่อนพ่อผมเป็นลูกน้องที่บริษัทแห่งหนึ่งได้รายเดือน
เวลาเงินเดือนออก แม่ผมจะแอบกดเงินออกไปใช้ ไม่เคยเหลือติดบัญชี
แม่ผมมีการพนันบ้างนิดหน่อย เวลาจ่ายค่าเทอมก็ต้องไปหยิบยืมญาติพี่น้อง
ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าผมจะอยากได้อะไร ของเล่น โทรศัพท์ เสื้อผ้าใหม่ๆ
แม่ผมจะพูดแค่ว่า รอถูกหวยงวดนี้ก่อนจะซื้อให้ ผมก็ต้องหาด้วยตัวเองทุกอย่าง
ไปอยู่ร้านซ่อมรถ ไปรับจ้างเพื่อหาเงินมาซื้อของๆที่ตัวเองอยากได้
อยากเรียนอะไร อยากทำอะไร คิดเองตัดสินใจเองทุกอย่าง พ่อแม่ผมไม่เคยสนใจ
เขามักจะบอกผมเสมอว่า ให้รีบๆเรียนให้จบไวๆ จะได้มีงานทำ เอาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่
ช่วง ปวส. ผมได้เข้าเรียนทวิภาคี ช่วงนั้นได้เงินตอนเรียน เดือนละ 3,000 บาท
แม่ผมเอาไปหมด ไม่ถามผมสักนิดว่าผมอยากได้อะไร อยากกินอะไร
เขาบอกแค่ว่าผมยังเรียน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทำอะไร ผมก็ให้เขาไป
แม่ผมอาจจะเอาเงินไปใช้หนี้ก็ได้มั้ง แต่ที่ผมเห็นคือเขาเล่นพนันบ้าง
เล่นหวยทุกงวด และกับข้าวตอนเช้าตอนเย็น ผมกับพ่อต้องหากินกันเอง
ม่าๆ ปลากระป๋อง ไข่ดาว ไข่เจียว ผัดผัก ทุกวัน
ผมมีภรรยา 1 คน อยู่กินด้วยกัน แม่ยายผมจะให้เงินใช้ตลอด
และผมมีลูกชายคนนึงตอนอายุ 18 แต่ค่าใช้จ่ายของลูกทั้งหมด
ฝั่งภรรยาของผมจะเป็นคนดู ลูกชายก็ไปบ้านนู้นบ้างบ้านนี้บ้าง
พอผมเรียนจบ ผมก็ขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพ กับภรรยาผม 2 คน
ผมเองมาแต่ตัว ไม่มีเงินมาสักบาท แม่ยายให้มาพันนึง
แต่กับแม่ผมไม่มีอะไรให้ผมเลย แม้แต่เงินสัก 10 บาทก็ยังไม่ให้
ด้วยความที่ผมตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยมีอะไรเป็นคนของตัวเอง
ผมทำงาน เก็บเงิน อยากได้อะไรก็ซื้อ ตอนนั้นเงินเดือนผมหมื่นต้นๆ
แต่ละเดือนจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง ค่ากิน
ก็แทบจะไม่เหลือแล้วครับ เวลาแม่ผมโทรมาขอเงิน ถ้าได้เค้าก็ดีใจ
ถ้าไม่ได้เข้าก็จะด่า และส่งข้อความทำนองลูกต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่
ผมก็ให้บ้างไม่ให้บ้าง ตามกำลังที่ผมมี ทุกคนน่าจะรู้นะครับ
ว่าเงินเดือนหมื่นต้นๆ ในกรุงเทพ มันไม่พอจริงๆ
ผมก็อยู่แบบนี้มา 2-3 ปี มีเงินดาวน์รถยนต์ 1 คัน
คราวนี้ตั้งแต่ผมเอาเงินมาผ่อนรถ ผมไม่มีเงินให้พ่อกับแม่ผมเลย
จะมีแต่ภรรยาผม ให้เขาบ้าง 500-1,000 อ่อรถผมช่วยกันผ่อน
กับภรรยานะครับ ภรรยาผมก็ไม่เคยให้เงินที่บ้านเหมือนกัน
แต่ยังดีที่บ้านฝั่งภรรยาผมเขาไม่เบียดเบียนเงินลูก
แต่กับบ้านผมนี่สิ ให้ 100 ครั้ง พอไม่ให้ 1 ครั้ง ก็โดน
สรุปง่ายๆ คือผมก็อยากมีอนาคต มีบ้านมีรถ มีเงินเก็บไว้ให้ลูก
ให้ลูกมีทุกอย่าง ที่ผมไม่เคยมี และอีกทางนึงพ่อแม่ผมก็ต้องเลี้ยง
เอาตรงๆผมรู้สึกว่าพ่อแม่ผม มีผมเพื่อให้เลี้ยงเค้าแก่แค่นั้น
ผมจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีครับ