ตอนนี้ก็มาถึงสุดทางรักระหว่าง KineMaster กับผมแล้วครับ ผมเช่ารายปีเมื่อก่อน 699 บาทต่อปี ตอนนี้ค่าเช่าล่าสุดต่อปีขึ้นไปเป็น 4725 ต่อปี แพงขึ้นไปเป็น 6.76 เท่า ผมก็เลยพยายามหาตัวโปรแกรมวิดีโอตัดต่อตัวใหม่ ก็ลองมาหลายตัวเหมือนกัน สุดท้ายมาพบรักใหม่ ที่ CapCut ของค่ายไบแนนซ์ เครือเดียวกับแอพ TikTok ครับ แล้ว CapCut มันมีเวอร์ชัน PC ด้วยตอนนี้ จากที่ผมใช้มา คือ Premier Pro ผมลืมไปได้เลยครับ จากที่ลองใช้โคตรดี ใช้งานง่ายกว่า PP เยอะ และที่สำคัญ CapCut PC ไม่หนักเครื่องเท่า PP ซึ่งมันกินทรัพยากรเยอะมาก PP ต้องเช่ารายเดือน/ปี ก็แพงเอาเรื่อง สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่างผม ส่วน CapCut ใช้งานฟรีทั้งในมือถือและ PC ครับ แต่ถ้าจะใช้เอฟเฟคพิเศษหรือเพลง ก็สมัครแบบ Pro ได้ แต่เพลงเอฟเฟคแบบฟรีก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ สิ่งที่ผมโคตรชอบ CapCut คือ VDO สามารถลบพื้นหลังแบบ Auto ได้ดีมาก คุณไม่จำเป็นต้องเป็นหลังเขียว Green Screen ก็ได้ ถ้าจะลบพื้นหลังอย่างของ PP ก็ต้องใช้พื้นเขียวเป็นหลังแล้วโยนเอฟฟค Ultra ลงไป ส่วนแอพ KineMaster ก็ใช้โคมาคีย์ลบพื้นหลังเขียวเป็นหลัง แต่ของCapCut มันเจ๋งกว่านั้นไม่ว่าพื้นหลังเป็นอะไรมันลบออกได้เลยครับ
ผมว่า CapCut มาน่าจะมาจุดร่วมตรงกลางระหว่าง KineMaster กับ PP นะครับ ใช้ง่ายกว่า ไม่กินสเปค
และอีกอย่างที่ผมชอบ Capcut คือมันมีฟังชันก์ Auto Stabilizing ง่ายกว่าโปรแกรมอื่น ในกรณีที่เราถ่ายงานวิดีโอฟุตเทจแบบเดินถ่าย แล้ววิดีโอมันสั่น เราแค่ติกถูกตรง Stabilizing มันจะประมวลผลแล้วทำให้วิดีโอเรานิ่งขึ้น การ Export ออกมาก็เร็ว ได้สูงสุดถึง 60FPS ซึ่งผมชอบถ่ายบ่อย แต่ถ้า Export บน PP ถ้าเครื่องคอมไม่แรงโคตรช้าเลยครับ
และ CapCut มีแม่แบบเจ๋งๆ ให้เราเรื่องเยอะมาก ไม่ต้องเป็นมืออาชีพก็สามารถเอาแม่แบบวิดีโอมาทำได้เลย ซึ่งมีแต่เวอร์ชั่นมือถือนะครับ เพราะ CapCut ทำมาเพื่อให้สามารถรองรับกับ TikTok ทำเสร็จก็อัพได้เลย ซึ่งเรื่องแม่แบบค่าย KineMaster ก็ทำออกมาแข่งเหมือนกัน
ส่วนตัวผมโคตรชอบเลย CapCut มันสะดวกมาก สำหรับการตัดต่อทั่วไป สำหรับผมเพียงพอแล้ว
ส่วนใครใช้ PP ก็อาจจะเป็นงานขั้นสูงและสเปคเครื่องก็ต้องสูงตาม ฟังก์ชันเยอะจนลายตา 555 ซึ่งผมก็ใช้ไม่กี่ฟังชั่น แต่ CapCut แทบจะครอบคุมสำหรับผมแล้วครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ CapCut กับ PP แพ้ทาง KineMaster คือ การปรับสปีดวิดีโอ และการรักษาโทนเสียงของวิดีโอ KineMaster ทำได้ดีกว่า
ผมลองมาแล้วครับ ผมลองไปปรับสปีดวิดิโอไม่ว่าจะช้าหรือเร็วใน CapCut และ PP เลือกฟังก์ชั่นคุมโทนเสียง เสียงออกมากแปร่งๆ เพี้ยนเหมือนหุ่นยนต์เวลาพูด แต่ของ KineMaster คุมเสียงได้ดีมาก ปรับเร็วก็เหมือนเสียงคนพูดเร็ว ปรับช้าก็เหมือนคนพูดช้า โทนเสียงไม่เพี้ยนเลยครับ หลายครั้งที่ผม Export จาก CapCut หรือ PP เป็นแบบความเร็วปกติก่อนและค่อนไปเร่งความเร็วใน KineMaster เสียงจะดีกว่า
ใครใช้โปรแกรมอะไรตัดต่อมาแชร์กันนะครับ เผื่อผมอยากจะไปลองดูบ้าง แต่ตอนนี้ผมให้ CapCut ยืนหนึ่งก่อนครับ
CapCut โปรแกรมตัดต่อวิดีโอร้อนแรง เกิดมาเพื่อแซง KineMaster กับ Premier Pro ชัดๆ ครับเพื่อนๆ จากใจผู้ใช้ทั่วไป
ตอนนี้ก็มาถึงสุดทางรักระหว่าง KineMaster กับผมแล้วครับ ผมเช่ารายปีเมื่อก่อน 699 บาทต่อปี ตอนนี้ค่าเช่าล่าสุดต่อปีขึ้นไปเป็น 4725 ต่อปี แพงขึ้นไปเป็น 6.76 เท่า ผมก็เลยพยายามหาตัวโปรแกรมวิดีโอตัดต่อตัวใหม่ ก็ลองมาหลายตัวเหมือนกัน สุดท้ายมาพบรักใหม่ ที่ CapCut ของค่ายไบแนนซ์ เครือเดียวกับแอพ TikTok ครับ แล้ว CapCut มันมีเวอร์ชัน PC ด้วยตอนนี้ จากที่ผมใช้มา คือ Premier Pro ผมลืมไปได้เลยครับ จากที่ลองใช้โคตรดี ใช้งานง่ายกว่า PP เยอะ และที่สำคัญ CapCut PC ไม่หนักเครื่องเท่า PP ซึ่งมันกินทรัพยากรเยอะมาก PP ต้องเช่ารายเดือน/ปี ก็แพงเอาเรื่อง สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่างผม ส่วน CapCut ใช้งานฟรีทั้งในมือถือและ PC ครับ แต่ถ้าจะใช้เอฟเฟคพิเศษหรือเพลง ก็สมัครแบบ Pro ได้ แต่เพลงเอฟเฟคแบบฟรีก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ สิ่งที่ผมโคตรชอบ CapCut คือ VDO สามารถลบพื้นหลังแบบ Auto ได้ดีมาก คุณไม่จำเป็นต้องเป็นหลังเขียว Green Screen ก็ได้ ถ้าจะลบพื้นหลังอย่างของ PP ก็ต้องใช้พื้นเขียวเป็นหลังแล้วโยนเอฟฟค Ultra ลงไป ส่วนแอพ KineMaster ก็ใช้โคมาคีย์ลบพื้นหลังเขียวเป็นหลัง แต่ของCapCut มันเจ๋งกว่านั้นไม่ว่าพื้นหลังเป็นอะไรมันลบออกได้เลยครับ
ผมว่า CapCut มาน่าจะมาจุดร่วมตรงกลางระหว่าง KineMaster กับ PP นะครับ ใช้ง่ายกว่า ไม่กินสเปค
และอีกอย่างที่ผมชอบ Capcut คือมันมีฟังชันก์ Auto Stabilizing ง่ายกว่าโปรแกรมอื่น ในกรณีที่เราถ่ายงานวิดีโอฟุตเทจแบบเดินถ่าย แล้ววิดีโอมันสั่น เราแค่ติกถูกตรง Stabilizing มันจะประมวลผลแล้วทำให้วิดีโอเรานิ่งขึ้น การ Export ออกมาก็เร็ว ได้สูงสุดถึง 60FPS ซึ่งผมชอบถ่ายบ่อย แต่ถ้า Export บน PP ถ้าเครื่องคอมไม่แรงโคตรช้าเลยครับ
และ CapCut มีแม่แบบเจ๋งๆ ให้เราเรื่องเยอะมาก ไม่ต้องเป็นมืออาชีพก็สามารถเอาแม่แบบวิดีโอมาทำได้เลย ซึ่งมีแต่เวอร์ชั่นมือถือนะครับ เพราะ CapCut ทำมาเพื่อให้สามารถรองรับกับ TikTok ทำเสร็จก็อัพได้เลย ซึ่งเรื่องแม่แบบค่าย KineMaster ก็ทำออกมาแข่งเหมือนกัน
ส่วนตัวผมโคตรชอบเลย CapCut มันสะดวกมาก สำหรับการตัดต่อทั่วไป สำหรับผมเพียงพอแล้ว
ส่วนใครใช้ PP ก็อาจจะเป็นงานขั้นสูงและสเปคเครื่องก็ต้องสูงตาม ฟังก์ชันเยอะจนลายตา 555 ซึ่งผมก็ใช้ไม่กี่ฟังชั่น แต่ CapCut แทบจะครอบคุมสำหรับผมแล้วครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ CapCut กับ PP แพ้ทาง KineMaster คือ การปรับสปีดวิดีโอ และการรักษาโทนเสียงของวิดีโอ KineMaster ทำได้ดีกว่า
ผมลองมาแล้วครับ ผมลองไปปรับสปีดวิดิโอไม่ว่าจะช้าหรือเร็วใน CapCut และ PP เลือกฟังก์ชั่นคุมโทนเสียง เสียงออกมากแปร่งๆ เพี้ยนเหมือนหุ่นยนต์เวลาพูด แต่ของ KineMaster คุมเสียงได้ดีมาก ปรับเร็วก็เหมือนเสียงคนพูดเร็ว ปรับช้าก็เหมือนคนพูดช้า โทนเสียงไม่เพี้ยนเลยครับ หลายครั้งที่ผม Export จาก CapCut หรือ PP เป็นแบบความเร็วปกติก่อนและค่อนไปเร่งความเร็วใน KineMaster เสียงจะดีกว่า
ใครใช้โปรแกรมอะไรตัดต่อมาแชร์กันนะครับ เผื่อผมอยากจะไปลองดูบ้าง แต่ตอนนี้ผมให้ CapCut ยืนหนึ่งก่อนครับ