ภายหลัง กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เรียกประชุมสภานัดแรก
โหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมาจากพรรคก้าวไกลก่อน
หลังจากนั้น เสนอร่างกฎหมายสำคัญๆ ที่ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและลบล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องหาและนักโทษในคดี ม. 112 ร่าง พรบ. สมรสเท่าเทียม ร่าง พรบ.สุราก้าวหน้า ฯลฯ
ร่างกฎหมายเหล่านี้ ไม่ต้องการเสียงของ สว. เลย ใช้เพียงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังไงคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล + เพื่อไทย + เสรีรวมไทย + ประชาชาติ ก็เกินกึ่งหนึ่งของสภาอยู่แล้ว
ส่วน สว. จะโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ ถ้าไม่โหวต ก็รอเวลาให้หมดวาระของ สว. ในวันที่ 11 พ.ค. 2567 อีกเพียงไม่ถึง 1 ปี
จากนั้น การโหวตเลือกนายกฯ ก็ไม่ต้องการเสียงโหวตของ สว. อีกแล้ว เพราะตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ก็สามารถเลือกนายกฯ ได้ด้วยเสียงโหวตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ไม่ว่า สว. จะโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ พรรคก้าวไกล+เพื่อไทย สามารถจับมือกันผ่านกฎหมายแก้ไข ม. 112 ได้ทันที
โหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมาจากพรรคก้าวไกลก่อน
หลังจากนั้น เสนอร่างกฎหมายสำคัญๆ ที่ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและลบล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องหาและนักโทษในคดี ม. 112 ร่าง พรบ. สมรสเท่าเทียม ร่าง พรบ.สุราก้าวหน้า ฯลฯ
ร่างกฎหมายเหล่านี้ ไม่ต้องการเสียงของ สว. เลย ใช้เพียงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังไงคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล + เพื่อไทย + เสรีรวมไทย + ประชาชาติ ก็เกินกึ่งหนึ่งของสภาอยู่แล้ว
ส่วน สว. จะโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ ถ้าไม่โหวต ก็รอเวลาให้หมดวาระของ สว. ในวันที่ 11 พ.ค. 2567 อีกเพียงไม่ถึง 1 ปี
จากนั้น การโหวตเลือกนายกฯ ก็ไม่ต้องการเสียงโหวตของ สว. อีกแล้ว เพราะตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ก็สามารถเลือกนายกฯ ได้ด้วยเสียงโหวตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น