วิโรจน์ ลั่นไม่ตั้ง รบ.กับพรรคต่างอุดมการณ์ แค่เพราะกลัว ส.ว. ปลุกพรรคอื่นร่วมปิดสวิตช์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3982645
วิโรจน์ ลั่นไม่ตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างอุดมการณ์ แค่เพราะกลัว ส.ว. 250 ปลุกพรรคอื่นรักษาคำมั่น โหวตนายกฯจากพรรคเสียงข้างมาก ปิดสวิตช์ ส.ว.
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจาก นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประกาศความพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยรวมกับพรรคฝ่ายค้านเดิม 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย รวมถึง พรรคเป็นธรรม ทำให้รวมเสียงข้างมากได้แล้ว 309 เสียง พร้อมยืนยันว่าการดึง พรรคภูมิใจไทย มาร่วมด้วยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ กกต.ซึ่งปรับครั้งสุดท้าย เวลา 12.36 น. วันที่ 15 พฤษภาคม ให้พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.เพิ่มอีก 1 ที่นั่ง จาก เขต 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ ณ ขณะนี้พรรคก้าวไกลฟอร์มรัฐบาลเสียงข้างมาก 310 ที่นั่ง ทว่าจากความเคลื่อนไหวของ ส.ว.หลายรายกลับทำให้ประชาชนกังวลว่าพรรคที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 จะได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่
ล่าสุด นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงทรรศนะผ่านทวิตเตอร์ว่า
เราไม่มีความจำเป็นต้องเอาพรรคที่มีอุดมการณ์ไม่ตรงกันมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพียงเพราะความกลัวต่อ ส.ว. 250 การเอาพรรคที่มีจุดยืนต่างกันมาร่วมรัฐบาลยิ่งจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเต็มไปด้วยการต่อรอง และยังจะทำให้ฝ่ายค้านมีเสียงน้อยเกินไปที่จะตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล
นาย
วิโรจน์ระบุว่า
พรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศจุดยืนว่า “ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.เลือกนายกฯ” ควรรักษาคำมั่นของตนเองด้วยการโหวตนายกฯจากพรรคเสียงข้างมากเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. แม้ว่าจะไม่ถูกเชิญให้ร่วมรัฐบาลก็ตาม
นาย
วิโรจน์ระบุอีกว่า
หาก ส.ว.กล้าที่จะหักหาญเสียงของประชาชน โดยไปโหวตให้กับเสียงข้างน้อยก็แค่เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วลงมติให้นายกฯและรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งทันทีก็เท่านั้นเอง
https://twitter.com/wirojlak/status/1658178738121773056
https://twitter.com/wirojlak/status/1658180196959395840
https://twitter.com/wirojlak/status/1658180196959395840
‘สมชัย’ ชี้อย่ากดดันตั้ง รบ.376 เสียง ระวังเผด็จการรัฐสภา แนะ ก.ก.ปรับท่าที ปรับมุมมอง ส.ว.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3982745
‘สมชัย’ เตือนอย่ากดดันตั้ง รบ.376 เสียง ชี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เสี่ยงเกิดหายนะรอบใหม่
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาระบุว่า อย่ากดดันให้ตั้งรัฐบาล 376 เสียง เพราะความหายนะทางการเมืองรอบใหม่จะเกิดขึ้น รัฐบาล 310 เสียง ฝ่ายค้าน 190 เสียง เป็นตัวเลขที่เหมาะสม รัฐบาลมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีแนวนโยบายในทิศทางเดียวกันที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายค้านมีเสียงพอควรที่จะกำกับตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นาย
สมชัยกล่าวว่า แต่หาก ส.ว.เล่นเกมงดออกเสียง แรงกดดันอาจนำไปสู่การหาเสียงในสภาเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ล้วนเพียงรอสัญญาณก็พร้อมเข้าร่วมรัฐบาลทันที
นาย
สมชัยระบุต่อว่า รัฐบาล 376 เสียงขึ้นไปจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผลที่ตามมาอาจกลายเป็นความเสียหาย ดังนี้
1. รัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาด กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุล กลายเป็นวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่
2. การดำเนินการตามนโยบายของพรรค จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีพรรคที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันมาเป็นรัฐบาลผสม และกลายเป็นรัฐบาลแบ่งปันผลประโยชน์ตามแต่ละกระทรวงที่กำกับ
นาย
สมชัยระบุว่า
3. ทางออกในเรื่องนี้จึงมิใช่แค่เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภายอมลงมติตามเสียงประชาชน แต่เพียงทางเดียว แต่พรรคก้าวไกลควรปรับท่าทีและปรับลดนโยบายที่แข็งกร้าวในบางเรื่องเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าเป็นพรรคที่สุขุม คัมภีรภาพ และพอรับได้
4. ทางออกนี้คือการประนีประนอม ซึ่งอาจไม่ถูกใจสายฮาร์ดคอร์ที่ปรารถนาการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แต่หากก้าวไกลยอมรับความจริงว่า การเมืองและความสำเร็จในการบริหารประเทศคือการต้องมีจุดรุก จุดถอยในจังหวะที่เหมาะสม สำเร็จช้าบ้าง แต่สำเร็จ ย่อมดีกว่าจะดึงดันผลักดันให้สำเร็จแต่ยากจะสำเร็จ
เอกชน อยากเห็น ‘ดรีมทีม’ ดึงคนรุ่นใหม่ ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3982611
เอกชนอยากเห็น ‘ดรีมทีม’ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้ง โดยพรรคฝ่ายค้านเดิมได้คะแนนเสียงท่วมท้นเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ว่าประชาชนมีการตื่นตัวมากขึ้นและต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ถือเป็นวิวัฒนาการของการเมืองไทย ส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงสูงสุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่จะรวมกับพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดและที่สำคัญต้องมีเสถียรภาพ เพราะหากรัฐบาลไม่มั่นคงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้
นาย
เกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์ พรรคก้าวไกลอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนักก็ต้องดึงคนรุ่นใหม่ๆ มาร่วมคิดและทำงานเป็นทีมไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะภายใต้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งส.อ.ท.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล
“
ผมคิดว่าการหาเสียงแบบประชานิยม แจกเงินแบบเก่า ประชาชนมีบทเรียนว่าทำไม่ได้จริงและไม่มีแหล่งที่มาของเงิน ดังนั้น จากนี้นโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ของพรรคที่เป็นรัฐบาลจะถูกประชาชนติดตามใกล้ชิด ต้องทำได้จริงๆ และที่มาของเงินชัดเจนด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว
นาย
เกรียงไกรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เบื้องต้นได้จัดทำข้อเสนอต่อพรรคการเมืองให้ทราบถึงความต้องการของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจไปแล้วหลักๆ 6 ข้อ ได้แก่
1. การยกระดับขีดแข่งขันประเทศ
2. การปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย
3. การส่งเริมให้ไทยเป็นฮับเทคโนโลยี
4. การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
5. การสนับสนุนเอสเอ็มอี
และ 6. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือบีซีจี
JJNY : วิโรจน์ลั่นไม่ตั้งรบ.กับพรรค│‘สมชัย’ชี้ อย่ากดดันตั้ง รบ.376 เสียง│เอกชนอยากเห็น‘ดรีมทีม’│"มั่นใจ"รัสเซียไม่โจมตี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3982645
วิโรจน์ ลั่นไม่ตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างอุดมการณ์ แค่เพราะกลัว ส.ว. 250 ปลุกพรรคอื่นรักษาคำมั่น โหวตนายกฯจากพรรคเสียงข้างมาก ปิดสวิตช์ ส.ว.
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประกาศความพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยรวมกับพรรคฝ่ายค้านเดิม 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย รวมถึง พรรคเป็นธรรม ทำให้รวมเสียงข้างมากได้แล้ว 309 เสียง พร้อมยืนยันว่าการดึง พรรคภูมิใจไทย มาร่วมด้วยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ กกต.ซึ่งปรับครั้งสุดท้าย เวลา 12.36 น. วันที่ 15 พฤษภาคม ให้พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.เพิ่มอีก 1 ที่นั่ง จาก เขต 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ ณ ขณะนี้พรรคก้าวไกลฟอร์มรัฐบาลเสียงข้างมาก 310 ที่นั่ง ทว่าจากความเคลื่อนไหวของ ส.ว.หลายรายกลับทำให้ประชาชนกังวลว่าพรรคที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 จะได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่
ล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงทรรศนะผ่านทวิตเตอร์ว่า
เราไม่มีความจำเป็นต้องเอาพรรคที่มีอุดมการณ์ไม่ตรงกันมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพียงเพราะความกลัวต่อ ส.ว. 250 การเอาพรรคที่มีจุดยืนต่างกันมาร่วมรัฐบาลยิ่งจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเต็มไปด้วยการต่อรอง และยังจะทำให้ฝ่ายค้านมีเสียงน้อยเกินไปที่จะตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล
นายวิโรจน์ระบุว่า พรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศจุดยืนว่า “ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.เลือกนายกฯ” ควรรักษาคำมั่นของตนเองด้วยการโหวตนายกฯจากพรรคเสียงข้างมากเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. แม้ว่าจะไม่ถูกเชิญให้ร่วมรัฐบาลก็ตาม
นายวิโรจน์ระบุอีกว่า หาก ส.ว.กล้าที่จะหักหาญเสียงของประชาชน โดยไปโหวตให้กับเสียงข้างน้อยก็แค่เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วลงมติให้นายกฯและรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งทันทีก็เท่านั้นเอง
https://twitter.com/wirojlak/status/1658178738121773056
https://twitter.com/wirojlak/status/1658180196959395840
https://twitter.com/wirojlak/status/1658180196959395840
‘สมชัย’ ชี้อย่ากดดันตั้ง รบ.376 เสียง ระวังเผด็จการรัฐสภา แนะ ก.ก.ปรับท่าที ปรับมุมมอง ส.ว.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3982745
‘สมชัย’ เตือนอย่ากดดันตั้ง รบ.376 เสียง ชี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เสี่ยงเกิดหายนะรอบใหม่
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาระบุว่า อย่ากดดันให้ตั้งรัฐบาล 376 เสียง เพราะความหายนะทางการเมืองรอบใหม่จะเกิดขึ้น รัฐบาล 310 เสียง ฝ่ายค้าน 190 เสียง เป็นตัวเลขที่เหมาะสม รัฐบาลมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีแนวนโยบายในทิศทางเดียวกันที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายค้านมีเสียงพอควรที่จะกำกับตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมชัยกล่าวว่า แต่หาก ส.ว.เล่นเกมงดออกเสียง แรงกดดันอาจนำไปสู่การหาเสียงในสภาเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ล้วนเพียงรอสัญญาณก็พร้อมเข้าร่วมรัฐบาลทันที
นายสมชัยระบุต่อว่า รัฐบาล 376 เสียงขึ้นไปจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผลที่ตามมาอาจกลายเป็นความเสียหาย ดังนี้
1. รัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาด กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุล กลายเป็นวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่
2. การดำเนินการตามนโยบายของพรรค จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีพรรคที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันมาเป็นรัฐบาลผสม และกลายเป็นรัฐบาลแบ่งปันผลประโยชน์ตามแต่ละกระทรวงที่กำกับ
นายสมชัยระบุว่า
3. ทางออกในเรื่องนี้จึงมิใช่แค่เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภายอมลงมติตามเสียงประชาชน แต่เพียงทางเดียว แต่พรรคก้าวไกลควรปรับท่าทีและปรับลดนโยบายที่แข็งกร้าวในบางเรื่องเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าเป็นพรรคที่สุขุม คัมภีรภาพ และพอรับได้
4. ทางออกนี้คือการประนีประนอม ซึ่งอาจไม่ถูกใจสายฮาร์ดคอร์ที่ปรารถนาการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แต่หากก้าวไกลยอมรับความจริงว่า การเมืองและความสำเร็จในการบริหารประเทศคือการต้องมีจุดรุก จุดถอยในจังหวะที่เหมาะสม สำเร็จช้าบ้าง แต่สำเร็จ ย่อมดีกว่าจะดึงดันผลักดันให้สำเร็จแต่ยากจะสำเร็จ
เอกชน อยากเห็น ‘ดรีมทีม’ ดึงคนรุ่นใหม่ ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3982611
เอกชนอยากเห็น ‘ดรีมทีม’ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้ง โดยพรรคฝ่ายค้านเดิมได้คะแนนเสียงท่วมท้นเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ว่าประชาชนมีการตื่นตัวมากขึ้นและต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ถือเป็นวิวัฒนาการของการเมืองไทย ส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงสูงสุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่จะรวมกับพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดและที่สำคัญต้องมีเสถียรภาพ เพราะหากรัฐบาลไม่มั่นคงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้
นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์ พรรคก้าวไกลอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนักก็ต้องดึงคนรุ่นใหม่ๆ มาร่วมคิดและทำงานเป็นทีมไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะภายใต้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งส.อ.ท.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล
“ผมคิดว่าการหาเสียงแบบประชานิยม แจกเงินแบบเก่า ประชาชนมีบทเรียนว่าทำไม่ได้จริงและไม่มีแหล่งที่มาของเงิน ดังนั้น จากนี้นโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ของพรรคที่เป็นรัฐบาลจะถูกประชาชนติดตามใกล้ชิด ต้องทำได้จริงๆ และที่มาของเงินชัดเจนด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เบื้องต้นได้จัดทำข้อเสนอต่อพรรคการเมืองให้ทราบถึงความต้องการของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจไปแล้วหลักๆ 6 ข้อ ได้แก่
1. การยกระดับขีดแข่งขันประเทศ
2. การปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย
3. การส่งเริมให้ไทยเป็นฮับเทคโนโลยี
4. การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
5. การสนับสนุนเอสเอ็มอี
และ 6. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือบีซีจี