ให้ฉันทำอย่างไร ประสบการณ์การแต่งงานครั้งแรก

ประสบการณ์การแต่งงานครั้งแรก

ตอนที่ผมกับเจ้าสาวพบกันครั้งแรก ความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมานาน หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่อยมา

ผมอยู่นครบาล ส่วนเธออยู่หัวเมือง ที่อยู่ไกลกันมาก เธอมีทั้งงานบ้าน ทั้งงานประจำมา และลูกที่ต้องดูแล จึงไม่ค่อยได้เจอกันมากเท่าไร
เราจะเจอกันในวันหยุด แต่ก็จะคุยกันทุกวัน

เธอเรียนด้านศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยของรัฐในภาคกลาง ทำงานเป็นครู ดูเป็นคนอ่อนโยนโอบอ้อมอารี รักเด็ก เธอมีภาระที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เวลาเธอมีปัญหาผมก็จะช่วยเหลือเธอเสมอ

เธอบอกว่าจะมาทำงานในเมืองหลวง จะมาอยู่ด้วยกัน ผมดีใจมาก เพราะจะได้มีเวลาด้วยกันมากขึ้น จะได้เอาเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปทานข้าวไปเที่ยวด้วยกัน

เธอบอกว่าให้มาไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีท้องถิ่น ผมกับเธอรู้จักกันเพียง4เดือน แต่ผมไม่ลังเลที่จะบอกเธอว่า งั้นแต่งงานให้เป็นทางการเลยดีไหม เพราะผมอยากยกย่องให้เกียรติ และให้ความสำคัญกับฝ่ายหญิง เธอก็ไม่ปฏิเสธ และขอให้มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องด้วย เธอก็บอกว่าเข้าใจ
เธอบอกให้ไปคุยกับพ่อแม่เธอ จึงได้ตกลงแต่งงานกัน เมื่อดูฤกษ์ยามก็ได้วันในปลายเดือนมีนา มีเวลาเตรียมงานเพียงแค่ 5วัน วันรุ่งขึ้นเราก็ไปซื้อชุดที่จะใช้ในงานพิธี 

เธอไปหาชุดงานกลางคืนเอง เธอเป็นคนจัดเตรียมงานทุกอย่าง ทั้งจัดหาสถานที่ หาคนรับจ้างตกแต่งสถานที่ ช่างแต่งหน้า พิธีกร และช่างภาพ (เธอน่ารักมากกก) เธอบอกว่าอยากให้งานของเราออกมาดี ผมจึงแค่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเท่านั้น

ในวันงานเมื่อกลับจากการแต่งหน้า เราไปเปลี่ยนชุดเพื่อร่วมงานพิธี เราถ่ายรูปคู่กัน เธอยิ้มแก้มแทบปริ ผมมีความสุขมากที่สุดวันหนึ่งในชีวิต ตอนพิธีหมั้น ผมสวมแหวน สร้อยข้อมือและสร้อยคอให้เธอ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีวันนี้เหมือนคนอื่นๆ

แต่งานแต่งก็มีอุปสรรคนึดนึง

ก่อนวันงานผมบอกให้เธอ เตรียมตัวไปจดทะเบียนสมรส แต่เธอบอกว่า เธอไม่เคยจดกับใคร จะรีบจดทำไม ทำไมต้องจดด้วย อีกอย่างบัตรประจำตัวหาย ถ้าจะจดคงเป็นวันจันทร์ซึ่งเป็นวันทำการถัดไป แต่ผมอยากให้วันงานกับวันจด เป็นวันเดียวกัน จึงได้ตกลงกันว่าจะไปทำบัตรและจดทะเบียนในวันศุกร์นี้เลย

ตอนเช้าเธอออกจากบ้านไป เกือบ10โมง ก็ยังไม่กลับ จึงได้โทรหาเธอ เพื่อจะได้ไปอำเภอและเตรียมงาน เธอบอกว่าเดี๋ยวกลับไป

พอเธอมาถึง เธอเข้ามากอด แล้วบอกว่า อย่าโกรธนะ เธอมีทะเบียนกับนายสอง(อดีตสามี)
ยังไม่ได้ทำเรื่องหย่ากัน นายสองไปต่างประเทศติดต่อไม่ได้ ยังมาทำเรื่องในวันนี้ไม่ได้ แต่ได้พูดคุยตกลงกันแล้ว ไม่มีปัญหา นายสองมีภรรยาใหม่แล้ว วันจันทร์นายสองจะพาภรรยาที่ตั้งครรภ์มาโรงพยาบาล แล้วจะมาดำเนินการหย่าให้ แล้วเราค่อยจดทะเบียนในวันเดียวกันนั้นเลย หากเลื่อนหรือยกเลิกไป ฝ่ายเธอจะเสียหายเพราะได้เชิญแขกไว้แล้ว และเธอต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จ้างไว้แล้วด้วย
ด้วยความเชื่อใจและไม่อยากให้คนที่ผมรักเสียหาย จึงได้จัดงานต่อไป

ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ เธอบอกว่า
เธอมีลูกกับนายสอง แต่ปัจจุบันเธอบอกว่าคบกับเหมือนพี่น้อง เขาแค่มาเจอลูกเท่านั้น และนายสองก็มีภรรยาใหม่แล้ว

พอวันจันทร์ ก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีท่าทีใดๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ตกลงไว้ จึงได้ถามไป เธอจึงออกจากบ้านไปตอนบ่าย แล้วกลับมาบอกว่า นายสองไม่ได้ไปตามนัด (แต่ทราบในภายหลังว่าวันนั้น เธอได้นำทองไปขายฝาก)
อีกวันเธอก็ยังเหมือนเดิม จึงได้มีปากเสียงกัน
เธอรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แล้วจะย้ายมาอยู่กับผม ผมจึงกลับไปทำงาน

พอผมกลับไปทำงาน เธอก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เหมือนอยากห่าง อยากให้เลิกกันไปเสีย แต่ไม่ได้พูดแบบนั้นตรงๆ ทั้งที่ผ่านงานมายังไม่ถึง 10วัน

ช่วงสงกรานต์ผมจะไปหาเธอ เธอบ่ายเบี่ยงห้ามไม่ให้ผมเข้าบ้านของเธอ วันแรกผมต้องพักที่ห้องพักรายวันคนเดียว ส่วนเธออยู่ที่บ้าน
วันที่สองผมไปหาเธอ พบนายสองอยู่ในห้องนอนของเธอ จึงมีการโต้เถียงกัน แล้วเธอถามเลิกกันกับผม ทั้งที่แต่งงานกันแค่ 2 สัปดาห์ และวันนั้นเธอหายไปทั้งคืน ไม่ทราบว่าไปไหน 

ช่วงนี้เธอมีท่าทีเฉยชา ไม่ค่อยพูด กลับมาได้ 6 วัน ก็หายไป โดยไม่สามารถติดต่ออะไรได้ (หลังแต่งงานกันแค่ 3 สัปดาห์)
ผมเป็นห่วงมาก ออกตามหาหลายที่ จนพบว่าได้ไปอยู่กับนายสอง

ทราบในภายหลังว่า เธอจดทะเบียนกับนายสองเพียงแค่เดือนเดียว ก่อนที่จะมาตกลงแต่งงานกับผม และดูเหมือนเธอไม่คิดจะเลิก ไม่คิดจะหย่ากับนายสองมาตั้งแต่แรก และที่บอกว่าเรียนจบทางด้านศึกษาศาสตร์ ก็ไม่จริง จบชั้น ม.6 กศน.

ที่เธอบอกจะมาอยู่ด้วย บอกให้คุยกับพ่อแม่ เธอเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อนทั้งนั้น ทั้งการจัดงาน เธอก็เป็นคนจัดการทั้งหมด พอหลังแต่งงานกัน ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม และมีคำพูดแปลกๆ
เช่น " ทำไมไม่ไปคุยกับเพื่อนของเธอล่ะ ถ้าตอนนั้นคุย ก็ได้คบกันแล้ว" "อยากให้ผมเจ้าชู้คบคนเยอะๆ เพราะเธอชอบคนเจ้าชู้"

งานที่จัด ก็ทำเพื่อเธอ เธอก็เป็นคนจัดการเองทั้งนั้น เธอไม่มีความรู้สึกดีๆ ความทรงจำดีๆบ้างเลยเหรอ เธอบอกว่าถ้าเห็นอะไรที่คิดถึงเธอ ก็ให้เอาไปเผาทิ้งให้หมด

แต่งงาน ก็คิดว่าจะมีความสุข ได้อยู่กับคนที่เรารัก มาทำแบบนี้ ใจดำเกินไปไหม

1.
เธอบอกว่าที่ผมไปคาดคั้นเรื่องหย่า ทำให้เธอมีปัญหาในหมู่ญาติของเธอ ทำให้ความรู้สึกของที่มีต่อผม ไม่เหมือนเดิม เธอบอกว่าเรื่องแค่นี้ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ (ไม่รู้ว่าใช่เหตุผลที่แท้จริงไหม)

คิดว่าเป็นเรื่องปกติไหม ที่ต้องทวงถามในสิ่งที่เขารับปาก

คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหม ที่ปิดบังเรื่องทะเบียนสมรส

2.หรือจริงๆแล้ว เธอไม่ได้เจตนาจะมาคบกับผมมาตั้งแต่ต้น
สิ่งที่เธอทำ ทำให้เห็นว่าเธอให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้หลงเชื่อว่าจะมาสมรสและจะมาอยู่ด้วยกัน แต่จริงๆแล้ว เธอไม่ได้มีเจตนาจะสมรสกับผมมาตั้งแต่ต้น แต่เหมือนอยากจัดงานเพื่ออะไรบางอย่าง ใช่หรือไม่

3.แล้วควรทำอย่างไรต่อไป ทั้งด้านความรู้สึก และด้านอื่นๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่