“อี๊ดอี๊ดอี๊ดอี๊ดอี๊ด…ฮึ่ม!!”
เสียงเครื่องยนต์ D-max 2.5 เทอร์โบ 116 แรงม้า ดังกระหึ่ม!? หลังจากที่ผมใช้เท้าซ้ายเหยียบ..คลัตช์! แล้วหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์
ควรเหยียบคลัตซ์ทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย หากเข้าเกียร์ค้างไว้รถจะได้ไม่พุ่ง รถบางรุ่นบางยี่ห้อถ้าไม่เหยียบคลัตช์ ก็สตาร์ทไม่ติด! และเป็นการช่วยเบาแรง "ไดสตาร์ท" ได้อีกทาง
พอขับออกจากบ้านเช่าเข้าสู่ท้องถนนได้ก็เริ่มไล่ใส่เกียร์ 1 2 3 ไปตามความเร็วรอบของรถและขับไม่เกิน..40! ใช่แล้ว!? เป็นเพราะไม่คุ้นเส้นทางจึงต้องขับคลานไปเหมือนตัว..สลอธ!
ผมมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายแนวผจญภัย แฟนตาซี เพื่อที่จะให้งานเขียนออกมาดีจึงออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ โดยตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ทั่วประเทศไทย!! พเนจรมันไปเรื่อยๆ จะได้เก็บเกี่ยวนำเอาประสบการณ์ที่พบเจอระหว่างทางมาเขียนในนวนิยายของตัวเอง และที่นี่คือที่แรก!?
“อุทัยธานี”
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงของเจ้าลูกชายตัวดีดังขึ้น? เมื่อเจอเพื่อนสายพันธุ์เดียวกันที่อยู่ตามข้างทาง เหมือนร้องท้าทายว่า? “เฮ้ยเพื่อนอั๊วอยู่ในรถ แน่จริงก็ขึ้นมาเซ่!!” ทั้งเห่าทั้งตะกุยรถ! แต่ก็หาทำให้เจ้าถิ่นสนใจไม่เพราะคงไม่ได้ยินนั่นเอง สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในเวลานั้นก็คือ? รถเหมือนจะพัง!
“เดี๋ยวทำธุระเสร็จค่อยหาที่เที่ยวกัน”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
แฮรี่ หอบดีใจเมื่อได้ยินคำว่า..เที่ยว! ยิ้มลิ้นห้อยยาวคืบตามสไตล์พร้อมน้ำลายหยดย้อยเต็มรถ!
ส่วนมากสุนัขจะรู้เรื่องเวลาที่เราสื่อสารกับเขา เพียงแต่ว่าเขาตอบกลับมาเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้เท่านั้น?
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อยู่นั้น สายตาก็เหลือบดูกระจกมองหลัง "เอ๊า" ผมสะดุ้ง! เพราะภาพที่เห็นนั้นคือขบวนรถขับติดกันมายาวเหยียด
“ขอโทษครับพี่ๆ" พอสำนึกผิดเสร็จก็รีบสวมวิญญาณตีนผี! เหยียบคันเร่งรถขับออกจากจุดนั้นทันที!?
ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็มาเจอสี่แยกซึ่งป้ายเขียนบอกไว้? 'สี่แยกปากกะบาด' และสัญญาณไฟจราจรก็กำลังสีเหลือง!พอดี
' มีรึที่เสือร้ายจะยอมติดไฟแดง! '
ผมหักพวงมาลัยรถขับเลี้ยวซ้ายทันที แต่"สัจธรรม"ของคนขับรถไม่มีใครหนีไฟแดงพ้น! สุดท้ายก็ขับรถไปติดไฟแดง! จนได้ที่ " สามแยกโคกหม้อ "
ขณะที่จอดรถติดไฟแดงอยู่นั้น สายตาก็เหลือบมองเห็นบางสิ่งบางอย่างลักษณะคล้ายวัดแต่อยู่บนภูเขา? จากจุดที่อยู่อาจจะทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่เซ้นส์บอกได้ว่าน่าจะเป็นวัดที่สำคัญและสวยงามแน่นอน พอไฟเขียวจึงตัดสินใจขับรถไปตามทางที่คิดว่าวัดน่าจะอยู่ทางนั้น
‘ไปทางไหนดี’ คิดได้แค่นั้น.. ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้น!?
"' เจอสี่แยกข้างหน้าให้เลี้ยวไปทางซ้ายแล้วขับตรงไปก็เจอ! '"
อีกแล้ว!? เสียงใคร? แล้วดังมาจากไหน เพราะมั่นใจว่าในรถมีผมกับแฮรี่เท่านั้น! แต่ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อไปอีก สายตาก็มองเห็นสี่แยกอยู่ห่างออกไปข้างหน้าไม่ไกลมากนัก
' เอาวะ '
ตัดสินใจทำตามที่เสียงปริศนาบอกอีกครั้ง พอใกล้ถึงสี่แยกก็หักพวงมาลัยไปทางซ้าย แล้วขับต่อตรงไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ไม่นานนักก็เห็นซุ้มประตูวัดป้ายชื่อเขียนบอกไว้ว่า? " วัดสังกัสรัตนคีรี " ขับรอดผ่านซุ้มประตูไปอีกนิด
" สุดท้ายก็มาถึง!? "
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นก็คือ ด้านซ้ายมือเป็นลานกว้างมีวิหารที่เขียนชื่อบอกไว้ “วิหารพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” สังเกตได้ว่าจะมีผู้คนเดินเข้าออกไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างในวิหารตลอดเวลา ส่วนด้านขวามือเป็นบันไดพญานาค 3 เศียร 1 คู่ นอนทอดลำตัวยาวขนาบบันได ที่ใช้สำหรับเป็นทางเดินขึ้นไปวัดที่อยู่บนภูเขา
ผมมองไปตามบันไดพญานาค ที่ทอดลำตัวยาวขึ้นไปสุดลูกหูลูกตาจนไม่เห็นปลายส่วนหาง
“งดงาม”
‘ดูจากด้านล่างยังงดงามขนาดนี้ ถ้าได้ขึ้นไปเห็นข้างบนจะวิจิตร อลังการ ขนาดไหน’
วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง หมู่บ้านสะแกกรัง หมู่ 3 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
พอลงจากรถก็เหลียวซ้ายแลขวาไปมา…เจอแล้ว!?' มัคคุเทศก์ ' จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเพื่อจะสอบถามข้อมูล โดยติดเครื่องทิ้งไว้ให้แฮรี่อยู่ในรถ
“แซ่ แซ่ แซ่”
เสียงของน้ำมันที่ตกลงบนถ่านไฟร้อนทำให้เกิดควันโขมง กลิ่นหอมฉุยของ “ไส้กรอกอีสาน” ก็ฟุ้งไปทั่วบริเวณ คนยืนปิ้งไส้กรอกเป็นหญิงวัยกลางคนอายุไม่น่าเกิน 50 ซึ่งใบหน้านั้นยับยู่ยี่ไปหมดเพราะควันไฟ
“พี่ครับ”
แม่ค้ารีบเงยหน้าขึ้นมา? คงนึกว่ามีลูกค้ามาซื้อไส้กรอก
“เดินขึ้นบันไดนาคไปอีกไกลไหมครับกว่าที่จะถึงวัด”
แม่ค้าทำหน้าผิดหวังและงงนิดๆ ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าคงเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว
“ไม่ไกลเท่าไหร่หร๊อก แค่449 ขั้นเอ๊ง!!”
“449 ขั้น”
แม่ค้ายิ้มนิดๆ
“แต่ถ้าน้องเดินขึ้นไม่ไหวมีทางขับรถขึ้นไปได้อีกทาง ”
ผมยิ้มอ่อนพลางหันหน้ากลับไปมองที่บันไดนาคอีกครั้ง
“ขึ้นมันทั้ง2ทางนั้นล่ะครับแต่น่าจะเป็นวันหลัง”
จากนั้นก็ขอบคุณแม่ค้าที่ช่วยแนะนำและตอบคำถาม ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะอุดหนุนไส้กรอกอีสานแก คราวนี้แม่ค้าดีใจจนหน้าบาน ยิ้มแก้มแทบ..ปริ!
พอขึ้นบนรถได้ผมก็สะบัดข้อมือซ้ายเพื่อดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาทันที
“กล้วยทอด”
บ่าย 2 โมงแล้วแต่ยังไม่รู้พิกัดที่หมายแน่ชัดว่าอยู่ตรงไหนและไม่รู้ว่าไปรษณีย์ของที่นี่ตัดรอบปิดถุงกี่โมง?
“จะทันมั้ยเนี้ย”
ผมพึมพรำกับตัวเองพรางหยิบมือถือขึ้นมาดู
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างลอยออกมาจากมือถือขึ้นมาอยู่ตรงหน้าผม เป็นชายหนุ่มลักษณะรูปร่างหน้าตา หัวกลม ตาโต ใบหน้ารูปไข่ คางแหลม รูปร่างผอมแต่ดูแข็งแรง เหมือนคนออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา
" มีอะไรให้ช่วยมั้ย คนพเนจร "
" นายเป็นใครแล้วมาได้ยังไง " เสียงของผมตะกุกตะกักถามออกไป
" ไม่ต้องกลัว เราชื่อ จีพีเอส หรือจะเรียกเราว่า จี ก็ได้ "
เมื่อยังเห็นผมงงอยู่ จีพีเอส หรือ จี ก็พูดต่อมาว่า
" เราเป็น กูรู ผู้รอบรู้เส้นทางทุกแห่งหนบนโลกใบนี้ "
" ตอนนี้นายอยากไปไหนถามเรามาได้เลย "
ถึงจะยังสงสัยอยู่แต่เหมือนโดนป้ายยาเลยบอกไปว่า
" ผมอยากรู้ ไปรษณีย์อุทัย ไปทางไหน "
" โอเค ส.บ.ม.ย.ห. เดี๋ยวเราบอกให้ "
" แต่คราวหน้าอย่าพูดคำว่าผมกับเราอีกนะ "
" ทำไมเหรอ? "
จียิ้มกว้าง
" เพราะต่อไปนี้เราคือเพื่อนกัน คนพเนจร "
จากนั้น จี ก็บอกเส้นทางวิ่งรถไปไปรษณีย์อุทัยในมือถืออย่างละเอียด
พอรู้พิกัดเป้าหมายก็ขับตามทางที่ gps บอกทันที แต่ถึงจะรู้เส้นทางก็ใช่ว่าจะไปถึงที่หมายได้ไว ด้วยว่าเป็นคนแปลกถิ่นไม่คุ้นทาง ไหนจะแยก ไหนจะซอย ไหนจะมุมและไหนจะ..หมวกขาว!!?
ขับไปคิดไป เมื่อเช้าก็เสียงปริศนานี้ยังมาเจอชายลึกลับชื่อจีโผล่ออกมาจากมือถืออีก...พารา กลับไป ต้องกินพารา!?
" สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยเจอก็จะได้เจอ "
ประโยคนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง!!
ขับรถไปได้สักพัก
“เอ๊า”
ร้องได้แค่นั้นก็เหยียบเบรกดัง “กึก”
ค่อยๆ บังคับรถเลียบจอดข้างทางขาวดำ เงิน 100 สุดท้ายพึ่งใจป้ำอุดหนุนไส้กรอกอีสานแม่ค้าไปเมื่อตะกี้ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยสักบาท!!
' ทำไงดี? '
‘เออใช่..ยังมีเงินเหลือในบัญชี 120 นี่หว่า? ’
พอเช็คในแอปธนาคาร เงินก็มีตามนั้นจริงๆ ไม่รอช้าตบไฟขวาให้คันหลังเห็นเพื่อส่งสัญญาณว่ารถกำลังจะวิ่งออกจากข้างทาง จากนั้นก็รีบบึ่งไปจุดหมายปลายทางโดยทันที
แดดเริ่มสีอ่อนลง สุดท้ายก็พากายหยาบของตัวเอง? มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ นั่นก็คือ
“post office” ที่ทำการไปรษณีย์!!
หลังจากที่ให้พนักงานบริการบรรจุของลงกล่องพัสดุเรียบร้อย ก็ไปนั่งรอคิวที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีทั้งหมด 4 ช่อง แต่สายตากลับดันไปสะดุดกับพนักงานรับพัสดุ ช่อง 2!?
" ผมตรงยาวสลวยสีดำตัดกับผิวสีไข่ปอก ปากเรียวสวยคล้ายกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตากลมโต คิ้วคมเข้ม "
จะด้วยผีผลักหรือยังไงไม่ทราบ? คิวตรงช่อง 2 พอดี..เป๊ะ!
“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ”
ผมล้วงบัตรในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้
“Ems หรือธรรมดา คะ”
“Ems ครับ”
จากนั้นพนักงานก็กดแป้นหน้าจอคอมสักพัก “ทั้งหมด 48 บาท ค่ะ”
“ขอสแกน QR Code ชำระเงินครับ”
“สแกนตรงนี้ได้เลยค่ะ”
พนักงานสาวชี้ไปที่ คิวอาร์โค้ด ที่อยู่ขวามือ
ผมเอามือถือขึ้นมาสแกนทันที พอข้อมูลเข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยสักพักพนักงานก็หยิบใบเสร็จยื่นให้พร้อมกับยกมือไหว้
พอเสร็จธุรกรรมที่ต้องทำก็หันหลังเดินกลับทันที? แต่ก็ไม่ลืมส่งยิ้มขอบคุณให้พนักงานสาว…ช่อง2
ขณะที่เดินกลับไปที่รถก็คิดในใจไปพลาง
‘ หวังว่าพระหางหมากจะถึงภายในสองสามวันนี้นะ เพราะนี้คือความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ 1 ชีวิตคน กับ 1 ชีวิตสุนัข ได้อยู่รอดต่อไป!? ' …
………………………………………………………………………..
นิยายผจญภัย แฟนตาซี เรื่องโลกพเนจร ตอน : สำรวจเมืองพระชนกจักรี 1
เสียงเครื่องยนต์ D-max 2.5 เทอร์โบ 116 แรงม้า ดังกระหึ่ม!? หลังจากที่ผมใช้เท้าซ้ายเหยียบ..คลัตช์! แล้วหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์
ควรเหยียบคลัตซ์ทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย หากเข้าเกียร์ค้างไว้รถจะได้ไม่พุ่ง รถบางรุ่นบางยี่ห้อถ้าไม่เหยียบคลัตช์ ก็สตาร์ทไม่ติด! และเป็นการช่วยเบาแรง "ไดสตาร์ท" ได้อีกทาง
พอขับออกจากบ้านเช่าเข้าสู่ท้องถนนได้ก็เริ่มไล่ใส่เกียร์ 1 2 3 ไปตามความเร็วรอบของรถและขับไม่เกิน..40! ใช่แล้ว!? เป็นเพราะไม่คุ้นเส้นทางจึงต้องขับคลานไปเหมือนตัว..สลอธ!
ผมมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายแนวผจญภัย แฟนตาซี เพื่อที่จะให้งานเขียนออกมาดีจึงออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ โดยตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ทั่วประเทศไทย!! พเนจรมันไปเรื่อยๆ จะได้เก็บเกี่ยวนำเอาประสบการณ์ที่พบเจอระหว่างทางมาเขียนในนวนิยายของตัวเอง และที่นี่คือที่แรก!?
“อุทัยธานี”
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงของเจ้าลูกชายตัวดีดังขึ้น? เมื่อเจอเพื่อนสายพันธุ์เดียวกันที่อยู่ตามข้างทาง เหมือนร้องท้าทายว่า? “เฮ้ยเพื่อนอั๊วอยู่ในรถ แน่จริงก็ขึ้นมาเซ่!!” ทั้งเห่าทั้งตะกุยรถ! แต่ก็หาทำให้เจ้าถิ่นสนใจไม่เพราะคงไม่ได้ยินนั่นเอง สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในเวลานั้นก็คือ? รถเหมือนจะพัง!
“เดี๋ยวทำธุระเสร็จค่อยหาที่เที่ยวกัน”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
แฮรี่ หอบดีใจเมื่อได้ยินคำว่า..เที่ยว! ยิ้มลิ้นห้อยยาวคืบตามสไตล์พร้อมน้ำลายหยดย้อยเต็มรถ!
ส่วนมากสุนัขจะรู้เรื่องเวลาที่เราสื่อสารกับเขา เพียงแต่ว่าเขาตอบกลับมาเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้เท่านั้น?
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อยู่นั้น สายตาก็เหลือบดูกระจกมองหลัง "เอ๊า" ผมสะดุ้ง! เพราะภาพที่เห็นนั้นคือขบวนรถขับติดกันมายาวเหยียด
“ขอโทษครับพี่ๆ" พอสำนึกผิดเสร็จก็รีบสวมวิญญาณตีนผี! เหยียบคันเร่งรถขับออกจากจุดนั้นทันที!?
ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็มาเจอสี่แยกซึ่งป้ายเขียนบอกไว้? 'สี่แยกปากกะบาด' และสัญญาณไฟจราจรก็กำลังสีเหลือง!พอดี
' มีรึที่เสือร้ายจะยอมติดไฟแดง! '
ผมหักพวงมาลัยรถขับเลี้ยวซ้ายทันที แต่"สัจธรรม"ของคนขับรถไม่มีใครหนีไฟแดงพ้น! สุดท้ายก็ขับรถไปติดไฟแดง! จนได้ที่ " สามแยกโคกหม้อ "
ขณะที่จอดรถติดไฟแดงอยู่นั้น สายตาก็เหลือบมองเห็นบางสิ่งบางอย่างลักษณะคล้ายวัดแต่อยู่บนภูเขา? จากจุดที่อยู่อาจจะทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่เซ้นส์บอกได้ว่าน่าจะเป็นวัดที่สำคัญและสวยงามแน่นอน พอไฟเขียวจึงตัดสินใจขับรถไปตามทางที่คิดว่าวัดน่าจะอยู่ทางนั้น
‘ไปทางไหนดี’ คิดได้แค่นั้น.. ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้น!?
"' เจอสี่แยกข้างหน้าให้เลี้ยวไปทางซ้ายแล้วขับตรงไปก็เจอ! '"
อีกแล้ว!? เสียงใคร? แล้วดังมาจากไหน เพราะมั่นใจว่าในรถมีผมกับแฮรี่เท่านั้น! แต่ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อไปอีก สายตาก็มองเห็นสี่แยกอยู่ห่างออกไปข้างหน้าไม่ไกลมากนัก
' เอาวะ '
ตัดสินใจทำตามที่เสียงปริศนาบอกอีกครั้ง พอใกล้ถึงสี่แยกก็หักพวงมาลัยไปทางซ้าย แล้วขับต่อตรงไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ไม่นานนักก็เห็นซุ้มประตูวัดป้ายชื่อเขียนบอกไว้ว่า? " วัดสังกัสรัตนคีรี " ขับรอดผ่านซุ้มประตูไปอีกนิด
" สุดท้ายก็มาถึง!? "
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นก็คือ ด้านซ้ายมือเป็นลานกว้างมีวิหารที่เขียนชื่อบอกไว้ “วิหารพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” สังเกตได้ว่าจะมีผู้คนเดินเข้าออกไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างในวิหารตลอดเวลา ส่วนด้านขวามือเป็นบันไดพญานาค 3 เศียร 1 คู่ นอนทอดลำตัวยาวขนาบบันได ที่ใช้สำหรับเป็นทางเดินขึ้นไปวัดที่อยู่บนภูเขา
ผมมองไปตามบันไดพญานาค ที่ทอดลำตัวยาวขึ้นไปสุดลูกหูลูกตาจนไม่เห็นปลายส่วนหาง
“งดงาม”
‘ดูจากด้านล่างยังงดงามขนาดนี้ ถ้าได้ขึ้นไปเห็นข้างบนจะวิจิตร อลังการ ขนาดไหน’
วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง หมู่บ้านสะแกกรัง หมู่ 3 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
พอลงจากรถก็เหลียวซ้ายแลขวาไปมา…เจอแล้ว!?' มัคคุเทศก์ ' จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเพื่อจะสอบถามข้อมูล โดยติดเครื่องทิ้งไว้ให้แฮรี่อยู่ในรถ
“แซ่ แซ่ แซ่”
เสียงของน้ำมันที่ตกลงบนถ่านไฟร้อนทำให้เกิดควันโขมง กลิ่นหอมฉุยของ “ไส้กรอกอีสาน” ก็ฟุ้งไปทั่วบริเวณ คนยืนปิ้งไส้กรอกเป็นหญิงวัยกลางคนอายุไม่น่าเกิน 50 ซึ่งใบหน้านั้นยับยู่ยี่ไปหมดเพราะควันไฟ
“พี่ครับ”
แม่ค้ารีบเงยหน้าขึ้นมา? คงนึกว่ามีลูกค้ามาซื้อไส้กรอก
“เดินขึ้นบันไดนาคไปอีกไกลไหมครับกว่าที่จะถึงวัด”
แม่ค้าทำหน้าผิดหวังและงงนิดๆ ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าคงเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว
“ไม่ไกลเท่าไหร่หร๊อก แค่449 ขั้นเอ๊ง!!”
“449 ขั้น”
แม่ค้ายิ้มนิดๆ
“แต่ถ้าน้องเดินขึ้นไม่ไหวมีทางขับรถขึ้นไปได้อีกทาง ”
ผมยิ้มอ่อนพลางหันหน้ากลับไปมองที่บันไดนาคอีกครั้ง
“ขึ้นมันทั้ง2ทางนั้นล่ะครับแต่น่าจะเป็นวันหลัง”
จากนั้นก็ขอบคุณแม่ค้าที่ช่วยแนะนำและตอบคำถาม ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะอุดหนุนไส้กรอกอีสานแก คราวนี้แม่ค้าดีใจจนหน้าบาน ยิ้มแก้มแทบ..ปริ!
พอขึ้นบนรถได้ผมก็สะบัดข้อมือซ้ายเพื่อดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาทันที
“กล้วยทอด”
บ่าย 2 โมงแล้วแต่ยังไม่รู้พิกัดที่หมายแน่ชัดว่าอยู่ตรงไหนและไม่รู้ว่าไปรษณีย์ของที่นี่ตัดรอบปิดถุงกี่โมง?
“จะทันมั้ยเนี้ย”
ผมพึมพรำกับตัวเองพรางหยิบมือถือขึ้นมาดู
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างลอยออกมาจากมือถือขึ้นมาอยู่ตรงหน้าผม เป็นชายหนุ่มลักษณะรูปร่างหน้าตา หัวกลม ตาโต ใบหน้ารูปไข่ คางแหลม รูปร่างผอมแต่ดูแข็งแรง เหมือนคนออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา
" มีอะไรให้ช่วยมั้ย คนพเนจร "
" นายเป็นใครแล้วมาได้ยังไง " เสียงของผมตะกุกตะกักถามออกไป
" ไม่ต้องกลัว เราชื่อ จีพีเอส หรือจะเรียกเราว่า จี ก็ได้ "
เมื่อยังเห็นผมงงอยู่ จีพีเอส หรือ จี ก็พูดต่อมาว่า
" เราเป็น กูรู ผู้รอบรู้เส้นทางทุกแห่งหนบนโลกใบนี้ "
" ตอนนี้นายอยากไปไหนถามเรามาได้เลย "
ถึงจะยังสงสัยอยู่แต่เหมือนโดนป้ายยาเลยบอกไปว่า
" ผมอยากรู้ ไปรษณีย์อุทัย ไปทางไหน "
" โอเค ส.บ.ม.ย.ห. เดี๋ยวเราบอกให้ "
" แต่คราวหน้าอย่าพูดคำว่าผมกับเราอีกนะ "
" ทำไมเหรอ? "
จียิ้มกว้าง
" เพราะต่อไปนี้เราคือเพื่อนกัน คนพเนจร "
จากนั้น จี ก็บอกเส้นทางวิ่งรถไปไปรษณีย์อุทัยในมือถืออย่างละเอียด
พอรู้พิกัดเป้าหมายก็ขับตามทางที่ gps บอกทันที แต่ถึงจะรู้เส้นทางก็ใช่ว่าจะไปถึงที่หมายได้ไว ด้วยว่าเป็นคนแปลกถิ่นไม่คุ้นทาง ไหนจะแยก ไหนจะซอย ไหนจะมุมและไหนจะ..หมวกขาว!!?
ขับไปคิดไป เมื่อเช้าก็เสียงปริศนานี้ยังมาเจอชายลึกลับชื่อจีโผล่ออกมาจากมือถืออีก...พารา กลับไป ต้องกินพารา!?
" สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยเจอก็จะได้เจอ "
ประโยคนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง!!
ขับรถไปได้สักพัก
“เอ๊า”
ร้องได้แค่นั้นก็เหยียบเบรกดัง “กึก”
ค่อยๆ บังคับรถเลียบจอดข้างทางขาวดำ เงิน 100 สุดท้ายพึ่งใจป้ำอุดหนุนไส้กรอกอีสานแม่ค้าไปเมื่อตะกี้ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยสักบาท!!
' ทำไงดี? '
‘เออใช่..ยังมีเงินเหลือในบัญชี 120 นี่หว่า? ’
พอเช็คในแอปธนาคาร เงินก็มีตามนั้นจริงๆ ไม่รอช้าตบไฟขวาให้คันหลังเห็นเพื่อส่งสัญญาณว่ารถกำลังจะวิ่งออกจากข้างทาง จากนั้นก็รีบบึ่งไปจุดหมายปลายทางโดยทันที
แดดเริ่มสีอ่อนลง สุดท้ายก็พากายหยาบของตัวเอง? มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ นั่นก็คือ
“post office” ที่ทำการไปรษณีย์!!
หลังจากที่ให้พนักงานบริการบรรจุของลงกล่องพัสดุเรียบร้อย ก็ไปนั่งรอคิวที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีทั้งหมด 4 ช่อง แต่สายตากลับดันไปสะดุดกับพนักงานรับพัสดุ ช่อง 2!?
" ผมตรงยาวสลวยสีดำตัดกับผิวสีไข่ปอก ปากเรียวสวยคล้ายกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตากลมโต คิ้วคมเข้ม "
จะด้วยผีผลักหรือยังไงไม่ทราบ? คิวตรงช่อง 2 พอดี..เป๊ะ!
“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ”
ผมล้วงบัตรในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้
“Ems หรือธรรมดา คะ”
“Ems ครับ”
จากนั้นพนักงานก็กดแป้นหน้าจอคอมสักพัก “ทั้งหมด 48 บาท ค่ะ”
“ขอสแกน QR Code ชำระเงินครับ”
“สแกนตรงนี้ได้เลยค่ะ”
พนักงานสาวชี้ไปที่ คิวอาร์โค้ด ที่อยู่ขวามือ
ผมเอามือถือขึ้นมาสแกนทันที พอข้อมูลเข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยสักพักพนักงานก็หยิบใบเสร็จยื่นให้พร้อมกับยกมือไหว้
พอเสร็จธุรกรรมที่ต้องทำก็หันหลังเดินกลับทันที? แต่ก็ไม่ลืมส่งยิ้มขอบคุณให้พนักงานสาว…ช่อง2
ขณะที่เดินกลับไปที่รถก็คิดในใจไปพลาง
‘ หวังว่าพระหางหมากจะถึงภายในสองสามวันนี้นะ เพราะนี้คือความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ 1 ชีวิตคน กับ 1 ชีวิตสุนัข ได้อยู่รอดต่อไป!? ' …
………………………………………………………………………..