รางวัลเหรียญทอง อันดับ 24 ของประเทศ  จากผู้เข้าสอบ 3,056 คน (117 โรงเรียน) ชั้น ป.1 วิชาภาษาอังกฤษ
 รางวัลเหรียญเงิน อันดับ 61 ของประเทศ จากผู้เข้าสอบ 2,884 คน (101โรงเรียน) ชั้น ป.1 วิชาภาษาไทย
 ความสำเร็จแรกของเด็กน้อยวัย 6 ขวบ ที่ต้องบอกว่าทั้ง 2 วิชามีการเตรียมพร้อมที่ต่างกันมาก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่ถือว่าเป็นภาษาที่ 2 ของแพร์
 ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดที่อ่านโจทย์ออก ทำข้อสอบได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่ว่าฝึกกัน 1-2 เดือนแล้วจะทำได้
 แต่การเริ่มต้นภาษาอังกฤษของน้องแพร์นั้นถือเป็น new journey ทีเริ่มต้นเดินทาง…

     Journey 1: ช่วงแรก 2-3 ขวบ ที่เริ่มเห็นแววว่าแพร์ชอบภาษาอังกฤษ ด้วยปมของแม่ที่ค่อนข้างอ่อนภาษา แต่อยากให้ลูกเก่ง เลยเริ่มพาแพร์เข้าไป join กิจกรรมตาม playgroups ที่มีครูต่างชาติพาทำกิจกรรมในช่วงวันหยุด ซึ่งเอาจริงๆแล้วช่วงวัยนี้แพร์ก็ยังได้อะไรไม่มากนัก แต่!!ผลที่ได้คือแพร์ไม่กลัวที่จะเข้าไปเล่นกับครูชาวต่างชาติเลยค่ะ 

      Journey 2: ช่วง 3-4 ขวบ กับบทบาทนักเรียนอนุบาล ภาคปกติ(ภาคภาษาไทย) เป็นช่วงที่แม่เริ่มหาที่เรียน phonics เพื่อให้แพร์เริ่มรู้จักเสียงของภาษาอังกฤษ โดยการไปลงคอร์สเรียนที่สถาบันชื่อดัง ที่ค่าคอร์สค่อนข้างสูง

      ซึ่งในช่วงแรกที่ไปเรียนสนุก อยากไปเรียน ไปหา teacher แต่พอเรียนไปได้สัก 10 ครั้ง แพร์ก็เริ่มเบื่อไม่อยากไปเรียนแล้ว ด้วยเหตุผลคือ “teacher ให้แต่วาดรูประบายสี กับออกเสียง ไม่พาทำกิจกรรมเหมือนที่เคยไป playgroup เลย”

      ด้วยจำนวนคอร์สที่ลงไว้เหลือค่อนข้างเยอะ เลยกล่อมให้ยอมไปเรียนให้มากที่สุด แต่ท้ายที่สุดก็ไปไม่ครบ ต้องยอมทิ้งคอร์ส
 
     จากเหตุการณ์นี้แม่ก็ยังหาที่เรียน phonics ต่อไป ก็มาเจอสถาบันชื่อดังอีกแห่ง ที่มีหลายสาขาในห้างดังๆ กับราคาค่าคอร์สที่ก็สูง แต่รอบนี้ใช้เวลาหาข้อมูลนาน ประกอบกับช่วงนั้นโควิดระบาด จึงยังไม่ได้เข้าไปเรียน แต่เจ้าหน้าที่ก็นำเสนอ online courses มาให้เข้ากับสถานการณ์พอดี ช่วงนี้แม่ก็ลังเลเอาไงดีน้า ตัดสินใจนานมาก

       Journey 3: ช่วงอายุ 4.5 ขวบ ที่ความรู้ภาษาอังกฤษแทบจะไม่ค่อยมี ท่องได้แค่  A-Z, 1-10  แม่เริ่มเครียดว่าถ้าเริ่มช้าอาจจะยากในอนาคต เพราะตามคู่มือที่คุณหมอเคยบอกว่าช่วงเด็กเล็ก-6 ขวบ เป็นช่วงที่กำลังจำ ให้ฝึกภาษาที่ 2 เข้าไปเยอะๆได้เลย แม่ก็ยังคงค้นหาต่อไป
        จนในที่สุดก็มาเจอ online course ในเฟสของ ENGBRAIN โชว์ให้เห็นว่าสอน phonics  แม่ก็เลยลองทักไปคุยกับเพจนั้น โดยเริ่มจากคำถามว่า
          “น้องอายุเท่าไรคะ”
 “น้องอ่านออกเสียงแบบนี้ได้ไหมคะ”

         จากนั้นครูก็จะแนะนำวิธีเรียนที่ช่วยให้น้องพัฒนาด้านภาษาได้ไวมากยิ่งขึ้น ส่งเอกสารที่ใช้ในการเรียนการสอนมาให้ดู ส่งคลิปตัวอย่างของนักเรียนในคอร์สมาให้ดู และที่น่าสนใจคือราคาที่ถือว่าดี แค่หลักพันบาท กับคอร์สที่เรียนได้ตลอดชีพ แม่ไม่รอช้าสมัครเรียนทันทีไม่ต้องถามลูกเลยว่าชอบไหม 
        ตอนแรกที่ลงสมัครก็แอบคิดว่าจะเรียนจบไหม? จะดีไหม? แพร์จะชอบไหม? ถ้าต้องทิ้งคอร์สอีก ก็เสียดายเงินนะ
 จากนั้นก็เริ่มเรียน วันแรกที่ลงเรียน ครูโบว์ก็ส่งคลิป jolly phonics มาให้ดูและเต้นตามเพลงก่อน ระหว่างรอหนังสือส่งมาบ้าน
        ครั้งแรกที่เรียนแพร์ชอบมาก สนุกกับการเต้นตามเพลง jolly phonics และเดินมาบอกแม่ว่า “หนูชอบ หนูอยากเรียน” แม่นี่ดีใจสุดๆ แต่ก็คิดว่าต้องดูยาวๆไป
        จากนั้นหนังสือส่งมาถึงบ้าน แพร์ก็เริ่มเรียน group แรก เอาแล้วสิ เปิดตัวมาก็มี แบบทดสอบให้ผู้ปกครองทำ แล้วส่งคำตอบใต้คลิปเดี๋ยวครูมาตรวจ รวมถึงการบ้านการอ่านประโยคยาวๆส่งครู เพราะครูจะตรวจรูปปากของผู้ปกครอง โอ้ยยย อะไรของครูค่ะเนี่ย แม่เครียด  นี่ให้ลูกมาเรียนค่ะครู แม่ไม่ได้อยากเรียนเอง  แต่ก็เอาน่าส่งๆไป จะได้พาลูกเรียนต่อ
        การเรียนในคอร์สนี้หากติดปัญหาหรือมีคำถามก็สามารถถามครูโบว์ได้ ครูช่วยแนะนำดีมากและตรวจการบ้านละเอียดด้วย
        เรา2 แม่ลูกค่อยๆเรียนไปตอนกลางคืนก่อนนอน เกือบทุกคืน (มีแอบหายไปบ้าง) ก็เริ่มเห็นพัฒนาการว่าแค่เรียนกลุ่มแรกจบ แพร์อ่านได้แล้ว30 คำ จากนั้นก็ move มากลุ่ม 2,3,4 ก็ค่อยๆเริ่มขยับอ่านมาเป็น 60, 90, 1xx คำ ระหว่างเรียนออนไลน์แพร์รักครูโบว์มาก อยากเจอครูโบว์ตัวจริง
        ในที่สุดสิ่งที่แพร์หวังจะได้เจอครูโบว์ก็เป็นจริง เมื่อครูโบว์มาออกบูทที่พารากอน แพร์ก็ตามไปหาครูโบว์และได้เจอครูโบว์ตัวจริงสักที พร้อมกับคำมั่นสัญญาว่า “ถ้าอยากเจอครูโบว์ตัวจริง น้องแพร์ต้องเรียน phonics ให้ครบ 42 เสียงก่อน ถึงจะได้มาเรียนสดกับครูโบว์”
        จากคำสัญญาในวันนั้น น้องแพร์กลับมาบ้านมาตั้งใจเรียนให้จบ 42 เสียง จนในที่สุดแพร์ก็เรียนครบ 42 เสียง สิ่งที่ได้จากการเรียนในครั้งนี้คือแพร์เริ่มอ่านหนังสือนิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ ได้ด้วยตัวเอง

          Journey 4: ช่วงอายุ 5 ขวบกว่าๆ เข้า 6 ขวบ  กับการที่ต้องย้ายมาเรียน ป.1 ภาคภาษาอังกฤษ (EP)
         ช่วงนี้แม่จะเครียดมากเพราะแพร์มาเรียน EP ที่ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ 80% กลัวว่าลูกจะฟัง teacher รู้เรื่องไหม? จะสื่อสารได้ไหม? จะเรียนไหวไหม กังวลไปหมด
         แต่!! teacher ได้ feedback กลับมาว่าแพร์สื่อสารได้, ฟังคำสั่งต่างๆของ teacher ได้, พยายามตอบคำถาม teacher, มีความตั้งใจเรียนด้วย และประโยคที่ teacher บอกว่า “teacher ดูไม่ออกเลยว่าแพร์เป็นเด็กจาก Thai program” 
          มีแม่ๆในห้องหลายคน ที่ลูก ไปเล่าให้ฟังว่าแพร์อ่านภาษาอังกฤษออกแล้ว ก็มาถามว่าทำไมแพร์อ่านภาษาอังกฤษออกแล้ว ไปเรียนที่ไหนมาก่อนไหม ? แม่เลยตอบไปว่า “ENGBRAIN ของครูโบว์เลยจ้า”
          ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ครูโบว์ก็ได้เปิดคอร์สเรียนสด Grammarian 1 เพื่อต่อยอดการเรียน gramma ที่จะต้องเอาไปใช้ในชีวิตจริง แม่ก็มาถามแพร์ว่าอยากเรียนไหม ได้เรียนกับครูโบว์ตัวจริงนะ?
          แพร์รีบตอบกลับมาว่า “อยากเรียนค่ะ หนูอยากเจอครูโบว์” คือแพร์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า gramma คืออะไร เรียนทำไม ที่ลงเรียนเพราะอยากไปคุยกับครูโบว์ (ดูเหมือนเหงาเนอะลูก55) ไม่เน้นผลลัพธ์ เน้นไปเจอครูเท่านั้น สรุปบ้านเราก็ลงไปครบจบทั้ง3 level เลยจ้า
          ช่วงที่เรียนคอร์สนี้ ครูจะสอนการใช้ grammar เบื้องต้นให้ฟัง ที่สำคัญมีร้อง เล่น เต้น สนุกไปอีก รวมถึงมี guest ที่เป็น teacher native มาร่วมช่วยสอนด้วย ได้ฝึกฟังสำเนียงของจริง และฝึก speaking ไปด้วยจ้า ที่สำคัญ teacher หล่อมากและเก่งอีกต่างหาก 
          ผลลัพธ์ที่ได้จากการลงคอร์สนี้คือแพร์อ่านบทความภาษาอังกฤษได้ แปลเป็นไทยได้ อาจจะยังไม่เก่งมากนัก แต่ก็ไหวอยู่ และทำแบบฝึกหัด grammar ต่างๆ ได้
         เลยนำพามาสู่การลงสนามสอบภาษาอังกฤษ ที่ต้องสอบโดยการอ่านโจทย์เอง จากคะแนนเต็ม 80 ข้อ แพร์ทำได้ 75 ข้อ เลยได้เหรียญทอง แรกมาคล้องคอ และถือเป็นรางวัลแห่งความตั้งใจ ความพยายาม การทุ่มเท การฝึกฝนที่ยาวนาน ของเด็กหญิงแพร์ วัย 6 ขวบ ที่ทำได้แค่นี้แม่ก็ภูมิใจแล้ว

     Journey 5: ช่วงวัย 6 ขวบกว่าๆ กับคอร์ส Grammarian 2 อีก 3 level ที่เราลงคอร์ส รอยาวๆไป ไม่ต้องไปเที่ยวไหนกันแล้ว เพราะเรามีนัดกับครูโบว์ทุกวันเสาร์บ่าย 3 โมงเป็นต้นไป 
ซึ่งคอร์สนี้ก็ยังคงสนุกเหมือนเดิม  ผลลัพธ์ของคอร์สนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างนั้น ตัองมาคอยดูกันต่อไป สู้ๆ