น้องไปสมัครเพื่อเข้าเรียน โรงเรียนรุ่งอรุณ "รุ่งอรุณ" ปี 2566
1. ตอนไปสมัคร ไปเยี่ยมชมก็ยังไม่รู้สึกอะไร
2. แต่วันไปสัมภาษณ์ รู้ได้เลยว่า โรงเรียนไม่เป็นมิตรกับทุกคน เลือกปฎิบัติ และถ้าไม่ใช่แนวเดียวกันก็จะไม่แลตามอง
3. ก่อนหน้าลูกเราเรียนเนอรสฯที่เป็นแนวทางเดียวกันกับ รุ่งอรุณ และเนอรสฯ ที่ลูกเราเข้าไปนั้น มีครูที่เป็นเจ้าของ และลงมือดูแลสอนด้วยตนเอง เคยมีส่วนร่วมเคยทำแนวการเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียนรุ่งอรุณ ยังไม่ผ่านเลยค่ะ เหตุผลส่วนตัวนะเพราะ
4. เพราะโรงเรียนสัมภาษณ์ ผปค. และที่ผ่านไม่ผ่านอยู่ที่ ผปค.สามารถอยู่ร่วมกันเป็นแนวทางเดียวกันกับโรงเรียน ได้หรือไม่ ถ้า ผปค.มาแข็งๆ พูดจามั่นใจฉะฉาน แนวแบบหัวหน้าคน ก็ไม่จะไม่รับ เพราะคุมยาก ดังนั้น
5. ถ้าใครอยากให้ลูกได้เรียน ต้องมาแบบซื่อๆ เงียบๆ แบบผู้ดี น้ำเสียงนุ่มนวล (ต้องเฟคล่ะ)
6. ในวันสัมฯ ครูจะปล่อยฟรี ให้ ผปค.เล่นกับเด็ก ระหว่างนั้นครูจะคอยมองและให้คะแนน
7. หลังจากนั้น ครูจะเรียกสัมภาษณ์ ผปค และมีเวลา 10 นาทีสำหรับการสัมฯ
8. คำถามที่คุณแม่ได้รับการสัมภาษณ์วันนั้น คำถามคือ "มีอะไรจะถามไหมคะ"
9. ประโยคแบบนี้ เค้าเรียกว่าตัดสิทธิ์กันตั้งแต่แรกเลยล่ะ เดานะคะว่า "โรงเรียนมองสิ่งรอบตัวสภาพแวดล้อมทุกอย่าง มองว่าการที่จะเลือกครอบครัวสักครอบครัวมาอยู่ในรั้วโรงเรียน นั่นหมายความว่า เข้ากันได้ไหม ไปด้วยกันได้ไหม ให้ความร่วมมือได้ไหมมากน้อยแค่ไหน ในวันที่โรงเรียนมีกิจกรรม ผปค พร้อมไหม ทั้งเงิน ทั้งเวลา โดยวิธีการคัดก็จะคัดจากประวัติที่กรอก กรองมาก่อนแล้วให้คะแนน เสร็จแล้วพอวันสัมฯ ก็จะดูผปค หน้าตา ดูบุคลิกนิสัย ถ้ามาแบบมั่นใจในตัวเองมากล่ะก็ เข้ายาก เพราะจะทำให้ โรงเรียนคุมยาก เพราะหากรับเข้ามาแล้วโรงเรียนทำอะไรพลาดไปนิด หรือมีอะไรที่ขัดกันกับผปค ผปค ที่หัวแข็ง ภาวะผู้นำสูง มีเหตุผลมีหลักการ ก็จะไม่ยอม ก็จะทำให้ โรงเรียนต้องมาปวดหัวกับคนแบบนี้ สู้ไม่รับเลยดีกว่า เพราะตัวเลือกเยอะค่ะ นักเรียนมาสมัครต่อชั้นเยอะค่ะ"
10. และค่อนข้างมั่นใจว่า โรงเรียนดูจากประวัติที่กรอก มาพิจารณาด้วย คนไหนวันเกิดที่เป็นคนที่ภาวะผู้นำสูง ไม่ต้องไปให้เสียเงิน เสียเวลาหรอกนะคะ แม้นว่าจะร่ำรวยรายได้ต่อเดือนสูงแค่ไหน โรงเรียนก็ไม่รับหรอกค่ะ เพราะคนสมัครเยอะมาก ประมาณรับ 1 ต่อ 10 สู้โรงเรียนไปรับคนที่คุยกันถูกคอ ง่ายกว่าเยอะจะทำอะไรก็ง่ายไปหมด
11. ดังนั้นย้ำๆเลยค่ะว่า หากผปค คนไหน เป็นคนมั่นใจในตัวเองระดับปานกลางถึงมาก อาจไม่ต้องไปให้เสียเวลาค่ะ โรงเรียนรับเด็ก โดยการคัดเลือกจากตัว ผปค ค่ะ
จากด้านบนทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และคิดตรึกตรองนะคะ
รุ่งอรุณ สัมภาษณ์ผู้ปกครองนะ เพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียน
1. ตอนไปสมัคร ไปเยี่ยมชมก็ยังไม่รู้สึกอะไร
2. แต่วันไปสัมภาษณ์ รู้ได้เลยว่า โรงเรียนไม่เป็นมิตรกับทุกคน เลือกปฎิบัติ และถ้าไม่ใช่แนวเดียวกันก็จะไม่แลตามอง
3. ก่อนหน้าลูกเราเรียนเนอรสฯที่เป็นแนวทางเดียวกันกับ รุ่งอรุณ และเนอรสฯ ที่ลูกเราเข้าไปนั้น มีครูที่เป็นเจ้าของ และลงมือดูแลสอนด้วยตนเอง เคยมีส่วนร่วมเคยทำแนวการเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียนรุ่งอรุณ ยังไม่ผ่านเลยค่ะ เหตุผลส่วนตัวนะเพราะ
4. เพราะโรงเรียนสัมภาษณ์ ผปค. และที่ผ่านไม่ผ่านอยู่ที่ ผปค.สามารถอยู่ร่วมกันเป็นแนวทางเดียวกันกับโรงเรียน ได้หรือไม่ ถ้า ผปค.มาแข็งๆ พูดจามั่นใจฉะฉาน แนวแบบหัวหน้าคน ก็ไม่จะไม่รับ เพราะคุมยาก ดังนั้น
5. ถ้าใครอยากให้ลูกได้เรียน ต้องมาแบบซื่อๆ เงียบๆ แบบผู้ดี น้ำเสียงนุ่มนวล (ต้องเฟคล่ะ)
6. ในวันสัมฯ ครูจะปล่อยฟรี ให้ ผปค.เล่นกับเด็ก ระหว่างนั้นครูจะคอยมองและให้คะแนน
7. หลังจากนั้น ครูจะเรียกสัมภาษณ์ ผปค และมีเวลา 10 นาทีสำหรับการสัมฯ
8. คำถามที่คุณแม่ได้รับการสัมภาษณ์วันนั้น คำถามคือ "มีอะไรจะถามไหมคะ"
9. ประโยคแบบนี้ เค้าเรียกว่าตัดสิทธิ์กันตั้งแต่แรกเลยล่ะ เดานะคะว่า "โรงเรียนมองสิ่งรอบตัวสภาพแวดล้อมทุกอย่าง มองว่าการที่จะเลือกครอบครัวสักครอบครัวมาอยู่ในรั้วโรงเรียน นั่นหมายความว่า เข้ากันได้ไหม ไปด้วยกันได้ไหม ให้ความร่วมมือได้ไหมมากน้อยแค่ไหน ในวันที่โรงเรียนมีกิจกรรม ผปค พร้อมไหม ทั้งเงิน ทั้งเวลา โดยวิธีการคัดก็จะคัดจากประวัติที่กรอก กรองมาก่อนแล้วให้คะแนน เสร็จแล้วพอวันสัมฯ ก็จะดูผปค หน้าตา ดูบุคลิกนิสัย ถ้ามาแบบมั่นใจในตัวเองมากล่ะก็ เข้ายาก เพราะจะทำให้ โรงเรียนคุมยาก เพราะหากรับเข้ามาแล้วโรงเรียนทำอะไรพลาดไปนิด หรือมีอะไรที่ขัดกันกับผปค ผปค ที่หัวแข็ง ภาวะผู้นำสูง มีเหตุผลมีหลักการ ก็จะไม่ยอม ก็จะทำให้ โรงเรียนต้องมาปวดหัวกับคนแบบนี้ สู้ไม่รับเลยดีกว่า เพราะตัวเลือกเยอะค่ะ นักเรียนมาสมัครต่อชั้นเยอะค่ะ"
10. และค่อนข้างมั่นใจว่า โรงเรียนดูจากประวัติที่กรอก มาพิจารณาด้วย คนไหนวันเกิดที่เป็นคนที่ภาวะผู้นำสูง ไม่ต้องไปให้เสียเงิน เสียเวลาหรอกนะคะ แม้นว่าจะร่ำรวยรายได้ต่อเดือนสูงแค่ไหน โรงเรียนก็ไม่รับหรอกค่ะ เพราะคนสมัครเยอะมาก ประมาณรับ 1 ต่อ 10 สู้โรงเรียนไปรับคนที่คุยกันถูกคอ ง่ายกว่าเยอะจะทำอะไรก็ง่ายไปหมด
11. ดังนั้นย้ำๆเลยค่ะว่า หากผปค คนไหน เป็นคนมั่นใจในตัวเองระดับปานกลางถึงมาก อาจไม่ต้องไปให้เสียเวลาค่ะ โรงเรียนรับเด็ก โดยการคัดเลือกจากตัว ผปค ค่ะ
จากด้านบนทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และคิดตรึกตรองนะคะ