สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ทางออกคือ คุยกัน ที่จริงแฟนคุณก็ไม่ผิดมากมายอะไร
เขาแค่มั่นใจในรถที่เขาขับบ่อยที่สุด แต่คุณเองไม่กล้าขัดใจเขา
เขาอยากได้แบบนี้ เขาก็ต้องได้ ทำไมคุณไม่บอกเขาเลยละว่า
"นั่งรถทัวร์ไปได้ไหม ? พอดีว่า ต้องใช้รถนะ " จะได้ดูท่าทีเขาด้วย
ปัญหาคือ คุณไม่กล้าพูด ไม่กล้าขัดใจ กลัวแฟนจะนอยด์ ความสัมพันธ์ไม่ดี
เลยเลือกที่จะแบกความไม่สบายใจเอาไว้คนเดียว ซึ่งมันไม่โอเค
เป็นแฟนกันต้องคุยกันให้ได้ทุกเรื่องนะ คุณอยากใช้รถก็บอกเขาไป
เขาแค่มั่นใจในรถที่เขาขับบ่อยที่สุด แต่คุณเองไม่กล้าขัดใจเขา
เขาอยากได้แบบนี้ เขาก็ต้องได้ ทำไมคุณไม่บอกเขาเลยละว่า
"นั่งรถทัวร์ไปได้ไหม ? พอดีว่า ต้องใช้รถนะ " จะได้ดูท่าทีเขาด้วย
ปัญหาคือ คุณไม่กล้าพูด ไม่กล้าขัดใจ กลัวแฟนจะนอยด์ ความสัมพันธ์ไม่ดี
เลยเลือกที่จะแบกความไม่สบายใจเอาไว้คนเดียว ซึ่งมันไม่โอเค
เป็นแฟนกันต้องคุยกันให้ได้ทุกเรื่องนะ คุณอยากใช้รถก็บอกเขาไป
ความคิดเห็นที่ 15
เพราะคุณบอกเองว่าเป็นรถของเราสองคน ทีนี้เค้าเลยใช้สิทธิ์นั้นแบบเต็มที่เลย
แต่ในข้อนี้เราเข้าใจคุณนะคือรักแฟนไง หวังดี แต่ก็ไม่นึกว่าจะใช้รถคุณ จนเจ้าของรถเองต้องมาลำบากขนาดนี้
แนะนำนะไม่ต้องสปอยแฟน ช่วงที่คุณอยู่คุณมีสิทธิ์ใช้รถคันนี้เต็มที่ ถ้าเค้าไม่มั่นใจเรื่องการขับรถเช่าอีกคันให้กลับรถทัวร์แทน
(แฟนคุณรู้สึกไม่ดีแน่ๆ แต่ทนไปคุณก็รู้สึกไม่ดีแน่ๆเหมือนกัน เอาเท่าที่ไหวดีกว่าทนไปเรื่อยๆแล้วเกลียดกัน)
แล้วก็ที่คุณไปอยู่ห้องแฟนแค่10วันก็จริง คุณช่วยเค้าออกค่าน้ำไฟบ้างดีกว่าหรือไม่ต้องค้างไปเลยดีกว่าค่ะ ไม่งั้นมันก็พูดอะไรได้ไม่เต็มปาก
เพราะก็พึ่งพากันทั้งคู่ เข้าใจว่าคนเป็นแฟนกันก็ไม่อยากมาคิดจุกจิกเรื่องเงินๆทองๆ แต่พอมันล้ำเส้นกันเกินไป
มันก็เกิดปัญหาแบบที่คุณกำลังรู้สึกอยู่เนี่ย ทำให้เค้ารู้ว่าเราเกรงใจเค้า ซึ่งเค้าต้องเกรงใจเราเหมือนกัน
แต่ในข้อนี้เราเข้าใจคุณนะคือรักแฟนไง หวังดี แต่ก็ไม่นึกว่าจะใช้รถคุณ จนเจ้าของรถเองต้องมาลำบากขนาดนี้
แนะนำนะไม่ต้องสปอยแฟน ช่วงที่คุณอยู่คุณมีสิทธิ์ใช้รถคันนี้เต็มที่ ถ้าเค้าไม่มั่นใจเรื่องการขับรถเช่าอีกคันให้กลับรถทัวร์แทน
(แฟนคุณรู้สึกไม่ดีแน่ๆ แต่ทนไปคุณก็รู้สึกไม่ดีแน่ๆเหมือนกัน เอาเท่าที่ไหวดีกว่าทนไปเรื่อยๆแล้วเกลียดกัน)
แล้วก็ที่คุณไปอยู่ห้องแฟนแค่10วันก็จริง คุณช่วยเค้าออกค่าน้ำไฟบ้างดีกว่าหรือไม่ต้องค้างไปเลยดีกว่าค่ะ ไม่งั้นมันก็พูดอะไรได้ไม่เต็มปาก
เพราะก็พึ่งพากันทั้งคู่ เข้าใจว่าคนเป็นแฟนกันก็ไม่อยากมาคิดจุกจิกเรื่องเงินๆทองๆ แต่พอมันล้ำเส้นกันเกินไป
มันก็เกิดปัญหาแบบที่คุณกำลังรู้สึกอยู่เนี่ย ทำให้เค้ารู้ว่าเราเกรงใจเค้า ซึ่งเค้าต้องเกรงใจเราเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
แฟนใช้รถเราเหมือนรถตัวเอง ควรทำยังไงดี
เรื่องของเรื่องคือ เราเป็นสจ๊วตสายการบินนึงครับ ต้องมาประจำอยู่ที่ต่างจังหวัด (แต่บ้านอยู่กรุงเทพ) จนปีที่แล้วได้มาเจอกับแฟน(ผู้ชาย) ที่นี้ ซึ่งเค้าก็ทำงานสนามบินที่ประจำจังหวัดนี้เหมือนกัน พอเราทำงานมาได้สักระยะ เราก็รู้สึกว่ามันเดินทางไม่ค่อยสะดวก เพราะค่าเดินทางแพงมาก แล้วก็เช่ารถบ่อยมากจนตัดสินใจซื้อรถเพื่อมาใช้งานครับ (ช่วงก่อนซื้อรถแฟนก็พาซ้อนมอไซค์เค้าไปนู่นนี่นั่นนะครับ แต่เรากลัวการนั่งมอไซค์บนถนนใหญ่ เพราะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน เลยเลือกที่จะเช่ารถบ่อยๆ )
ตอนซื้อรถก็ซื้อที่กรุงเทพฯ แล้วขับลงมา แฟนก็ขึ้นไปรับเพื่อช่วยขับลงมาด้วย (แฟนพึ่งขับรถเป็นอะครับ เลยให้ช่วยนิดหน่อย) เราไม่อยากให้เค้ารู้สึกว่าเราดีไปกว่าเค้า เลยบอกไปว่าก็เอารถไปใช้ด้วยกัน เป็นรถของเราสองคนนะ (แฟนมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะตกงานช่วงโควิด เลยติดเครดิตบูโร แล้วที่บ้านเค้าก็ไม่ได้มีฐานะอะไรอะครับ ซึ่งส่วนตัวเราไม่ติดเรื่องนี้นะ เพราะเค้าก็ดูแลเอาใจใส่เราดีมากๆ เลี้ยงข้าวบ่อยๆ ซื้อของให้เรื่อยๆ ก่อนที่จะรู้ว่าเราจะซื้อรถ)
เวลาเราไปบิน เราออกไปต่างประเทศครั้งละประมาณ 1-2 อาทิตย์โดยแฟนจะขับรถไปส่งที่สนามบิน แล้วเราก็ไม่มีปัญหากับการที่แฟนเราจะเอารถไปใช้นะ เพราะถ้าจอดไว้ กลัวมันสตาร์ทไม่ติด ก่อนหน้านี้เค้าก็เอาไปซื้อของภายในตัวจังหวัดหรือไปเที่ยวกับเพื่อนระยะใกล้ๆ เนี่ยละครับ
จนวันนึงเราก็ทำเรื่องเช่าที่จอดรถสนามบินรายเดือน เพราะคิดว่า ไหนๆ เค้าก็ใช้รถอยู่แล้ว ก็เอาไปทำงานด้วยเลยก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องตากแดดจากฝนไปทำงาน (เค้าเป็นคนจ่ายค่ารายเดือนเองนะครับ) แต่เวลาเรากลับมาเค้าก็จะเอามอไซค์ไปทำงานแทน
หลังจากนั้นเค้าก็เอาไปใช้ ซึ่งเราก็ไม่ติดอะไรนะ เพราะเค้าดูแลรถเราดีมาก มีคราบยางมะตอยก็มาขัดออก เอารถไปล้าง ดูแลดีกว่าเราอีก 55555 (แต่เราเป็นคนจ่ายค่าเช็คระยะ กับค่าผ่อนรถรายเดือน)
แต่มันเริ่มจากอยู่ๆ วันนึงเค้าก็มาบอกว่า จะขอเอารถกลับไปหาแม่ที่บ้าน (ห่างออกไปประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ในใจเรารู้สึกว่า 1. เป็นห่วงเค้าเพราะพึ่งขับรถคล่องได้ไม่ถึงปีนึงดี 2. ก่อนหน้านี้ก็นั่งรถทัวร์กลับบ้านได้นิ ทำไมไม่นั่งกลับไป แต่ช่วงนั้นเราต้องไปบินพอดี เลยบอกว่า ให้หาเพื่อนนั่งไปด้วย เป็นห่วง
แล้วพอผ่านๆ ไปสักระยะ เค้าก็เริ่มใช้รถเราเหมือนรถตัวเองมากขึ้น เราซึ่งเป็นคนผ่อนรถ เดือนๆ นึงจะอยู่ใช้รถตัวเองไม่เกิน 2 อาทิตย์(โดยเฉลี่ย ประมาณอาทิตย์นึงด้วยซ้ำ) เพราะก็ต้องกลับบ้านที่กรุงเทพด้วย
เดือนที่แล้วเค้าต้องกลับบ้านหลายรอบ เค้าก็เอารถเราไปทุกรอบ เราก็รู้สึกไม่ค่อยโอเค เพราะ % การใช้รถมันอยู่ที่เค้ามากกว่าเราเยอะไปมั้ยนะ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนผ่อน (เคยคิดจะให้เค้าช่วยผ่อน แต่เงินเดือนเค้าไม่เยอะขนาดนั้น )
มีอยู่ครั้งนึงเราก็กลับมาอยู่กับเค้า แล้วเค้าต้องกลับบ้านอีก แล้วให้เราใช้รถอีกคัน (ซึ่งหุ้นกับแฟนซื้อมาไว้ปล่อยเช่าโดยใช้ชื่อเราออกรถ) ในใจเรารู้สึกว่าเราอยากใช้รถของเราบ้างอ่ะ แต่เค้าก็บอกว่าเค้ามั่นใจในรถเรามากกว่าคันที่ซื้อมาปล่อยเช่าซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ เพราะความปลอดภัยมันดีกว่าสำหรับการขับระยะไกล เราก็ต้องใช้รถคันที่เอาไว้ปล่อยเช่าไป โดยมันตะหงิดๆ อยู่ในใจ ว่าทำไมเราต้องมาใช้คันนี้ด้วยอ่ะ
จนกระทั่งอาทิตย์หน้าที่มีเลือกตั้ง เค้าก็จะเอารถกลับไปบ้านอีกเพื่อเลือกตั้ง เราอะซัพพอร์ตนะที่เค้าจะกลับไปเลือกตั้ง แต่วันนั้น รถคันที่ปล่อยเช่าก็ติดคนเช่า แล้วเราก็จะไม่มีรถใช้ไปไหนมาไหน มันทำให้เราแอบคิดว่า ทำไมเราต้องมาลำบาก ในขณะที่เค้าเอารถเราไปใช้ด้วยอ่ะ เค้าก็นั่งรถทัวร์ไปก็ได้มั้ย ไม่เหนื่อยด้วย
เราเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่าอะครับ? หรือเรายอมเค้ามากเกินไป?
ทุกวันนี้เวลากลับมาที่จังหวัดนี้ เราก็มาอยู่ห้องเค้านะ ไม่เคยช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าห้องเลย เพราะเค้าเช่าอยู่แล้ว (เราอยู่ เดือนนึงไม่ถึง 10 วัน) และเราก็ยังแชร์ค่าหอกับเพื่อนไว้อีกทีนึง เผื่อวันไหนเลิกลากันขึ้นมาเราจะได้มีทางหนีทีไล่ คบกันมายังไม่ถึงปี มันก็ยังมีจุดที่ไม่ค่อยมั่นใจอยู่บ้างอะครับ