เรื่องโลกพเนจร ตอน : เปิดโลกพเนจร 1

แสงสีขาว สว่างจ้าเปล่งเป็นประกายพรึกเจิดจรัส พร้อมกับร่างร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด ด้วยเพราะแสงสว่างนั้นจ้าเกินไปเลยทำให้มองเห็นได้ไม่ค่อยชัด แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่ทำให้ผมก้มลงกราบอย่างนอบน้อมในทันที มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติตามสัญชาตญาณ หรือ อนุสติเดิม ด้วยรู้สึกได้ว่าเหมือนเคยรู้จักหรือคุ้นเคยกันมาแต่เก่าก่อน
“มาแล้วเหรอลูกพ่อ”
กระแสเสียงอันเปี่ยมล้นด้วยความเมตตากรุณา ถามทักขึ้นมาให้ได้ยิน
“ครับลูกมาแล้ว”
“จำได้ไหมว่าลูกลงมาทำหน้าที่อะไร”
“ตอนนี้ยังจำไม่ได้ครับ”
“พ่อจะบอกให้ว่าลูกลงมาเพื่อทำสิ่งใด "
 ลูกเป็นหนึ่งในองค์เทพ ที่รับอาสาลงมาทำหน้าที่ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่ดวงวิญญาณอาทิสมานกาย ในภพภูมิต่างๆ จากเหตุการณ์ภัยพิบัติล้างโลก
มีเหล่าทวยเทพเทวดาที่มีอิทธิฤทธิ์มาก ขออาสามาทำหน้าที่นี้นับเป็นหมื่นๆ องค์ แต่ที่ได้รับเลือกมีอยู่แค่ 10 องค์ แบ่งเป็น สายมหาปราบ 5 องค์ สายเมตตา 5 องค์ โดยถูกคัดเลือกจากเหล่าทวยเทพชั้นอำมาตย์ของท่านท้าวอมรินทร์เทวาธิราช ที่ได้ช่วยกันคัดมาแล้วมั่นใจว่า เทพองค์นั้นๆ เหมาะสมและสามารถลงมาทำหน้าที่นี้ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ...ลูก
หลังจากนี้ลูกจะถูกเปิดจักระ “ตาที่สาม” แต่นี้ต่อไปสิ่งที่ลูกไม่เคยรู้จะได้รู้ ไม่เคยเห็นจะได้เห็น ไม่เคยเจอก็จะได้เจอ ขอให้ลูกโชคดี และสามารถทำภารกิจที่สำคัญนี้ได้สำเร็จ
ซึ่งรางวัลที่จะได้รับเป็นสิ่งที่ ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ ปรารถนานั่นก็คือ “นิพพาน”

‘พ่อรอลูกอยู่นะ’

จากนั้นแสงสว่างก็เจิดจ้าขึ้นมากกว่าเดิมมากจนมองไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย

ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นอนทบทวนความฝันแปลกๆ ที่ฝันตอนใกล้รุ่งสาง
" สิ่งที่ไม่เคยรู้จะได้รู้ ไม่เคยเห็นจะได้เห็น ไม่เคยเจอก็จะได้เจอ "
ประโยคนี้ยังดังก้องอยู่ในหัว แต่คิดไปคิดมามันก็แค่ความฝัน

พรางนึกในใจ
“เราโชคดีที่ตื่นขึ้นมามีชีวิตอยู่อีกวัน แต่ก็เข้าใกล้ความตายไปอีก 1 วัน!”
พอบอกกับตัวเองเสร็จก็ยันกายลุกขึ้นจากที่ซุกหัวนอนที่มีเพียงผ้าปูพื้นแทนฟูก ไม่ได้ใช้เตียงนอนและไม่ได้กางมุ้งเพราะใช้วิธีนอนแบบกางเต็นท์!!เอา
“แก๊ก” 
เสียงเปิดพัดลมตัวใหญ่เพื่อช่วยระบายอากาศภายในบ้านให้เย็นขึ้นจากความร้อน
เดือนเมษายนของประเทศไทยอากาศมักจะร้อนจัด ข่าวการเสียชีวิตจากฮีทสโตรกก็เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีทั้งดารา นักการเมือง และ คนธรรมดา!!

“แก้วกาแฟหายไปไหน?” ผมพึมพำ พลางกวาดสายตามองหาแก้ว..ใบเขื่อง! ที่ใช้อยู่ทุกวัน แต่เหมือน “เส้นผมบังภูเขา” เพราะมันวางอยู่หน้า กาน้ำร้อนแท้ๆ กลับหาไม่เจอ? หลังจากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าแก้วได้ก็รีบดิ่งไปชงกาแฟทันทีตามประสาคนติด… คาเฟอีน!
“จ้อก จ้อก จ้อก” 
เสียงน้ำร้อนกระทบกับแก้วเซรามิก ที่มีผงกาแฟนอนรอผสมอยู่ก่อนแล้ว!? น้ำกาแฟดำสนิทสีเข้ม ส่งกลิ่นหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูก!? ใช่!? ผมดื่มกาแฟดำ
เพราะมันช่วยกระตุ้นความจำ ทำให้ฉลาดขึ้น แถมยังช่วยลดน้ำหนัก และที่สำคัญยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย!?

พอถ่ายหนักถ่ายเบาเสร็จ? ท้องก็เริ่มร้องหาอาหารขึ้นทันที! ผมมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่จะมาประทังชีวิตให้รอดไปอีกหนึ่งวัน! พลันสายตาก็เหลือบเห็นไข่ไก่ที่ซื้อไว้เมื่อวันก่อนนอนแน่นิ่งในถุงพลาสติกสีขาวใส?
“ล่อไข่ต้มล่ะวะวันนี้” พูดเสร็จก็เริ่มลงมือทำอาหารเช้ามาเลี้ยงกายทันที

“ปอดปอดปอดปอดปอด” 
เสียงน้ำเดือดเมื่ออุณหภูมิความร้อนถึง100องศา ไม่รอช้าเริ่มหย่อนไข่ไก่ทีละลูกลงไปในหม้อน้ำร้อนเดือด
ถ้าใครชอบไข่แบบยางมะตูมก็ต้มประมาณ4นาที แต่ถ้าชอบสุกทั้งใบก็ต้ม10นาที

จัดการอาหารมื้อเช้าไปแบบพอเพียงอย่าง "สันโดษ" กินง่ายอยู่ง่ายมีอะไรก็กินอันนั้น เท่านี้ชีวิตก็โอเคแล้ว

กิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ในแต่ล่ะวันนั่นก็คือ การส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเอง เช็คดูว่ามีตรงไหนสึกหรอ ผุกร่อน เสื่อมพัง ลงไปบ้าง
“โอ่โห้!” 
ผมอุทานออกมา เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ในกระจกนั้นก็คือ? ชายหนุ่มที่มีหนวดเครายาวรุงรัง ยังกับ"ลิงอุรังอุตัง"
“โจร 500” 
สาบานได้คิดแบบนั้นจริงๆ 
"razor เธออยู่ไหน" ผมเรียกหามีดโกนหนวด!
“อยู่นี้เอง” เธอนอนทอดปลีน่องอันอวบอัด!? เหลืองอ๋อย รอให้ใช้สอยอยู่บนชั้นวางของนั่นเอง ไม่รอช้ารีบหยิบเธอขึ้นมาเพื่อจัดการกับหนวดเคราที่รกยาวยังกะ "ป่าชัฏ" ทันที
“แกร๊ก “
“โอ๊ย” ผมร้องออกมา ให้ตายเถอะหนวดเคราโกนไม่เข้า? 
“ใช้ได้อยู่สี่ห้าครั้งไม่คมอีกละ” บ่นออกมาอย่างหัวเสียที่มีดโกนหนวดยี่ห้อดังพึ่งซื้อมาแต่กลับใช้งานได้ไม่กี่ครั้ง

“'เอาใบมีดด้านตรงกันข้ามกับคม ถูดันขึ้นกับแขนตัวเองดูสิ'” 
จะเป็นด้วยอุปาทานหรือหูแว่ว!? เพราะได้ยินประโยคนี้ลอยขึ้นมากระทบโสตประสาท ไม่สิ? น่าจะได้ยินเสียงจากในจิตตัวเองมากกว่า ผมเริ่มสับสน?

"สิ่งที่ไม่เคยเจอก็จะได้เจอ"
คำนี้ดังลอยขึ้นมาในหัวทันที!

ถึงจะไม่ใช่คนว่านอนสอนง่ายนัก แต่ก็ลองทำตามดู? โดยการเอามีดโกนหันหน้าใบมีดเข้าหาแขนตัวเอง แล้วเอา “ด้านตรงกันข้ามกับคม” ถูกับแขนตัวเองในลักษณะการ “ดันขึ้น” ประมาณสิบกว่าครั้งแล้วก็เอาไปล้างน้ำ หลังจากนั้นก็ลองนำมาใช้งาน
“เฮ้ย! ใช้ได้” 
ผมร้องอย่างตื่นเต้นกึ่งประหลาดใจ เพราะจากมีดที่ทื่อกลับมามีคมได้อีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อ?! พลางนึกถึงเสียงปริศนา ที่บอกวิธีการทำ? แต่ช่างมันเถอะ ตัดความสงสัยออกจากหัวไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็ได้พาตัวเองมายืนมองดูเสื้อผ้าที่ราวแขวน "เอ? วันนี้ใส่เสื้อตัวไหนดี" ..ใส่ตัวสีขาวดีกว่า 
“ใช่” อากาศร้อนแบบนี้ต้องใส่เสื้อ  “สีขาว” ดีที่สุด เพราะนักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมศึกษาแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นได้ทำการทดลองแล้วสรุปว่า
สีขาวยืนหนึ่ง! ในการป้องกัน “ฮีทสโตรก” ได้ดีที่สุด

ตื๊ดดดด…ตื๊ดดดด…ตื๊ดดดด
เสียงมือถือสั่นเตือนดังขึ้น
“ฮัลโหลครับ” 
“เคอรี่ครับพี่ มีพัสดุมาส่งครับ” 
“อ๋อครับผม” 
“พี่อยู่บ้านไหมครับ” 
“อยู่ครับ” 
“ครับพี่ อีกสักพักผมไปถึงครับ” 
ประมาณไม่ถึง 10 นาทีพนักงานเคอรี่ก็มาถึง พอส่งของเสร็จก็ขับรถคันสีส้มออกไปทันที

พัสดุที่ได้รับมีอยู่ 2 กล่อง ผมยืนมองดูอย่างสงสัย? มันคืออะไร.. เลยใช้มีดจัดการกรีดฝากล่องเพื่อคลายความสงสัยทันที พอฝากล่องพัสดุเปิดอ้าออกทั้ง 2 ข้าง สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นก็คือ?
“มะยงชิด” 
ใช่แล้วมันคือมะยงชิดทูลเกล้าฯลูกโต สีเหลืองอ่องต่อง? 
“เอ่อใช่” แม่ Line มาบอกไว้เมื่อวานจะส่งมะยงชิดมาให้นี่นา ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เบิ๊ดกะโหลกตัวเองเบาๆ หนึ่งทีโทษฐานเป็น"อัลไซเมอร์"อ่อนๆ 
แม่ยังไงก็คือแม่ ยังรักและเป็นห่วงลูกอยู่เสมอ

พลันสายตาเหลือบไปมองดูนาฬิกา “เอ๊า”  สิ่งที่เห็นนั่นคือ เข็มยาวชี้เลข 11 เข็มสั้นใกล้ชี้เลข 12
ผมหันหน้าไปมาเพื่อมองหาบางสิ่งบางอย่าง?
“แฮรี่ แฮรี่ ” 
เรียกหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่แทนที่จะลุกขึ้นแสดงตัวให้พ่อมันเห็น กลับนอนทำเฉยเหมือนว่าโลกนี้ยังไม่แตก! ซะหน่อย

แฮรี่ เขาเป็นสุนัขสายพันธ์ุ ไซบีเรียน ฮัสกี ผสม โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ตัวสีดำมะเมี่ยมปนสีขาวเล็กน้อย

“แฮรี่ ลุกเร็ว” 
ผมออกคำสั่งกับลูกชายต่างสปีชีส์ แทนที่จะรีบลุกกลับหันหน้ามามองแล้วยิ้มลิ้นห้อย เลยไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยืนกอดอกมองดูอย่างระอา
ทั้งดื้อ มึน และ ซน นี่ล่ะเขาล่ะ …ไซบีเรียน?! ใจดี เป็นมิตรกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งขโมย!? เขาล่ะ…โกลเด้น!
แล้ว 2 สายพันธ์นี้ดันมารวมอยู่ในร่างเดียวกัน นั่นคือ…เจ้าแฮรี่!!!

“ลุกเร็วพ่อจะพาไปเที่ยว” พอได้ยินคำว่า “เที่ยว” เจ้าลูกชายตัวดีก็ดีดตัวลุกขึ้นอย่างเร็วเหมือนใครกดสปริงไว้แล้วปล่อยออก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” 
เสียงหอบหรือคล้ายเสียงหัวเราะของแฮรี่ดังขึ้นเมื่อรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว จากนั้นก็เดินส่ายก้นอาดๆ เข้ามาหา หางเป็นพวงฟูส่ายไปมาพร้อมกับยิ้มลิ้นห้อยสีแดงอมชมพูยาวเป็นคืบ!!  ตามสไตล์ 

สุนัขจะมีเสียงที่คล้ายเสียงหัวเราะคือเสียงหอบหรือเสียงหายใจแรง เวลาที่จะได้ออกไปเล่นหรือออกไปเที่ยว

ผมหยิบสายจูงขึ้นมาล็อกเข้ากับปลอกคอของ..แฮรี่
“ไปลูก” 
หลังจากนั้น พ่อคน ลูกหมา!!? ก็พากันเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ เพื่อที่จะเข้าไปทำธุระในตัวเมือง...

                      .......................................................................................

สวัสดีครับ ผมพึ่งเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดหรือควรแก้ไขส่วนไหนช่วยแนะนำด้วยน่ะครับ จะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น ขอบคุณครับ…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่