อยากเสนอให้ทีมไทยสร้างแบบจำลอง ทดลองการเล่นในที่ที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ เสียงดัง เสียงโห่ไล่

กระทู้คำถาม
เท่าที่สังเกตุนักจิตวิทยาบ้านเราจะใช้การ Meditationในที่เงียบๆ ที่สร้างสมาธิได้ง่าย
แต่ในสถานการณ์จริงของนักกีฬา เราไม่สามารถหลบเลี่ยงวัฒนธรรมการเชียร์
ความกดดันด้วยเสียงได้ด้วยการเปลี่ยนสถานที่ไปนั่งเงียบๆแบบนั้นได้
ทีมที่ทำได้ดีกับเสียงโห่ เสียงไล่ เช่นทีม จีน เกาหลีใต้ บราซิล สหรัฐอเมริกา
ด้วยเพราะส่วนนึงคิดว่าพื้นฐาน
เป็นสังคมที่สื่อสารกันตรงไปตรงมา เสียงดัง
ดังกันตั้งแต่การคุยในบ้าน เช่นคนจีน  ไฟต์กันยันออกมาขับรถ เพื่อแย่งเลนกันบนถนนในปักกิ่ง หรือ เซี่ยงไฮ้
ทุกนาทีคือสภาวะแข่งขัน
ทีมพวกนี้จะเคยชินกับสถานการณ์ที่ต้องแข่งขันแบบนี้ ตั้งแต่วัฒนธรรมภายในบ้าน 

วัฒนธรรมคนไทยจะสอนให้คุยกันเบาๆ พูดอ้อมๆ ไม่ไฟต์แรง ไม่ประทะ สกิลการทำสมาธิ ตั้งสมาธิ
ในสภาวะในพื้นที่ ที่มีสภาวะแวดล้อมที่ "ต่างออกไป" และกดดันกว่าปกติของเราจึงไม่ได้รับการฝึกบ่อยๆนัก

อยากให้สมาคมสร้างสภาวะจำลองให้กดดันทั้ง เข่นเสียงเชียร์ เสียงลำโพงที่ดังกว่าปกติ เสียงรบกวน Noises  เสียงรบกวนสมาธิหลายรูปแบบ
แล้วเก็บผลคลื่นความถี่สมอง ประมวลพัฒนาการอีกครั้ง

ปัญหานี้เป็นปัญหาทั้งทีมชายทีมหญิง ที่เป็นกีฬาแมส ทั้งวอลเลย์บอล ฟุตบอล แผ่วครึ่งหลัง แผ่วสามเซ็ตหลัง ใจเสียจากกองเชียร์เจ้าบ้าน
เพราะเราเจอกองเชียร์ในบ้านที่มีมารยาทพอสมควรตลอด กลับกันนักกีฬากอล์ฟหรือแบตเราไปได้ไกล มาก สถานที่เงียบไม่คับขัน
กองเชียร์ก็คัดมาตามราคามูลค่าการตลาด ซึ่งความกดดันคือการสู้กับตัวเองเท่านั้น แต่พอเป็นกองเชียร์ต่างวัฒนธรรม นักกีฬาเราแทบจะตั้งหลักกันไม่ได้ในสภาวะที่เสียงดัง ไม่ระบายอารมณ์กับตัวเองแบบทีมหญิงหรือชายจีน (ว๊ากกลับ)  แต่เก็บกดไว้ในตัว ออกทางสีหน้าแทน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่