คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าไปต่างประเทศ(ที่ไม่ใช่ไปเที่ยว) เค้าไม่นับอายุใบอนุญาตให้เป็นทนายความรวมในอายุงานนะคะ
ส่วนตัวคิดว่าถ้าไป WAH ได้ ก็ไปเถอะ ภาษาดี กลับมาทำเฟิร์มก็ได้ มีทางเลือกเพิ่ม เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะสอบเนติหรืออัยการผู้ช่วยผ่านในปีแรกที่ลงสนาม
จะบอกว่าส่วนตัวไม่ชอบการเก็บคดีเลย วิธีการให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติของการสมัครสอบก็ไม่สุจริตแล้ว ซึ่งทุกคนรู้กันดี กี่ % ที่ทำคดีเองจริง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วได้คดีครบใน 2 ปี
แนะนำให้ไป WAH แต่ไม่ต้องทำตามก็ได้
ส่วนตัวเห็นว่ามีประโยชน์กว่าการอยู่ไทย แต่ก็ต้องดูเรื่องการเงินด้วยว่ามีปัญหาไหม แนะนำอีกอย่างคือไปฝากตัวสำนักงานทนายทำคดีจริง ๆ จัง ๆ ด้วยจะดีมาก จะได้เก็บคดีที่ทำจริง ๆ แล้วก็ได้ดูการทำงานจริง ๆ ในศาล
ส่วนตัวคิดว่าถ้าไป WAH ได้ ก็ไปเถอะ ภาษาดี กลับมาทำเฟิร์มก็ได้ มีทางเลือกเพิ่ม เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะสอบเนติหรืออัยการผู้ช่วยผ่านในปีแรกที่ลงสนาม
จะบอกว่าส่วนตัวไม่ชอบการเก็บคดีเลย วิธีการให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติของการสมัครสอบก็ไม่สุจริตแล้ว ซึ่งทุกคนรู้กันดี กี่ % ที่ทำคดีเองจริง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วได้คดีครบใน 2 ปี
แนะนำให้ไป WAH แต่ไม่ต้องทำตามก็ได้
ส่วนตัวเห็นว่ามีประโยชน์กว่าการอยู่ไทย แต่ก็ต้องดูเรื่องการเงินด้วยว่ามีปัญหาไหม แนะนำอีกอย่างคือไปฝากตัวสำนักงานทนายทำคดีจริง ๆ จัง ๆ ด้วยจะดีมาก จะได้เก็บคดีที่ทำจริง ๆ แล้วก็ได้ดูการทำงานจริง ๆ ในศาล
แสดงความคิดเห็น
ทำงานสายกฎหมายในไทย หรือไปต่างประเทศดีครับ
ระหว่าง อยู่ไทย สอบตั๋วทนาย สอบเนติ เก็บอายุงาน 2 ปี แล้วเก็บคดี 25 คดี เพื่อให้สามารถสอบอัยการผู้ช่วยได้ครับ
กับอีกทางคือ จขกท สอบตั๋วทนาย แล้วไปออสเตรเลีย โครงการ work and holiday 1-2 ปี แล้วค่อยกลับมาเก็บคดี และสอบเนติ (อายุตั๋วครบ 2 ปีพอดี)
แล้วค่อยสอบอัยการผู้ช่วย
พี่ๆที่มีประสบการณ์อยากรบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะครับ ว่าผมควรตัดสินใจทางไหนดี
ตอนนี้จขกท อายุ27 แล้ว พอดีเรียนป.ตรี ใบนี้เป็นปริญญาใบที่สอง เป้าคืออยากเป็นอัยการครับ
แต่เมืองนอกก็อยากไปลองใช้ชีวิตสักครั้ง โครงการนี้ก็จำกัดอายุก่อน30 เท่านั้น แต่กลัวไปแล้วจะต่อความรู้กฎหมายไม่ติดหรือเสียเวลา
แต่ถ้าไม่ไปก็กลัวจะเสียดายที่หลัง
คิดไม่ตกเลยครับ ToT