คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
มันไม่ใช่เพราะสังคมทุกวันนี้หรอกค่ะ พื้นฐานนิสัยคนบางส่วนจะมีพฤติกรรมแบบนี้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แค่สมัยก่อน การแสดงความคิดเห็นในเชิงก่นด่าหยาบคาย ไม่ได้ถือเป็นที่ยอมรับในสังคม
สังคมไทยถูกปลูกฝังเรื่องมารยาทที่ดี การพูดที่ไพเราะ การแสดงออกที่ต้องให้เกียรติผู้อื่น แต่ก่อนคนไทยจะอายมาก ถ้าแสดงพฤติกรรมตรงข้ามกับสิ่งที่สังคมยึดถือปฏิบัติ และการคิดต่าง การแสดงออกที่แปลกแยกถือเป็นอาชญากรรม เพราะสังคมสมัยนั้นจะเหยียดหยาม และดูถูกพื้นฐานครอบครัว สมัยนั้นการโดนด่าว่าพ่อแม่ไม่สอน นี่แรงมากค่ะ
ดังนั้นคนกลุ่มนั้นก็จะเก็บตัวตนของตนเองไว้ เพราะสมัยนั้นสิ่งที่เห็นด้วยตา คือ สิ่งที่สังคมตัดสิน ถ้าอยากให้สังคมมองคุณดี คุณก็ต้องสร้างภาพดี ๆ
แต่พอมาสมัยนี้ อิสรภาพทางความคิดและการแสดงออก เริ่มเข้ามามีบทบาท คนไทยเราหรือหลาย ๆ ชาติ เริ่มกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวมากขึ้น คนเราก็เริ่มเผยตัวตนออกมา คนดี ๆ เขาก็ยังเป็นคนดีแหละค่ะ แต่คนไม่ดีก็จะเริ่มกล้าเผยตัวเองออกมา
คนกลุ่มนั้น เขาจะคิดว่า อิสระในการแสดงออก คือ สามารถแสดงอะไรก็ได้ที่ตนต้องการแสดง โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ( จริง ๆ อิสรภาพทางการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก ควรอยู่บนพื้นฐานของคำว่ามารยาทค่ะ ไม่จำเป็นต้องหยาบคาย ต้องด่าอย่างเดียว แล้วมาบอดว่าตัวเองเป็นคนตรง ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ)
ยิ่งมีคำที่เรียกว่าตัวแม่ เฟียสแบบตัวแม่ ยิ่งเป็นเหมือนแรงกระตุ้นในคนกลุ่มนั้นออกมาแสดงทัศนะไม่ดีต้องตนเอง(แถวบ้านเรียก"หาแสง") มีลูกหาบที่คอยสนับสนุนความหยาบ ความคิดที่แหวกแนว เขาก็ยิ่งได้ใจ มีความมั่นใจที่จะไปด่าคนอื่น ว่าคนอื่น มีแฟนคลับคอยแย้ว ๆ สู้ ๆ นะ ทำอะไรก็ไม่ผิด
พอมีคนรูปแบบนี้มากขึ้น มันก็จะถือว่ากลายเป็นโมเดลสังคมแล้ว (คำว่าโมเดลไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีเสมอ สิ่งไม่ดีมีคนเอาแบบอย่าง ก็เรียกโมเดลค่ะ แถวบ้านเรียก"เน็ตไอเต้า")
แสดงความคิดเห็นแรง ๆ ด่า ๆ มีคนชื่นชม กดไลก์เยอะ ก็ยิ่งทำ และคนที่อยากให้คนสนใจบ้าง เขาก็เลียนแบบพฤติกรรมคนเหล่านี้แหละค่ะ เห็นได้ตามคอมเม้นเพจข่าว บางทีก็พูดติดตลก แต่ก็ดูหยาบคายอยู่ดี
แถมเด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยประถม มัฐยม ถ้าไม่ใช่โรงเรียนชั้นนำ เด็กพูดคำหยาบเป็นปกติมากค่ะ คือต่างกับสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด เห็นในสื่อโซเชียลพ่อแม่บางคนพูดกรุเมิงดับลูกด้วย แล้วกล้าถ่ายอวดด้วยนะ ถ้าเป็นสมัยก่อนโดนแต่ตีปากฟันหลุดไปแล้วนะ
พอพูดแบบนี้ จะมีคนมาด่าเราว่าโลกสวยไหมอะ5555
ส่วนตัวคิดว่าเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมา นี่แรงกว่านี้อีกค่ะ ช่วงนั้นมีกระแสสงครามการเมือง ช่วงนั้นของหวานยังเยอะอยู่ ตามเพจข่าววนด่ากันแต่การเมือง ด่ากันแบบด่าอย่างเดียวเลย ด่าแบบทัวร์ลง คือหาอ่านเม้นในเพจข่าวแล้วปวดหัวมาก ช่วงหลังมามีพรบ คอม เลยเบาขึ้นแล้วนะคะ แล้วบวกกับกระแสต้านการด่าการบูลลี่ ก็ทำให้โซเชียลสาธารณะลดลงไปเยอะเหมือนกัน ตอนนี้ก็จะเหลือแค่เฉพาะกลุ่มแล้ว ถ้าเราไม่ไปอยู่ในกลุ่มสังคมแบบนั้นก็ไม่เจอแล้ว เดี๋ยวนี้ใครด่าคนอื่นหยาบคายแบบไม่มีเหตุผลนี่โดนทัวร์ลงนะคะ
สังคมไทยถูกปลูกฝังเรื่องมารยาทที่ดี การพูดที่ไพเราะ การแสดงออกที่ต้องให้เกียรติผู้อื่น แต่ก่อนคนไทยจะอายมาก ถ้าแสดงพฤติกรรมตรงข้ามกับสิ่งที่สังคมยึดถือปฏิบัติ และการคิดต่าง การแสดงออกที่แปลกแยกถือเป็นอาชญากรรม เพราะสังคมสมัยนั้นจะเหยียดหยาม และดูถูกพื้นฐานครอบครัว สมัยนั้นการโดนด่าว่าพ่อแม่ไม่สอน นี่แรงมากค่ะ
ดังนั้นคนกลุ่มนั้นก็จะเก็บตัวตนของตนเองไว้ เพราะสมัยนั้นสิ่งที่เห็นด้วยตา คือ สิ่งที่สังคมตัดสิน ถ้าอยากให้สังคมมองคุณดี คุณก็ต้องสร้างภาพดี ๆ
แต่พอมาสมัยนี้ อิสรภาพทางความคิดและการแสดงออก เริ่มเข้ามามีบทบาท คนไทยเราหรือหลาย ๆ ชาติ เริ่มกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวมากขึ้น คนเราก็เริ่มเผยตัวตนออกมา คนดี ๆ เขาก็ยังเป็นคนดีแหละค่ะ แต่คนไม่ดีก็จะเริ่มกล้าเผยตัวเองออกมา
คนกลุ่มนั้น เขาจะคิดว่า อิสระในการแสดงออก คือ สามารถแสดงอะไรก็ได้ที่ตนต้องการแสดง โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ( จริง ๆ อิสรภาพทางการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก ควรอยู่บนพื้นฐานของคำว่ามารยาทค่ะ ไม่จำเป็นต้องหยาบคาย ต้องด่าอย่างเดียว แล้วมาบอดว่าตัวเองเป็นคนตรง ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ)
ยิ่งมีคำที่เรียกว่าตัวแม่ เฟียสแบบตัวแม่ ยิ่งเป็นเหมือนแรงกระตุ้นในคนกลุ่มนั้นออกมาแสดงทัศนะไม่ดีต้องตนเอง(แถวบ้านเรียก"หาแสง") มีลูกหาบที่คอยสนับสนุนความหยาบ ความคิดที่แหวกแนว เขาก็ยิ่งได้ใจ มีความมั่นใจที่จะไปด่าคนอื่น ว่าคนอื่น มีแฟนคลับคอยแย้ว ๆ สู้ ๆ นะ ทำอะไรก็ไม่ผิด
พอมีคนรูปแบบนี้มากขึ้น มันก็จะถือว่ากลายเป็นโมเดลสังคมแล้ว (คำว่าโมเดลไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีเสมอ สิ่งไม่ดีมีคนเอาแบบอย่าง ก็เรียกโมเดลค่ะ แถวบ้านเรียก"เน็ตไอเต้า")
แสดงความคิดเห็นแรง ๆ ด่า ๆ มีคนชื่นชม กดไลก์เยอะ ก็ยิ่งทำ และคนที่อยากให้คนสนใจบ้าง เขาก็เลียนแบบพฤติกรรมคนเหล่านี้แหละค่ะ เห็นได้ตามคอมเม้นเพจข่าว บางทีก็พูดติดตลก แต่ก็ดูหยาบคายอยู่ดี
แถมเด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยประถม มัฐยม ถ้าไม่ใช่โรงเรียนชั้นนำ เด็กพูดคำหยาบเป็นปกติมากค่ะ คือต่างกับสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด เห็นในสื่อโซเชียลพ่อแม่บางคนพูดกรุเมิงดับลูกด้วย แล้วกล้าถ่ายอวดด้วยนะ ถ้าเป็นสมัยก่อนโดนแต่ตีปากฟันหลุดไปแล้วนะ
พอพูดแบบนี้ จะมีคนมาด่าเราว่าโลกสวยไหมอะ5555
ส่วนตัวคิดว่าเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมา นี่แรงกว่านี้อีกค่ะ ช่วงนั้นมีกระแสสงครามการเมือง ช่วงนั้นของหวานยังเยอะอยู่ ตามเพจข่าววนด่ากันแต่การเมือง ด่ากันแบบด่าอย่างเดียวเลย ด่าแบบทัวร์ลง คือหาอ่านเม้นในเพจข่าวแล้วปวดหัวมาก ช่วงหลังมามีพรบ คอม เลยเบาขึ้นแล้วนะคะ แล้วบวกกับกระแสต้านการด่าการบูลลี่ ก็ทำให้โซเชียลสาธารณะลดลงไปเยอะเหมือนกัน ตอนนี้ก็จะเหลือแค่เฉพาะกลุ่มแล้ว ถ้าเราไม่ไปอยู่ในกลุ่มสังคมแบบนั้นก็ไม่เจอแล้ว เดี๋ยวนี้ใครด่าคนอื่นหยาบคายแบบไม่มีเหตุผลนี่โดนทัวร์ลงนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมสังคมเราด่ากันเก่งมาก
ทำวันนี้จะพิมพ์อะไรลงโลก internet ยังต้องระวังเลย ต่อให้ไม่ได้พิมพ์เรื่องไหน เขาก้จะหาทางมาด่าเราให้ได้
คิดยังไงกับคนที่ชอบด้อยค่าคนอื่นเขา
วัยรุ่น วัยทำงาน หรือ แม้แต่ พ่อแม่คน เราเองก้เคยเจอน่ะ คุณแม่ท่านหนึ่งอีโก้สูงจัดมาก เห็นแล้วปวดจิตเลยแหล่ะ
ชอบเอาลูกเขามาเทียบกับเรา ด้อยค่าเรา เอออ เราก้ไม่ได้ไปทำอะไรเขาเลยนิ เราก้ปล่อยๆเขาด่าเราไป
สังคมเราทุกวันนี้มีปัญหาไหม ไม่ใช่แค่ในโลกเน็ต หมายถึงสังคมเราจริงๆ และ สังคมเน็ต
จำได้สมัยเราเน็ต facebook มันน่าอยู่กว่านี้ คนจะพิมพ์อะไร พวกเขาจะคิดก่อน นกฟ้าก้ด้วย ตอนนี้ pantip ก้ด้วย
มีแต่คนด่าเก่ง ยิ่งเป็นหัวข้อเรียกทัวล์ลงยิ่งปากมันส์มาก เห็นแล้วป่วยจิต
ได้ยินว่า พวกประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือ จีน เอง ก้มีหนักนิ
แต่ไทยเป็นชาติด้อย มีอะไรทำให้คนไทยบางส่วนเป็นแบบนั้นได้อ่ะ ไทยเรากดดังเท่าพวกเขาหรอกครับ