วันดีคืนดี มีเพื่อนมาชวน  ไปถ่ายรูปเสือพูม่า ก็เลยบอกว่าไปด้วย แต่ ติดโควิดทริปเลื่อน มาสองปี พึ่งจะได้ฤกษ์ ไปกันสักที
ทีนี้ จริงๆ อเมริกา มีเสือ พูม่าเยอะที่สุดในโลกเลยมั้ง คือ เกิน 50% ของ พูม่าทั่วโลก อยู่ที่ อเมริกา แต่ กระจัดกระจายกัน
หาตัวยากมาก แถม อันตราย มีรายงานกัดคนอีกต่างหาก แต่สาเหตุที่ มา Torres del Paine ซึ่งเป็น ส่วนนึงของ Patagonia
ที่อยู่ฝั่ง ชิลี ก็เพระว่า Patagonia ก็มี พูม่าพอสมควร แต่ฝั่ง อาร์เยนติน่า จะหาดูยากเสือหนีคนพอควรเพราะ เสือชอบแอบมากิน
สัตว์เลี้ยง ทำให้ โดนล่าเป็นประจำ แต่ ฝั่ง ชิลี เป็นสัตว์คุ้มครอง ห้ามล่า แถม มีอาหาร คือ ตัว วาน่าโค้ (ไกด์เขา ออกเสียงแบบนี้ guanaco) 
เยอะ เท่าที่ค้นดูเขาว่า Torres del Paine มีพูม่า ประมาณ 50-200 ตัว จำนวน ไม่แน่นอน แต่เป็น ที่ ที่มีเสือพูม่าหนาแน่น ที่สุดในโลก
ตรงที่ไป ไกด์ บอกว่า มี พูม่าประจำอยู่สัก 50 กว่าตัว 

 
ทีนี้ ที่เลือกมาตอนเดือน เมย ก็คือ ว่า เสือ พูม่ามักจะคลอดลูก ช่วงปลายๆปี ลูก สองสามเดือนแรก แม่จะเก็บตัวลูกมากๆ ป้องกันเต็มที่ โอกาศเห็นน้อย
พอมา มีนา เมย จะเริ่มพาลูกออกเดิน ก็จะมีโอกาศเห็นลูกตัวน้อยๆ ได้บ้าง แล้วเป็นช่วง ใบไม้เปลี่ยนสีพอดี ด้วย แต่บอกก่อนเลย ทริปนี้แห้ว คือไปถึง เขาบอกว่า ปีนี้เจอลูกเล็กแค่กับแม่ตัวเดียว แต่กลุ่มผม ไกด์ หาไม่เจอ ไปเจอ แต่ แม่ที่มีลูกที่โตขึ้นเกือบจะเท่ากับแม่แล้ว เสียดาย แต่มีกลุ่มอื่น เจอช่วงที่ผมไป งอน มากๆ 5555  

ทีนี้ ปกติ คนไปเที่ยว Patagonia คือสาย เดิน กับสายถ่ายรูป landscape มากกว่า ไม่ค่อยเห็นใครมา หาเสือพูม่ากันนะ อุทยาน ถ้าจำไม่ผิด ใหญ่ ประมาณ 1.4 ล้านไร่ เสือ ไม่ถึง 200 ตัว  ก็ไม่เห็นกันง่ายนัก ถ้าไม่ตั้งใจหา จริงๆ 

เรื่องการเดินทาง ก็เหมือน ไป Torres del Paine ปกติ ไปได้สองทาง บินไป ชิลีเลย แล้วบินลง Punta Arenas หรือ Puerto Natales แล้วต่อรถอีกหน่อย ไม่ก็ มาทาง อาร์เจนติน่าเที่ยว Patagonia ทางนั้นแล้วนั่งรถข้ามาชิลีก็ได้

ขอผม มาทาง Punta Arenas บินกันก้นแฉะ 4 flights จาก กทม - Doha - Sao Paolo - Santiago - Punta Arenas บิน 30 ชมได้ เดินทางรวม 2 วัน มานอนสลบที่ Punta Arenas ก่อน 555 พอมีแรง ค่อยไปต่อ มาถึงวันแรก ที่ Torres del Paine ที่พัก คือ Hosteria Pehoe ซึ่งเป็น มุม มหาชนถ่ายรูป ของที่นี่เลย



ที่พัก ไม่ได้ ดีอะไรมาก แต่ อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบเพเว่ ( lago Pehoe ผมก็ พีโฮ อยู่หลายวันจนไกด์บอก เพเว่ จะพี่) 
นั่งมองวิว นี้ ทุกวัน



แต่ไม่ได้จังหวะถ่ายรูปดีๆเลย เพราะ ออกไปตามพูม่าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น กลับ ก็มืดแล้ว แสงเช้าเย็นไม่ต้องพูดถึง ได้ ตอนบ่ายที่กลับมากินข้งเที่ยง ถ่ายย้อนแสงตลอด 55 ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง ลมแรงมากๆ ลม 30 km/hr นี่คือปกติ ขึ้นไป 60-70 km/hr ได้บ่อยๆ ดูในรูป ที่เห็นเป็นหมอกขาวๆ นั่นคือลมแรงจนพัดนํ้าในทะเลสาบ เป็นละออง ขึ้นมา วันนึงนั่งรถผ่าน ขอบทะเลสาบลมพัดเอานํ้ามาตกใส่รถแบบ ฝนตกหนักต้องจอดรถเพราะมองอะไร ไม่เห็นเลย แปปนึงถึงขับต่อได้ ตอนกลางคืน วันแรก ออกมาถ่าย ทางช้างเผือก ก็เหมือนมีฝนตกนิดๆ ก็ยังงงๆ ฟ้าออกใส พักนึงถึงรู้เป็นละอองนํ้าที่ลมพัดขึ้นมาจากทะเลสาบ

 

พูดมานาน ไม่ถึงพูม่าสัก ที จริงๆ ที่ไปดูคือ ไม่ใช่ Torres del Paine แต่ เป็น private ranch ขนาดเล็กๆ แค่ 2 หมื่นไร่ เจ้าของที่ ปล่อยเป็นที่เปิดให้ พูม่าอยู่ตาม ธรรมชาติ แต่เก็บตังค์ใคร จะเข้ามาดู แต่ต้องมีไกด์ พาเข้า แล้ว มีไกด์แค่ 15 คนที่มี permit พาเข้าได้ ของผม ไกด์คือ Javi เป็นไกด์ ผู้หญิง ทำงานร่วมกับสามี ที่เป็น tracker คอยตามหาพูม่า แล้วเขามีวิทยุติดต่อกัน กับสารพัดไกด์ใครเห็นอะไร ที่ไหน เขาพยายามหาพูม่าใน ranch นี้ ซึ่งอยู่ใน Laguna Amarga เพราะจะมีคนน้อย มักจะมีเรากลุ่มเดียว ถ้าเจอ พูม่าใน torres del paine มักจะมีคนอื่น ตามมากันตรึม บางที 10-20 คนขึ้นไป
 ข้อดีคือ โรงแรม อยู่ฝั่ง ตะวันออกของ Torres del Paine ก็ได้วิว ด้านนี้ ทุกวัน พอไปหา พูม่า ใน Laguna Amarga ก็ได้วิว ฝั่งตะวันตกของ Torres del Paine ที่มี Three Towers ทุกวัน 

 
ตัว วานาโค่ ที่เป็นอาหารประจำของพูม่า มายืน โพ้สกะ Three Tower ให้ดู อยากได้ พูม่า กะ  Three Towers แต่ พูม่าไม่รู้งานแบบ น้อง วานาโค่เลย

ส่วนพูม่า นี่ โอกาสได้ เห็นมีเยอะแน่ๆ แต่ต้องวัดดวง ส่วนนึงเจอคนปุ๊ปไกลๆ ก็วิ่งหนี แล้ว แต่ก็มีอีกพวก ที่เห็นคนแล้วเฉยๆ ไม่สนใจอะไร มาก ปล่อยให้คนเข้าใกล้ได้พอควร ที่นี่ ต้องเดินไปดูนะครับ รถจอดบนถนนแล้วเดินต่อ ไม่ได้ นั่งอยู่ในรถแบบ game drive เวลาไปดูสัตว์ที่แอฟริกา ก็ตื่นเต้นดี แต่ปกติ ไกด์จะบอกให้อยู่ห่างอย่างน้อย 50 เมตร แต่จริงๆ ก็เข้ากัน 30-40 เมตรแหละ แต่ถ้าโชคดี คุณพูม่า อาจเดินมาใกล้ๆได้