ด้วยวิกฤติฝุ่นและมลพิษทางอากาศในตอนนี้ ผมคิดว่าทุกบ้านควรต้องมีเครื่องฟอกอากาศในห้อง เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพการหายใจของปอดเรา ซึ่งตัวเลือกเครื่องฟอกอากาศก็มีหลากหลายแบรนด์และรุ่นให้เลือก แต่ถ้าอยากได้ความคุ้มค่าในราคาที่เป็นมิตร พร้อมฟังก์ชั่นครบครัน ผมขอแนะนำ
LG PuriCare 360 Hit เป็นตัวเลือกในการมอบอากาศบริสุทธิ์ให้คุณในบ้านครับ
ด้วยเทคโนโลยีการฟอกอากาศของ LG PuriCare ที่ขึ้นชื่อในด้าน Total Allergy Care ช่วยดูแลทั้งเรื่องฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ พร้อมการฟอกอากาศแบบ 360 องศา แม้เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันแต่ก็ยังเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแบบรอบทิศทางและระบบฟอกอากาศแบบหลายขั้นตอน
ดีไซน์สวยกะทัด เหมาะกับการใช้งานจริง
LG PuriCare 360 Hit รุ่นใหม่นี้มีขนาดกะทัดรัด ตัวเครื่องมีความกว้างเพียง 31.5 ซม. และสูง 51.1 ซม. เท่านั้น จึงสามารถตั้งได้อย่างลงตัวกับทุกมุมบ้าน ประหยัดพื้นที่ใช้สอยและย้ายไปตั้งในแต่ละห้องได้อย่างสะดวก
และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเครื่องฟอกอากาศยุคนี้คือเรื่องความสวยงาม ซึ่ง LG PuriCare 360 Hit ออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ทั้งวัสดุและสี รวมถึงตัวหน้าปัดแผงควบคุมด้านบนที่สวยงาม
ฟอกอากาศได้อย่างหมดจด
ปัจจัยหลักในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ ก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องของการส่งมอบอากาศบริสุทธิ์และพื้นที่ที่ครอบคลุมในการฟอกอากาศ ซึ่ง LG PuriCare 360 Hit ใช้ระบบฟอกอากาศหลายขั้นตอน โดยมีฟิลเตอร์ 3 ส่วนคือ
- Safe Plus Pre Filter กรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ในขั้นตอนแรก และยังสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและไวรัส
- HEPA Filter H13 Class กำจัดอนุภาคขนาดเล็ก 0.01 ไมครอน ได้อย่างหมดจด และยังสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย
- ฟิลเตอร์กำจัดก๊าซ สารระเหย และกลิ่นไม่พึงประสงค์
นอกจากระบบฟอกอากาศหลายขั้นตอนที่ทรงพลังแล้ว LG PuriCare 360 Hit ยังมีฟังก์ชัน Ionizer ที่ปล่อยประจุบวกและลบเพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กให้หล่นลงสู่พื้นไม่ฟุ้งกระจาย และกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในอากาศได้อีกด้วย
หากอธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ LG PuriCare 360 Hit สามารถขจัดแบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นละออง และสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยให้อากาศสะอาดสดชื่น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก หรือคนที่มีปัญหาด้านภูมิแพ้ รวมไปถึงคนทั่วไปที่ต้องการป้องกันตัวเองจากฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ
ด้านการทำความสะอาดตัวเครื่องหรือเปลี่ยนไส้กรองก็ทำได้ง่าย เพราะตัวฝาที่ครอบปิดเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถถอดออกและประกอบกลับได้โดยง่าย เพราะตัวฝาครอบและตัวเครื่องยึดกันไว้ด้วยแม่เหล็ก ทำให้ไม่ต้องขันน็อตหรือใช้อุปกรณ์เสริมและเมื่อเปิดฝาครอบออกก็สามารถถอดฟิลเตอร์ออกมาได้อย่างง่ายดาย โดยตัวโครงสร้างเครื่องด้านในก็ถูกออกแบบมาให้ไม่บดบังการทำงานของฟิลเตอร์ ทำให้ฟอกอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เข้าใจง่าย ใช้งานสะดวก
หน้าจอแสดงผลด้านบนตัวเครื่องของ LG PuriCare 360 Hit มาพร้อมกับเซ็นเซอร์บอกคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ผ่านสี 4 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง เรียงลำดับตามความสะอาดของอากาศ จากอากาศสะอาดไปจนถึงอากาศที่มีมลพิษตามลำดับ ซึ่งเครื่องนี้มีเซ็นเซอร์จับทั้ง Dust ( ฝุ่น ) และ Odor ( กลิ่น ) ตามที่ปรากฎบนหน้าจอแสดงผล
นอกจากนี้ยังมีไฟบอกสถานะความแรงของพัดลม การเชื่อมต่อ Wi-Fi รวมถึงสถานะการปล่อยประจุ Ionizer
แต่จะมีไฟสถานะอย่างหนึ่งที่จะแสดงผลต่อเมื่อไฟสถานะอื่นดับทั้งหมด นั่นคือสถานะ Sleep ซึ่งจะทำการปิดไฟทั้งหมดและลดความแรงของใบพัด เสียงลมลดเหลือเพียงแค่ 25 เดซิเบล เพื่อให้ไม่รบกวนการนอนของเรานั่นเอง
ส่วนปุ่มควบคุมเป็นแบบสัมผัสทั้ง 4 ปุ่มคือ ปรับแรงลม , ปุ่ม Sleep , ปุ่ม Ionizer และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
นอกจากนี้ยังสามารถดูสถานะและควบคุมผ่านมือถือ โดยใช้แอป
LG ThinQ ซึ่งเป็นแอปแนว IoT ที่ใช้งานง่ายมาก แบ่งเป็นการตรวจสอบสถานะคุณภาพอากาศ ซึ่งบอกได้ละเอียดตั้งแต่ คุณภาพอากาศโดยรวม PM1.0 PM2.5 PM10 และสภาพกลิ่นในห้อง
นี่เป็นจุดต่างอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเครื่องฟอกอากาศทั่วไปมักจะตรวจจับได้ในระดับ PM2.5 เท่านั้น แต่ LG PuriCare 360 Hit ทำได้ถึงระดับ PM1.0
และยังสามารถควบคุมแรงลม การปรับโหมด Sleep และฟังก์ชัน Ionizer ได้จากตัวแอป โดยส่วนที่ทำได้มากกว่าการควบคุมผ่านแผงบนตัวเครื่อง คือการตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้า
ด้านการดูแลรักษาตัวเครื่อง ก็มีบอกสถานะไส้กรองว่าเหลืออีกกี่ % ซึ่งอายุการใช้งานของไส้กรองก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพอากาศในห้องเราแย่มากน้อยแค่ไหนรวมถึงระยะเวลาการใช้งานของแต่ละบ้าน
ประสบการณ์ใช้งานจริง
นอกเหนือจากข้อมูลเชิงสเปคแล้ว สิ่งที่ผมรู้สึกจากการได้เอา LG PuriCare 360 Hit มาวางไว้ในคอนโด คือความรู้สึกสบายจมูก ทั้งเรื่องละอองฝุ่นและเรื่องกลิ่น และการจัดวางก็ทำได้ง่ายกว่า เนื่องด้วยดีไซน์ทรงกระบอก ไม่ว่าเราจะวางชิดกำแพงหรือวางเข้ามุม ยังไงก็มีช่องให้อากาศไหลเวียนได้มากกว่าดีไซน์แบบเหลี่ยม และด้วยประสิทธิภาพที่ครอบคลุม 61 ตร.ม. ผมเชื่อว่าครอบคลุมห้องของคนส่วนใหญ่แน่นอน
การที่แอลจีให้เซ็นเซอร์ตรวจจับ PM1.0 มา ก็ทำให้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้จมูกไวมาก แค่การเจอสิ่งแปลกปลอมเล็กน้อย LG PuriCare 360 Hit ก็จะทำการเร่งแรงลมเพื่อดูดและกำจัดอนุภาคเหล่านั้นทันที และเข้าสู่สถานะไฟเขียวเร็วมาก
ถ้าสังเกตรายละเอียดการดีไซน์ช่องลมด้านบน จะเห็นการทำช่องลมให้มีความโค้งเอียง และค่อนข้างถี่ นอกจากจะได้ดีไซน์ที่ดูน่าสนใจแล้ว ก็ยังช่วยลดโอกาสที่สิ่งของจะร่วงหล่นลงไปอีกด้วย
บทสรุป
ในยุคสมัยที่เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสามัญประจำบ้านไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ LG PuriCare 360 Hit เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือการให้ทุกอย่างมาครบถ้วนในราคาที่จับต้องได้
- การออกแบบตัวเครื่องให้กะทัดรัดแต่ยังสามารถฟอกอากาศสะอาดแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะวางไว้ที่มุมไหนของห้อง
- การทำความสะอาดอากาศด้วยไส้กรองทั้ง 3 ชั้น และการปล่อยประจุ Ionizer
- การแสดงผลที่เข้าใจง่าย และเซนเซอร์ตรวจจับได้ถึงระดับ PM1.0
- การควบคุมที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่ายทั้งแผงควบคุมและใช้ผ่านแอป LG ThinQ
- การดูแลรักษาตัวเครื่องที่ง่าย ถอดฝาได้ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแกะ
แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะมีให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่ถ้าต้องการรุ่นที่คุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้ก็ต้อง LG PuriCare 360 Hit ครับ
หากใครสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.lg.com/th/air-purifier/lg-as60ghwg0
[BR] รีวิว LG PuriCare 360 Hit เครื่องฟอกอากาศดีไซน์กะทัดรัด แต่ยังฟอกอากาศสะอาดได้ทรงพลังแบบ 360 องศา
ด้วยวิกฤติฝุ่นและมลพิษทางอากาศในตอนนี้ ผมคิดว่าทุกบ้านควรต้องมีเครื่องฟอกอากาศในห้อง เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพการหายใจของปอดเรา ซึ่งตัวเลือกเครื่องฟอกอากาศก็มีหลากหลายแบรนด์และรุ่นให้เลือก แต่ถ้าอยากได้ความคุ้มค่าในราคาที่เป็นมิตร พร้อมฟังก์ชั่นครบครัน ผมขอแนะนำ LG PuriCare 360 Hit เป็นตัวเลือกในการมอบอากาศบริสุทธิ์ให้คุณในบ้านครับ
ด้วยเทคโนโลยีการฟอกอากาศของ LG PuriCare ที่ขึ้นชื่อในด้าน Total Allergy Care ช่วยดูแลทั้งเรื่องฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ พร้อมการฟอกอากาศแบบ 360 องศา แม้เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันแต่ก็ยังเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแบบรอบทิศทางและระบบฟอกอากาศแบบหลายขั้นตอน
ดีไซน์สวยกะทัด เหมาะกับการใช้งานจริง
LG PuriCare 360 Hit รุ่นใหม่นี้มีขนาดกะทัดรัด ตัวเครื่องมีความกว้างเพียง 31.5 ซม. และสูง 51.1 ซม. เท่านั้น จึงสามารถตั้งได้อย่างลงตัวกับทุกมุมบ้าน ประหยัดพื้นที่ใช้สอยและย้ายไปตั้งในแต่ละห้องได้อย่างสะดวก
และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเครื่องฟอกอากาศยุคนี้คือเรื่องความสวยงาม ซึ่ง LG PuriCare 360 Hit ออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ทั้งวัสดุและสี รวมถึงตัวหน้าปัดแผงควบคุมด้านบนที่สวยงาม
ฟอกอากาศได้อย่างหมดจด
ปัจจัยหลักในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ ก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องของการส่งมอบอากาศบริสุทธิ์และพื้นที่ที่ครอบคลุมในการฟอกอากาศ ซึ่ง LG PuriCare 360 Hit ใช้ระบบฟอกอากาศหลายขั้นตอน โดยมีฟิลเตอร์ 3 ส่วนคือ
- Safe Plus Pre Filter กรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ในขั้นตอนแรก และยังสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและไวรัส
- HEPA Filter H13 Class กำจัดอนุภาคขนาดเล็ก 0.01 ไมครอน ได้อย่างหมดจด และยังสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย
- ฟิลเตอร์กำจัดก๊าซ สารระเหย และกลิ่นไม่พึงประสงค์
นอกจากระบบฟอกอากาศหลายขั้นตอนที่ทรงพลังแล้ว LG PuriCare 360 Hit ยังมีฟังก์ชัน Ionizer ที่ปล่อยประจุบวกและลบเพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กให้หล่นลงสู่พื้นไม่ฟุ้งกระจาย และกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในอากาศได้อีกด้วย
หากอธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ LG PuriCare 360 Hit สามารถขจัดแบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นละออง และสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยให้อากาศสะอาดสดชื่น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เด็ก หรือคนที่มีปัญหาด้านภูมิแพ้ รวมไปถึงคนทั่วไปที่ต้องการป้องกันตัวเองจากฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ
ด้านการทำความสะอาดตัวเครื่องหรือเปลี่ยนไส้กรองก็ทำได้ง่าย เพราะตัวฝาที่ครอบปิดเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังสามารถถอดออกและประกอบกลับได้โดยง่าย เพราะตัวฝาครอบและตัวเครื่องยึดกันไว้ด้วยแม่เหล็ก ทำให้ไม่ต้องขันน็อตหรือใช้อุปกรณ์เสริมและเมื่อเปิดฝาครอบออกก็สามารถถอดฟิลเตอร์ออกมาได้อย่างง่ายดาย โดยตัวโครงสร้างเครื่องด้านในก็ถูกออกแบบมาให้ไม่บดบังการทำงานของฟิลเตอร์ ทำให้ฟอกอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เข้าใจง่าย ใช้งานสะดวก
หน้าจอแสดงผลด้านบนตัวเครื่องของ LG PuriCare 360 Hit มาพร้อมกับเซ็นเซอร์บอกคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ผ่านสี 4 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง เรียงลำดับตามความสะอาดของอากาศ จากอากาศสะอาดไปจนถึงอากาศที่มีมลพิษตามลำดับ ซึ่งเครื่องนี้มีเซ็นเซอร์จับทั้ง Dust ( ฝุ่น ) และ Odor ( กลิ่น ) ตามที่ปรากฎบนหน้าจอแสดงผล
นอกจากนี้ยังมีไฟบอกสถานะความแรงของพัดลม การเชื่อมต่อ Wi-Fi รวมถึงสถานะการปล่อยประจุ Ionizer
แต่จะมีไฟสถานะอย่างหนึ่งที่จะแสดงผลต่อเมื่อไฟสถานะอื่นดับทั้งหมด นั่นคือสถานะ Sleep ซึ่งจะทำการปิดไฟทั้งหมดและลดความแรงของใบพัด เสียงลมลดเหลือเพียงแค่ 25 เดซิเบล เพื่อให้ไม่รบกวนการนอนของเรานั่นเอง
ส่วนปุ่มควบคุมเป็นแบบสัมผัสทั้ง 4 ปุ่มคือ ปรับแรงลม , ปุ่ม Sleep , ปุ่ม Ionizer และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
นอกจากนี้ยังสามารถดูสถานะและควบคุมผ่านมือถือ โดยใช้แอป LG ThinQ ซึ่งเป็นแอปแนว IoT ที่ใช้งานง่ายมาก แบ่งเป็นการตรวจสอบสถานะคุณภาพอากาศ ซึ่งบอกได้ละเอียดตั้งแต่ คุณภาพอากาศโดยรวม PM1.0 PM2.5 PM10 และสภาพกลิ่นในห้อง
นี่เป็นจุดต่างอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเครื่องฟอกอากาศทั่วไปมักจะตรวจจับได้ในระดับ PM2.5 เท่านั้น แต่ LG PuriCare 360 Hit ทำได้ถึงระดับ PM1.0
และยังสามารถควบคุมแรงลม การปรับโหมด Sleep และฟังก์ชัน Ionizer ได้จากตัวแอป โดยส่วนที่ทำได้มากกว่าการควบคุมผ่านแผงบนตัวเครื่อง คือการตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้า
ด้านการดูแลรักษาตัวเครื่อง ก็มีบอกสถานะไส้กรองว่าเหลืออีกกี่ % ซึ่งอายุการใช้งานของไส้กรองก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพอากาศในห้องเราแย่มากน้อยแค่ไหนรวมถึงระยะเวลาการใช้งานของแต่ละบ้าน
ประสบการณ์ใช้งานจริง
นอกเหนือจากข้อมูลเชิงสเปคแล้ว สิ่งที่ผมรู้สึกจากการได้เอา LG PuriCare 360 Hit มาวางไว้ในคอนโด คือความรู้สึกสบายจมูก ทั้งเรื่องละอองฝุ่นและเรื่องกลิ่น และการจัดวางก็ทำได้ง่ายกว่า เนื่องด้วยดีไซน์ทรงกระบอก ไม่ว่าเราจะวางชิดกำแพงหรือวางเข้ามุม ยังไงก็มีช่องให้อากาศไหลเวียนได้มากกว่าดีไซน์แบบเหลี่ยม และด้วยประสิทธิภาพที่ครอบคลุม 61 ตร.ม. ผมเชื่อว่าครอบคลุมห้องของคนส่วนใหญ่แน่นอน
การที่แอลจีให้เซ็นเซอร์ตรวจจับ PM1.0 มา ก็ทำให้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้จมูกไวมาก แค่การเจอสิ่งแปลกปลอมเล็กน้อย LG PuriCare 360 Hit ก็จะทำการเร่งแรงลมเพื่อดูดและกำจัดอนุภาคเหล่านั้นทันที และเข้าสู่สถานะไฟเขียวเร็วมาก
ถ้าสังเกตรายละเอียดการดีไซน์ช่องลมด้านบน จะเห็นการทำช่องลมให้มีความโค้งเอียง และค่อนข้างถี่ นอกจากจะได้ดีไซน์ที่ดูน่าสนใจแล้ว ก็ยังช่วยลดโอกาสที่สิ่งของจะร่วงหล่นลงไปอีกด้วย
บทสรุป
ในยุคสมัยที่เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสามัญประจำบ้านไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ LG PuriCare 360 Hit เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือการให้ทุกอย่างมาครบถ้วนในราคาที่จับต้องได้
- การออกแบบตัวเครื่องให้กะทัดรัดแต่ยังสามารถฟอกอากาศสะอาดแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะวางไว้ที่มุมไหนของห้อง
- การทำความสะอาดอากาศด้วยไส้กรองทั้ง 3 ชั้น และการปล่อยประจุ Ionizer
- การแสดงผลที่เข้าใจง่าย และเซนเซอร์ตรวจจับได้ถึงระดับ PM1.0
- การควบคุมที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่ายทั้งแผงควบคุมและใช้ผ่านแอป LG ThinQ
- การดูแลรักษาตัวเครื่องที่ง่าย ถอดฝาได้ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแกะ
แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะมีให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่ถ้าต้องการรุ่นที่คุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้ก็ต้อง LG PuriCare 360 Hit ครับ
หากใครสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/air-purifier/lg-as60ghwg0
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน