‘เศรษฐา’ ปัดตอบปมจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ ขอรอตัวเลขหลัง ลต. ไม่หวั่นโพล ‘ก้าวไกล’ คะแนนนำ
https://www.matichon.co.th/election66/news_3951662
‘เศรษฐา’ ปัดตอบปมจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ ขอรอตัวเลขหลัง ลต. ไม่หวั่นโพล ‘ก้าวไกล’ คะแนนนำ
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 30 เมษายน ที่ จ.มหาสารคาม นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลของมติชน-เดลินิวส์ที่คะแนนของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำพรรค พท. มีนัยยะสำคัญหรือไม่ ว่า อยู่ที่วิธีการ บางโพลจะใช้ออนไลน์มากกว่า ส่วนบางโพลเน้นลงพื้นที่มากกว่า ซึ่งแตกต่างกัน ส่วนตัวคิดว่าแฟนคลับของพรรค พท.อยู่ต่างจังหวัดเยอะ และไม่ได้ใช้ออนไลน์มาก อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหวั่นกับกระแสพรรคก.ก.
เมื่อถามว่า ผลโพลจะสะท้อนการลงคะแนนเสียงของประชาชนหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ต้องเอาผลของหลายโพลมาวิเคราะห์ และจัดการเรื่องความลำเอียงออกไป แต่มั่นใจว่าพรรค พท.ยังไงก็ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง ส่วนเรื่องเสียงออฟไลน์ที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น ย้ำว่าจากการลงพื้นที่มีความมั่นใจว่าพรรค พท.มาถูกทาง และนโยบายโดนใจ
เมื่อถามว่า กระแสพรรค ก.ก.ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พรรค พท.จะปรับยุทธศาสตร์อย่างไรหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เรายังทำเหมือนที่ทำมาและลงพื้นที่ให้เยอะขึ้นเพื่อพบปะประชาชน ซึ่งมั่นใจในทุกพื้นที่
เมื่อถามถึง กรณีที่นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจับมือกับพรรค พท. และอยากให้ลืมเรื่องราวในอดีตระหว่างนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะครูใหญ่พรรค ภท. นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน วันนี้ตนมีหน้าที่เดินหน้าหาเสียง พยายามทำคะแนนให้ได้มากที่สุด ถึงเวลาผลเลือกตั้งออกมาค่อยว่ากัน ส่วนจะจับมือกับพรรคไหนนั้น นโยบายของพรรค พท.ต้องเป็นหลัก และยืนยันว่า พรรค พท.ไม่เอานโยบายกัญชาเสรีเด็ดขาด เอาเพื่อการแพทย์เท่านั้น
ถามต่อว่า หากพรรคภท. ลดเงื่อนไขนโยบายกัญชา ความเป็นไปได้ในการจับมือร่วมกันมีมากน้อยแค่ไหน นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปต้องดูตัวเลขหลังเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไรก่อน แต่ยืนยันว่าเราไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร
ถามอีกว่า การส่งสัญญาณของนาย
อนุทิน ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า การเป็นเพื่อนกันมันดีอยู่แล้ว วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสัญญาณ แต่เป็นเรื่องของหลักการมากกว่าว่าจะร่วมกันได้หรือไม่ ส่วนกรณีที่มีภาพนายอนุทิน เคยนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น การเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดา ตนไม่คิดอะไรมาก
เพื่อชาติ หิ้วพวงหรีดไว้อาลัยอนาคตประเทศ เสียศิลปินคนเก่งให้ต่างชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3951642
เพื่อชาติ หิ้วพวงหรีดไว้อาลัยอนาคตประเทศ เสียศิลปินคนเก่งให้ต่างชาติ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อชาติ ส่งพวงหรีด เป็นตัวแทนทางสัญลักษณ์ ไว้อาลัยให้กับประเทศไทยที่สูญเสียศิลปินไทยเก่งๆ ให้ต่างชาติ ในการเสวนาการเมืองใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย
นพ.
วิรัช ตวงจารุวินัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติพร้อมด้ววนายภูวนัย มลิชู เลขาพรรคเพื่อชาติและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เข้าร่วมเสวนา
นพ.วิรัช กล่าวว่า ต้องมีการผลักดัน Soft Power โดยหนึ่งใน 5 F ที่สำคัญที่สุดคือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ต้องการการสนับสนุนในทุกช่องทาง เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นขุนศึกด่านหน้า ที่คนทั่วโลกสามารถเห็นได้ผ่านทางหน้าจอมือถือและภาพยนตร์ ซึ่ง Soft Power จะกลายเป็นรายได้หลักของประเทศที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศเหมือนที่ประเทศเกาหลีได้ปฏิวัติประเทศและประสบความสำเร็จหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและ IMF ส่งผลให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมบันเทิงขึ้นสู่แถวหน้าได้รับการยอมรับและอยู่ในระดับโลก ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีความพร้อมทั้งทางภูมิศาสตร์ และ ทรัพยากรคน แต่วันนี้ยังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในเรื่องของการสนับสนุนจากภาครัฐบาล และยังต้องเร่งแก้ไข พรบ.ที่จะเปิดเสรีในด้านเนื้อหาและความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนบันเทิงเพื่อจะได้ผลิตสื่อที่มีคุณภาพพร้อมและส่งออกไปสู่สายตาชาวโลกเพื่อโชว์ให้นานาประเทศเห็นว่า
คนไทยก็มีดี
สาวบุก กกต. เลือกตั้งนอกเขตบุรีรัมย์ ระบบกลับแจ้งให้ไปใช้สิทธิ์ปราจีนบุรี
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7638471
สาวห้างที่บุรีรัมย์ บุกร้อง กกต. หลังลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตสำเร็จแล้ว แต่ตรวจสอบรายชื่อล่าสุดระบบกลับแจ้งให้ไปใช้สิทธิ์ที่ปราจีนบุรี
วันที่ 30 เม.ย. 66 น.ส.
สุนิชญา ยาทองทิพย์ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมาอาศัยอยู่กับสามีที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และปัจจุบันเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง นำหลักฐานการลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านระบบออนไลน์ เข้าร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดบุรีรัมย์ หลังลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านออนไลน์ เมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยระบบแจ้งว่าลงทะเบียนสำเร็จแล้ว
โดยระบุข้อความให้ไปใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้งกลางหอประชุมโรงเรียนภัทรบพิตร แต่พอตรวจสอบสิทธิ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ในระบบกลับแจ้งว่าให้ไปใช้สิทธิ์ที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านหนองแหน จ.ปราจีนบุรี ภูมิลำเนาเดิมของตัวเอง
น.ส.
สนิชญา กล่าวว่า ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านระบบออนไลน์ ช่วงประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง วันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งระบบก็ขึ้นโชว์ว่าลงทะเบียนสำเร็จ โดยตนมีชื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ที่หน่วยเลือกตั้งกลางนอกเขต ณ หอประชุมโรงเรียนภัทรบพิตร อำเภอเมืองบุรีรัมย์ แต่พอมาตรวจเช็กสิทธิ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ในระบบกลับขึ้นโชว์ว่าให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี ตามชื่อในภูมิลำเนาเหมือนเดิม ก็งงและไม่รู้จะทำยังไง จึงได้ไปสอบถามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ กกต. ก็แนะนำให้ไปสอบถามที่สำนักทะเบียนราษฎรอำเภอเมืองบุรีรัมย์ แต่ จนท.สำนักทะเบียนก็บอกว่าไม่สามารถเพิ่มชื่อให้ได้ แนะนำให้ทำได้แค่ 2 แนวทาง คือ กลับไปใช้สิทธิ์ที่จังหวัดปราจีนบุรีตามที่มีชื่อ หรือแจ้งเหตุความจำเป็นที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของตนเอง เพราะในระบบก็ขึ้นว่าลงทะเบียนสำเร็จแล้ว
ตนก็ลงชื่อลางานกับที่ทำงานเพื่อจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตในวันที่ 7 พ.ค.66 ไว้เรียบร้อยแล้ว และตนเองก็ตั้งใจอยากจะใช้สิทธิ์ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญและรอมานานถึง 4 ปีแล้ว แต่หลังกลับมาที่ กกต.อีกครั้ง และ ผอ.มารับเรื่องเอง ก็ยืนยันว่าตนเองมีหลักฐานการลงทะเบียนสามารถเพิ่มชื่อที่หน่วยเลือกตั้งกลางและใช้สิทธิ์ได้ตามปกติ ก็ดีใจและขอบคุณทาง กกต.ด้วย
ด้าน น.ส.
ปิยนาฏ กลางพนม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ตามหลักการเพิ่ม-ถอนชื่อ หากมีหลักฐานยืนยันว่าได้ลงทะเบียนจริง ก็สามารถไปขอเพิ่มชื่อที่กรรมการหน่วยเลือกตั้งได้เลย ซึ่งกรณีของน้องผู้ร้องก็ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ในวันสุดท้ายช่วง 4 ทุ่มกว่า ซึ่งช่วงดังกล่าวมีคนลงทะเบียนจำนวนมาก จึงทำให้ระบบล่มตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหลายพื้นที่
แต่เมื่อผู้ร้องยืนยันว่าได้ลงทะเบียนมีสิทธิ์เลือกตั้ง เขต 2 และมีหลักฐานชัดเจน ก็สามารถนำหลักฐานดังกล่าวไปแสดงต่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งกลางเพื่อเพิ่มชื่อ ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ตามปกติ ซึ่งทาง กกต.เองก็จะได้ประสานกับกรรมการประจำหน่วยได้รับทราบอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งถือเป็นรายแรกของ จ.บุรีรัมย์ ที่พบ ซึ่งทาง กกต.ก็จะได้นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ตั้งใจจะมาใช้สิทธิ์ได้ใช้สิทธิ์ทุกคน ซึ่งทาง กกต.ก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอยู่แล้ว
จากข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งนอกเขตและในเขต ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2566 รวมจำนวน 9,977 คน แยกเป็นนอกเขต 9,296 คน และในเขต 681 คน
JJNY : ‘เศรษฐา’ปัดตอบปมจับมือ ‘ภท.’│เพื่อชาติหิ้วพวงหรีดไว้อาลัยอนาคตประเทศ│สาวบุกกกต.เลือกตั้งนอกเขต│รัสเซียลั่นตอบโต้
https://www.matichon.co.th/election66/news_3951662
‘เศรษฐา’ ปัดตอบปมจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ ขอรอตัวเลขหลัง ลต. ไม่หวั่นโพล ‘ก้าวไกล’ คะแนนนำ
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 30 เมษายน ที่ จ.มหาสารคาม นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลของมติชน-เดลินิวส์ที่คะแนนของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำพรรค พท. มีนัยยะสำคัญหรือไม่ ว่า อยู่ที่วิธีการ บางโพลจะใช้ออนไลน์มากกว่า ส่วนบางโพลเน้นลงพื้นที่มากกว่า ซึ่งแตกต่างกัน ส่วนตัวคิดว่าแฟนคลับของพรรค พท.อยู่ต่างจังหวัดเยอะ และไม่ได้ใช้ออนไลน์มาก อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหวั่นกับกระแสพรรคก.ก.
เมื่อถามว่า ผลโพลจะสะท้อนการลงคะแนนเสียงของประชาชนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเอาผลของหลายโพลมาวิเคราะห์ และจัดการเรื่องความลำเอียงออกไป แต่มั่นใจว่าพรรค พท.ยังไงก็ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง ส่วนเรื่องเสียงออฟไลน์ที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น ย้ำว่าจากการลงพื้นที่มีความมั่นใจว่าพรรค พท.มาถูกทาง และนโยบายโดนใจ
เมื่อถามว่า กระแสพรรค ก.ก.ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พรรค พท.จะปรับยุทธศาสตร์อย่างไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เรายังทำเหมือนที่ทำมาและลงพื้นที่ให้เยอะขึ้นเพื่อพบปะประชาชน ซึ่งมั่นใจในทุกพื้นที่
เมื่อถามถึง กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจับมือกับพรรค พท. และอยากให้ลืมเรื่องราวในอดีตระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะครูใหญ่พรรค ภท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน วันนี้ตนมีหน้าที่เดินหน้าหาเสียง พยายามทำคะแนนให้ได้มากที่สุด ถึงเวลาผลเลือกตั้งออกมาค่อยว่ากัน ส่วนจะจับมือกับพรรคไหนนั้น นโยบายของพรรค พท.ต้องเป็นหลัก และยืนยันว่า พรรค พท.ไม่เอานโยบายกัญชาเสรีเด็ดขาด เอาเพื่อการแพทย์เท่านั้น
ถามต่อว่า หากพรรคภท. ลดเงื่อนไขนโยบายกัญชา ความเป็นไปได้ในการจับมือร่วมกันมีมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปต้องดูตัวเลขหลังเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไรก่อน แต่ยืนยันว่าเราไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร
ถามอีกว่า การส่งสัญญาณของนายอนุทิน ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การเป็นเพื่อนกันมันดีอยู่แล้ว วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสัญญาณ แต่เป็นเรื่องของหลักการมากกว่าว่าจะร่วมกันได้หรือไม่ ส่วนกรณีที่มีภาพนายอนุทิน เคยนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น การเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดา ตนไม่คิดอะไรมาก
เพื่อชาติ หิ้วพวงหรีดไว้อาลัยอนาคตประเทศ เสียศิลปินคนเก่งให้ต่างชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3951642
เพื่อชาติ หิ้วพวงหรีดไว้อาลัยอนาคตประเทศ เสียศิลปินคนเก่งให้ต่างชาติ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อชาติ ส่งพวงหรีด เป็นตัวแทนทางสัญลักษณ์ ไว้อาลัยให้กับประเทศไทยที่สูญเสียศิลปินไทยเก่งๆ ให้ต่างชาติ ในการเสวนาการเมืองใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย
นพ.วิรัช ตวงจารุวินัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติพร้อมด้ววนายภูวนัย มลิชู เลขาพรรคเพื่อชาติและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เข้าร่วมเสวนา
นพ.วิรัช กล่าวว่า ต้องมีการผลักดัน Soft Power โดยหนึ่งใน 5 F ที่สำคัญที่สุดคือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ต้องการการสนับสนุนในทุกช่องทาง เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นขุนศึกด่านหน้า ที่คนทั่วโลกสามารถเห็นได้ผ่านทางหน้าจอมือถือและภาพยนตร์ ซึ่ง Soft Power จะกลายเป็นรายได้หลักของประเทศที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศเหมือนที่ประเทศเกาหลีได้ปฏิวัติประเทศและประสบความสำเร็จหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและ IMF ส่งผลให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมบันเทิงขึ้นสู่แถวหน้าได้รับการยอมรับและอยู่ในระดับโลก ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีความพร้อมทั้งทางภูมิศาสตร์ และ ทรัพยากรคน แต่วันนี้ยังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนในเรื่องของการสนับสนุนจากภาครัฐบาล และยังต้องเร่งแก้ไข พรบ.ที่จะเปิดเสรีในด้านเนื้อหาและความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนบันเทิงเพื่อจะได้ผลิตสื่อที่มีคุณภาพพร้อมและส่งออกไปสู่สายตาชาวโลกเพื่อโชว์ให้นานาประเทศเห็นว่า
คนไทยก็มีดี
สาวบุก กกต. เลือกตั้งนอกเขตบุรีรัมย์ ระบบกลับแจ้งให้ไปใช้สิทธิ์ปราจีนบุรี
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7638471
สาวห้างที่บุรีรัมย์ บุกร้อง กกต. หลังลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตสำเร็จแล้ว แต่ตรวจสอบรายชื่อล่าสุดระบบกลับแจ้งให้ไปใช้สิทธิ์ที่ปราจีนบุรี
วันที่ 30 เม.ย. 66 น.ส.สุนิชญา ยาทองทิพย์ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมาอาศัยอยู่กับสามีที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และปัจจุบันเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง นำหลักฐานการลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านระบบออนไลน์ เข้าร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดบุรีรัมย์ หลังลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านออนไลน์ เมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยระบบแจ้งว่าลงทะเบียนสำเร็จแล้ว
โดยระบุข้อความให้ไปใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้งกลางหอประชุมโรงเรียนภัทรบพิตร แต่พอตรวจสอบสิทธิ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ในระบบกลับแจ้งว่าให้ไปใช้สิทธิ์ที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านหนองแหน จ.ปราจีนบุรี ภูมิลำเนาเดิมของตัวเอง
น.ส.สนิชญา กล่าวว่า ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตผ่านระบบออนไลน์ ช่วงประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง วันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งระบบก็ขึ้นโชว์ว่าลงทะเบียนสำเร็จ โดยตนมีชื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ที่หน่วยเลือกตั้งกลางนอกเขต ณ หอประชุมโรงเรียนภัทรบพิตร อำเภอเมืองบุรีรัมย์ แต่พอมาตรวจเช็กสิทธิ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ในระบบกลับขึ้นโชว์ว่าให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี ตามชื่อในภูมิลำเนาเหมือนเดิม ก็งงและไม่รู้จะทำยังไง จึงได้ไปสอบถามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ กกต. ก็แนะนำให้ไปสอบถามที่สำนักทะเบียนราษฎรอำเภอเมืองบุรีรัมย์ แต่ จนท.สำนักทะเบียนก็บอกว่าไม่สามารถเพิ่มชื่อให้ได้ แนะนำให้ทำได้แค่ 2 แนวทาง คือ กลับไปใช้สิทธิ์ที่จังหวัดปราจีนบุรีตามที่มีชื่อ หรือแจ้งเหตุความจำเป็นที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของตนเอง เพราะในระบบก็ขึ้นว่าลงทะเบียนสำเร็จแล้ว
ตนก็ลงชื่อลางานกับที่ทำงานเพื่อจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตในวันที่ 7 พ.ค.66 ไว้เรียบร้อยแล้ว และตนเองก็ตั้งใจอยากจะใช้สิทธิ์ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญและรอมานานถึง 4 ปีแล้ว แต่หลังกลับมาที่ กกต.อีกครั้ง และ ผอ.มารับเรื่องเอง ก็ยืนยันว่าตนเองมีหลักฐานการลงทะเบียนสามารถเพิ่มชื่อที่หน่วยเลือกตั้งกลางและใช้สิทธิ์ได้ตามปกติ ก็ดีใจและขอบคุณทาง กกต.ด้วย
ด้าน น.ส.ปิยนาฏ กลางพนม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ตามหลักการเพิ่ม-ถอนชื่อ หากมีหลักฐานยืนยันว่าได้ลงทะเบียนจริง ก็สามารถไปขอเพิ่มชื่อที่กรรมการหน่วยเลือกตั้งได้เลย ซึ่งกรณีของน้องผู้ร้องก็ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ในวันสุดท้ายช่วง 4 ทุ่มกว่า ซึ่งช่วงดังกล่าวมีคนลงทะเบียนจำนวนมาก จึงทำให้ระบบล่มตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหลายพื้นที่
แต่เมื่อผู้ร้องยืนยันว่าได้ลงทะเบียนมีสิทธิ์เลือกตั้ง เขต 2 และมีหลักฐานชัดเจน ก็สามารถนำหลักฐานดังกล่าวไปแสดงต่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งกลางเพื่อเพิ่มชื่อ ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ตามปกติ ซึ่งทาง กกต.เองก็จะได้ประสานกับกรรมการประจำหน่วยได้รับทราบอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งถือเป็นรายแรกของ จ.บุรีรัมย์ ที่พบ ซึ่งทาง กกต.ก็จะได้นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ตั้งใจจะมาใช้สิทธิ์ได้ใช้สิทธิ์ทุกคน ซึ่งทาง กกต.ก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอยู่แล้ว
จากข้อมูลพบว่าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งนอกเขตและในเขต ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2566 รวมจำนวน 9,977 คน แยกเป็นนอกเขต 9,296 คน และในเขต 681 คน