เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ อาสาเป็นนักบิน ย้อนฟังเดี่ยว ที่ฮือฮา ‘โน้ส อุดม’ เคยว่า ‘ไทยมียามขับเครื่องบิน’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3941980
มาก่อนกาล..เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ อาสาเป็นนักบิน ย้อนฟังเดี่ยว ที่ฮือฮา ‘โน้ส อุดม’ เคยว่า ‘ไทยมียามขับเครื่องบิน’ ถาม ‘จะพาไปไหน?’
เดินสายหาเสียง ขึ้นเวที ที่สวนสาธารณะสวนไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พาทีม รวมไทยสร้างชาติ อ้อนชาวอุดรธานี การวมไทยสร้างชาติ
ช่วงตอนหนึ่ง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. ได้บอกความในใจ อาสาเป็นนักบิน พาเครื่องบินอย่างประเทศไทย ไปต่อ โดยว่า
“
เชื่อมั่นในพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้พวกเราจะเข้ามาขับเครื่องบินของลุงต่อ เปรียบเทียบลุงเหมือนนักบินที่มีความเชี่ยวชาญในการบินมา 8 ปี 4 ปีแรกและ 4 ปีหลัง ใครต้องการนักบินใหม่ทั้งหมด ต้องมีนักบินทั้งเก่าทั้งใหม่พารัฐนาวานี้ โดยมีพวกเราเป็นผู้โดยสารไปข้างหน้าพร้อมๆ กันด้วยความปลอดภัย”
“
เวลาพูดมันเครียดว่าจะทำได้หรือไม่ เหมือนนักบินที่สะสมชั่วโมงบิน ถึงจะเจออากาศแปรปรวน มันก็ยังฟันฝ่ามาได้ถึงพื้นอย่างปลอดภัยในวันนี้ วันนี้เราต้องผลิตนักบินใหม่เหล่านี้ขึ้นมา คนรุ่นใหม่ที่มีหลักการและมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนขึ้นมาทดแทนในอนาคต เพราะนักบินคนนี้ก็แก่แล้ว ต่อไปเครื่องบินก็เปลี่ยนใหม่พอดี เปลี่ยนทั้งนักบิน เปลี่ยนทั้งเครื่องบิน แต่ยังไงก็ต้องมีนักบิน มือหนึ่งถ้ามีแต่นักบินเบอร์สองมันจะบินได้มั้ย ถ้าเจอพายุก็แกว่งไกว ผมสมัครใจเป็นนักบินเบอร์หนึ่ง ให้อีกรอบหนึ่งในครั้งนี้ ก็สุดแล้วแต่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือก” พล.อ.
ประยุทธ์กล่าว
เรื่องนี้ ทำให้หลายคนที่ได้เข้ามาอ่านข่าว ต่างแสดงความเห็นกันถ้วนทั่ว โดยก็มีบางราย ที่มองว่า บทพูดบนเวทีดังกล่าว ดูจะไปสอดคล้องกับ เดี่ยว 13 ของ
โน้ส อุดม ที่ก็เคยเปรียบเทียบการบริการประเทศ กับการเป็นนักบิน เช่นกัน
ดย โน้ส อุดม เคยบอกไว้ว่า
“
ตอนนี้ประเทศเราขับโดยซีเคียวริตี้การ์ด (ยาม-เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) ผมไม่ได้ว่าท่านเป็นคนไม่ดีนะครับ แยกแยะก่อน คือผมก็เคยชอบเหมือนกับท่านนั้นแหละฮะ เราไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดี คือการขับเครื่องบินเก่งมันคนละเรื่องกับคนดี ไม่ใช่ว่าเราไปเจอพระรูปหนึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศีล 227 แล้วนิมนต์ท่านขึ้นมาขับเครื่องบิน (เสียงฮา) คนละเรื่องกัน มันเป็นเรื่องผู้ชำนาญ ตอนนี้ประเทศเราขับโดยคนขับเครื่องบินไม่เป็นครับ”
โดย เดี่ยว 13 เคยเป็นที่ฮือฮาในวงสังคม เมื่อได้เข้าฉายในแพลตฟอร์ม เน็ตฟลิกซ์ จนกระทั่ง นาย
ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และ
สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นหนังสือให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการแสดงครั้งนี้ ระบุว่ามีการพาดพิง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ผู้ประกอบการโรงแรม โอดค่าไฟพุ่งขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ขยับจาก 5 แสน เป็น7แสน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3941848
ผู้ประกอบการโรงแรม โอดค่าไฟพุ่งขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ขยับจาก 5 แสน เป็น7แสน
นางสาว
พรพนา รัตนเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเครือ LK Group Pattaya กล่าวว่า โรงแรมได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ เป็นอย่างมากจากที่ปรกติจ่ายอยู่ที่ประมาณ 5 แสน ก็ขยับขึ้นมาจ่ายที่ 7 แสน ซึ่งต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่โรงแรมก็ใช้ไฟฟ้าเท่าเดิมทำให้เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่มีรายได้เท่าเดิม แต่พวกภาษีทางโรงแรมก็ต้องจ่าย ค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเหมือนเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการโรงแรม
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะพักโรงแรม 5 ดาว แต่ลูกค้าบางรายก็เลือกพักโรงแรม 3 ดาวโดยจะพักเป็นระยะเวลานานเพื่อเป็นลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า แต่ทางโรงแรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำที่สูง ทำให้โรงแรมเกิดผลกระทบต่างๆเพิ่มมากขึ้นทั้งที่รายได้ยังคงเท่าเดิม
ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคิดค่าไฟฟ้าให้หันมาช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมบ้าง มีนโยบายลดค่า FT ไฟฟ้าลงมาหน่อย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมให้ลดภาระค่าใช้จ่ายลง ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีเท่าเหมือนตอนก่อนหน้าช่วงโควิด 19
หลังจากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทางโรงแรมก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโรงแรม อุปกรณ์ภายในห้องพัก ค่าจ้างพนักงาน และค่าอื่นๆทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ มันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมามองและลงมาช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมบ้าง
โรงน้ำแข็งจ่อเจ็บหนัก ไฟ-น้ำมันแพง ประปาจะขึ้นอีก ชี้ปรับจริงต้องขึ้นตาม สุดท้ายผู้บริโภคอ่วม
https://www.matichon.co.th/region/news_3941391
โรงงานผลิตน้ำแข็งก้อนที่ขอนแก่นโอด แบกรับค่าไฟฟ้า-น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าหนักมากแล้ว ยังต้องมาแบกรับค่าน้ำประปาที่จ่อปรับขึ้นราคาอีก เคยสะท้อนปัญหาถึงรัฐบาล แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ชี้หากต้นทุนเพิ่มขึ้นก็ต้องปรับราคาขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นาย
ประดิษฐ์ ทองรักษ์วยุกุล ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตน้ำแข็งขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 240 ตันต่อวัน กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเกี่ยวกับการเตรียมปรับขึ้นราคาน้ำประปาจากสื่อมวลชน ยอมรับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ประกอบกิจการโรงงานน้ำแข็ง ซึ่งต้องใช้น้ำเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
นาย
ประดิษฐ์กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาโรงงานจะมีแหล่งน้ำของเราเอง โดยการขุดเจาะน้ำขึ้นมากักเก็บในสระน้ำของโรงงาน แต่ปัจจุบันได้ใช้น้ำประปาเข้ามาเสริม เนื่องจากแหล่งน้ำหลักของโรงงานเริ่มเหลือน้อย หากมีการปรับขึ้นราคาน้ำประปาจริง โรงงานก็คงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก เพราะลำพังค่าไฟฟ้าที่ต้องแบกรับอยู่ในขณะนี้ก็ถือว่าหนักมาก โดยค่าไฟฟ้าที่โรงงานใช้ในการผลิตน้ำแข็ง หากเปรียบเทียบกับปี 2565 ปีนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
นาย
ประดิษฐ์กล่าวอีกว่า รอบบิลของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงงานต้องชำระค่าไฟฟ้าประมาณ 580,000 บาท และในรอบบิลของเดือนเมษายนที่จะถึง คาดว่าค่าไฟฟ้าอาจสูงถึง 700,000 บาท นอกจากค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับแล้ว ยังมีค่าน้ำมันรถที่ใช้ในการวิ่งส่งน้ำแข็งให้ลูกค้า โดยโรงงานมีรถบริการส่งน้ำแข็ง จำนวน 20 คัน ค่าน้ำมันเฉลี่ยตกวันละ 400 ลิตร เป็นเงินประมาณ 14,000 บาท เดือนละประมาณ 420,000 บาท
“
นับตั้งแต่ค่าน้ำมันปรับขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้า ผู้บริหารโรงงานได้ประชุมหารือกันเรื่องขึ้นราคาขายปลีกและขายส่งน้ำแข็ง เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้โรงงานต้องขึ้นราคาตามกลไกตลาด และได้กำหนดมาตรการ หรือแนวทางปฏิบัติให้กับพนักงานโรงงานในการประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น เวลาขับรถส่งน้ำแข็งก็ให้ขับช้าลง โดยมีระบบ GPS ในการตรวจสอบการขับขี่ของรถแต่ละคัน รวมทั้งการตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถยนต์แต่ละคันให้ถี่ขึ้น” ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่นระบุ
ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่นระบุอีกว่า ปัจจุบันโรงงานขาย “น้ำแข็งก้อน” ตั้งแต่กระสอบละ 30, 35 และ 40 บาท ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในแต่ละช่วงเวลา หากในอนาคตมีการขึ้นราคาน้ำประปาก็จะส่งผลกับค่าใช้จ่ายของโรงงานแน่นอน หากโรงงานต้องแบกรับต้นทุนการผลิตมากขึ้น จำเป็นต้องขึ้นราคาขายน้ำแข็ง ทั้งแบบขายปลีกและขายส่ง ท้ายที่สุดผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือผู้บริโภค
นาย
ประดิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมในพื้นที่ขอนแก่นเคยเสนอแนวทางช่วยเหลือไปยังรัฐบาลในการควบคุมต้นทุนการผลิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ล่าสุดจะปรับค่าน้ำประปาอีก คงจะแล้วแต่เวรกรรม
“
รัฐบาลต่อไปก็ไม่รู้ว่าใครจะมาดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เมื่อราคาต้นทุนสูงขึ้น โรงงานก็ต้องปรับราคาขึ้น แต่ก็ต้องดูราคาจำหน่ายกับโรงงานอื่นๆ ด้วย ท้ายที่สุดแล้วคงไม่คาดหวังกับรัฐบาลชุดไหน คงต้องช่วยเหลือตัวเองไปเท่าที่จะแบกรับได้” นาย
ประดิษฐ์กล่าว
JJNY : ย้อนเดี่ยว‘โน้ส อุดม’เคยว่า‘ไทยมียามขับเครื่องบิน’│ผู้ประกอบการโรงแรมโอด│โรงน้ำแข็งจ่อเจ็บหนัก│โวยอาหารทหารเกณฑ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3941980
มาก่อนกาล..เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ อาสาเป็นนักบิน ย้อนฟังเดี่ยว ที่ฮือฮา ‘โน้ส อุดม’ เคยว่า ‘ไทยมียามขับเครื่องบิน’ ถาม ‘จะพาไปไหน?’
เดินสายหาเสียง ขึ้นเวที ที่สวนสาธารณะสวนไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พาทีม รวมไทยสร้างชาติ อ้อนชาวอุดรธานี การวมไทยสร้างชาติ
ช่วงตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. ได้บอกความในใจ อาสาเป็นนักบิน พาเครื่องบินอย่างประเทศไทย ไปต่อ โดยว่า
“เชื่อมั่นในพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้พวกเราจะเข้ามาขับเครื่องบินของลุงต่อ เปรียบเทียบลุงเหมือนนักบินที่มีความเชี่ยวชาญในการบินมา 8 ปี 4 ปีแรกและ 4 ปีหลัง ใครต้องการนักบินใหม่ทั้งหมด ต้องมีนักบินทั้งเก่าทั้งใหม่พารัฐนาวานี้ โดยมีพวกเราเป็นผู้โดยสารไปข้างหน้าพร้อมๆ กันด้วยความปลอดภัย”
“เวลาพูดมันเครียดว่าจะทำได้หรือไม่ เหมือนนักบินที่สะสมชั่วโมงบิน ถึงจะเจออากาศแปรปรวน มันก็ยังฟันฝ่ามาได้ถึงพื้นอย่างปลอดภัยในวันนี้ วันนี้เราต้องผลิตนักบินใหม่เหล่านี้ขึ้นมา คนรุ่นใหม่ที่มีหลักการและมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนขึ้นมาทดแทนในอนาคต เพราะนักบินคนนี้ก็แก่แล้ว ต่อไปเครื่องบินก็เปลี่ยนใหม่พอดี เปลี่ยนทั้งนักบิน เปลี่ยนทั้งเครื่องบิน แต่ยังไงก็ต้องมีนักบิน มือหนึ่งถ้ามีแต่นักบินเบอร์สองมันจะบินได้มั้ย ถ้าเจอพายุก็แกว่งไกว ผมสมัครใจเป็นนักบินเบอร์หนึ่ง ให้อีกรอบหนึ่งในครั้งนี้ ก็สุดแล้วแต่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เรื่องนี้ ทำให้หลายคนที่ได้เข้ามาอ่านข่าว ต่างแสดงความเห็นกันถ้วนทั่ว โดยก็มีบางราย ที่มองว่า บทพูดบนเวทีดังกล่าว ดูจะไปสอดคล้องกับ เดี่ยว 13 ของโน้ส อุดม ที่ก็เคยเปรียบเทียบการบริการประเทศ กับการเป็นนักบิน เช่นกัน
ดย โน้ส อุดม เคยบอกไว้ว่า
“ตอนนี้ประเทศเราขับโดยซีเคียวริตี้การ์ด (ยาม-เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) ผมไม่ได้ว่าท่านเป็นคนไม่ดีนะครับ แยกแยะก่อน คือผมก็เคยชอบเหมือนกับท่านนั้นแหละฮะ เราไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดี คือการขับเครื่องบินเก่งมันคนละเรื่องกับคนดี ไม่ใช่ว่าเราไปเจอพระรูปหนึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศีล 227 แล้วนิมนต์ท่านขึ้นมาขับเครื่องบิน (เสียงฮา) คนละเรื่องกัน มันเป็นเรื่องผู้ชำนาญ ตอนนี้ประเทศเราขับโดยคนขับเครื่องบินไม่เป็นครับ”
โดย เดี่ยว 13 เคยเป็นที่ฮือฮาในวงสังคม เมื่อได้เข้าฉายในแพลตฟอร์ม เน็ตฟลิกซ์ จนกระทั่ง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และ สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นหนังสือให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการแสดงครั้งนี้ ระบุว่ามีการพาดพิง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ผู้ประกอบการโรงแรม โอดค่าไฟพุ่งขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ขยับจาก 5 แสน เป็น7แสน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3941848
ผู้ประกอบการโรงแรม โอดค่าไฟพุ่งขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ขยับจาก 5 แสน เป็น7แสน
นางสาวพรพนา รัตนเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเครือ LK Group Pattaya กล่าวว่า โรงแรมได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ เป็นอย่างมากจากที่ปรกติจ่ายอยู่ที่ประมาณ 5 แสน ก็ขยับขึ้นมาจ่ายที่ 7 แสน ซึ่งต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่โรงแรมก็ใช้ไฟฟ้าเท่าเดิมทำให้เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่มีรายได้เท่าเดิม แต่พวกภาษีทางโรงแรมก็ต้องจ่าย ค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเหมือนเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการโรงแรม
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะพักโรงแรม 5 ดาว แต่ลูกค้าบางรายก็เลือกพักโรงแรม 3 ดาวโดยจะพักเป็นระยะเวลานานเพื่อเป็นลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า แต่ทางโรงแรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำที่สูง ทำให้โรงแรมเกิดผลกระทบต่างๆเพิ่มมากขึ้นทั้งที่รายได้ยังคงเท่าเดิม
ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคิดค่าไฟฟ้าให้หันมาช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมบ้าง มีนโยบายลดค่า FT ไฟฟ้าลงมาหน่อย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมให้ลดภาระค่าใช้จ่ายลง ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีเท่าเหมือนตอนก่อนหน้าช่วงโควิด 19
หลังจากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทางโรงแรมก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโรงแรม อุปกรณ์ภายในห้องพัก ค่าจ้างพนักงาน และค่าอื่นๆทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ มันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมามองและลงมาช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมบ้าง
โรงน้ำแข็งจ่อเจ็บหนัก ไฟ-น้ำมันแพง ประปาจะขึ้นอีก ชี้ปรับจริงต้องขึ้นตาม สุดท้ายผู้บริโภคอ่วม
https://www.matichon.co.th/region/news_3941391
โรงงานผลิตน้ำแข็งก้อนที่ขอนแก่นโอด แบกรับค่าไฟฟ้า-น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าหนักมากแล้ว ยังต้องมาแบกรับค่าน้ำประปาที่จ่อปรับขึ้นราคาอีก เคยสะท้อนปัญหาถึงรัฐบาล แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ชี้หากต้นทุนเพิ่มขึ้นก็ต้องปรับราคาขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายประดิษฐ์ ทองรักษ์วยุกุล ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตน้ำแข็งขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 240 ตันต่อวัน กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเกี่ยวกับการเตรียมปรับขึ้นราคาน้ำประปาจากสื่อมวลชน ยอมรับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ประกอบกิจการโรงงานน้ำแข็ง ซึ่งต้องใช้น้ำเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
นายประดิษฐ์กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาโรงงานจะมีแหล่งน้ำของเราเอง โดยการขุดเจาะน้ำขึ้นมากักเก็บในสระน้ำของโรงงาน แต่ปัจจุบันได้ใช้น้ำประปาเข้ามาเสริม เนื่องจากแหล่งน้ำหลักของโรงงานเริ่มเหลือน้อย หากมีการปรับขึ้นราคาน้ำประปาจริง โรงงานก็คงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก เพราะลำพังค่าไฟฟ้าที่ต้องแบกรับอยู่ในขณะนี้ก็ถือว่าหนักมาก โดยค่าไฟฟ้าที่โรงงานใช้ในการผลิตน้ำแข็ง หากเปรียบเทียบกับปี 2565 ปีนี้ถือว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
นายประดิษฐ์กล่าวอีกว่า รอบบิลของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงงานต้องชำระค่าไฟฟ้าประมาณ 580,000 บาท และในรอบบิลของเดือนเมษายนที่จะถึง คาดว่าค่าไฟฟ้าอาจสูงถึง 700,000 บาท นอกจากค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องแบกรับแล้ว ยังมีค่าน้ำมันรถที่ใช้ในการวิ่งส่งน้ำแข็งให้ลูกค้า โดยโรงงานมีรถบริการส่งน้ำแข็ง จำนวน 20 คัน ค่าน้ำมันเฉลี่ยตกวันละ 400 ลิตร เป็นเงินประมาณ 14,000 บาท เดือนละประมาณ 420,000 บาท
“นับตั้งแต่ค่าน้ำมันปรับขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้า ผู้บริหารโรงงานได้ประชุมหารือกันเรื่องขึ้นราคาขายปลีกและขายส่งน้ำแข็ง เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้โรงงานต้องขึ้นราคาตามกลไกตลาด และได้กำหนดมาตรการ หรือแนวทางปฏิบัติให้กับพนักงานโรงงานในการประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น เวลาขับรถส่งน้ำแข็งก็ให้ขับช้าลง โดยมีระบบ GPS ในการตรวจสอบการขับขี่ของรถแต่ละคัน รวมทั้งการตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถยนต์แต่ละคันให้ถี่ขึ้น” ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่นระบุ
ผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งซันนี่ขอนแก่นระบุอีกว่า ปัจจุบันโรงงานขาย “น้ำแข็งก้อน” ตั้งแต่กระสอบละ 30, 35 และ 40 บาท ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในแต่ละช่วงเวลา หากในอนาคตมีการขึ้นราคาน้ำประปาก็จะส่งผลกับค่าใช้จ่ายของโรงงานแน่นอน หากโรงงานต้องแบกรับต้นทุนการผลิตมากขึ้น จำเป็นต้องขึ้นราคาขายน้ำแข็ง ทั้งแบบขายปลีกและขายส่ง ท้ายที่สุดผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือผู้บริโภค
นายประดิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมในพื้นที่ขอนแก่นเคยเสนอแนวทางช่วยเหลือไปยังรัฐบาลในการควบคุมต้นทุนการผลิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ล่าสุดจะปรับค่าน้ำประปาอีก คงจะแล้วแต่เวรกรรม
“รัฐบาลต่อไปก็ไม่รู้ว่าใครจะมาดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เมื่อราคาต้นทุนสูงขึ้น โรงงานก็ต้องปรับราคาขึ้น แต่ก็ต้องดูราคาจำหน่ายกับโรงงานอื่นๆ ด้วย ท้ายที่สุดแล้วคงไม่คาดหวังกับรัฐบาลชุดไหน คงต้องช่วยเหลือตัวเองไปเท่าที่จะแบกรับได้” นายประดิษฐ์กล่าว