สวัสดีค่ะทุกคน
ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆ มันเลยทำให้มิ้นคิดถึงอากาศเย็นสบายขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้ว ที่มิ้นได้มีโอกาสไปเที่ยวเยอรมันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอากาศเย็นลงไปถึงเลขตัวเดียวเลยค่ะ
วันนี้มิ้นก็เลยจะมาเล่าถึงทริปนั้น ว่าไปเจออะไรมาบ้าง
บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นการไปยุโรปครั้งแรกของมิ้น ตื่นเต้นมากๆ
ซึ่งกระทู้นี้จะไม่ได้เน้นข้อมูลอะไรมากเท่าไหร่ เพราะจะเป็นการเล่าประสบการณ์ของมิ้น
มีทั้งเรื่องฮาๆ เด๋อๆ แล้วก็เรื่องลุ้นระทึกใจ ตามชื่อกระทู้เลยค่ะ
‘เที่ยวยุโรปครั้งแรก ขาไปเกือบไม่ได้ไป ขากลับเกือบไม่ได้กลับ’
ก่อนจะไปก็ต้องมีวีซ่า มิ้นเตรียมเอกสารเองทั้งหมดและจองคิวออนไลน์ในเว็บของ VFS
วันที่ยื่นเอกสาร เรามาทำที่ VFS ตึกจามจุรี ตรงข้ามสามย่านมิดทาวน์นะ
ซึ่งเค้าจะต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ข้อควรระวังเลยก็คือ มือแห้งลอก ลายนิ้วมือไม่ชัด
ถามว่าแค่มือลอกมันจะเป็นอะไร ?
จะเสียเวลาไปพิมพ์ลายนิ้วมือใหม่ค่าาาา 55555555 ประสบการณ์ตรงของคนมือแห้ง
เพราะวันนั้นลายนิ้วมือไม่ชัด VFS เลยโทรตามให้ไปพิมพ์ใหม่จ้ะ
หลังจากนั้นก็รอพาสปอร์ตส่งกลับมาที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ
.
.
.
.
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก รอ 2 สัปดาห์หลังจากส่งเอกสารไป
พาสปอร์ตก็มาส่งที่บ้าน
ไอเราก็ลุ้นมากว่าวีซ่าจะผ่านมั้ยนะ
.
.
.
.
ไม่ผ่าน!!!!!
เปิดทุกหน้า พลิกทั้งเล่ม ไม่มีเลยจ้ะวีซ่าเชงเก้นที่ฉันใฝ่ฝัน55555555
ได้แต่ใบนี้มา
ถามว่ายอมมั้ย
บอกเลยว่าไม่ค่ะ
ค่าวีซ่าหลายพันบาทจะต้องไม่สูญเปล่า! 55555555
ยื่นเรื่องอุทธรณ์ทันทีทันใด ผ่านทางอีเมลของสถานทูต
ครั้งนี้คาดหวังมากอยู่เหมือนกันว่าต้องผ่านแน่ๆ
มิ้นมีไปอ่านกระทู้ของคนที่เค้ายื่นอุทธรณ์ไว้
ซึ่งสุดท้ายคนนั้นเค้าได้รับการติดต่อกลับภายใน 1 วัน
และวันถัดไปเค้าวอคอินไปและได้วีซ่า
มิ้นเลยแอบมั่นนิดนึงว่าตัวเองก็อาจจะลงเอยด้วยดีแบบนั้นเหมือนกัน
.
.
รอแล้วรอเล่า
เวลาก็ผ่านไป 1 สัปดาห์
.
.
จนเวลาผ่านไป 1 เดือน
.
.
จนกระทั่ง 2 เดือน ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา
ซึ่งการยื่นอุทธรณ์นี้ ทางสถานทูตได้บอกไว้ชัดเจนเลยว่าจะใช้เวลาสูงสุด 3 เดือน
และห้ามเร่ง
ถ้ารีบใช้วีซ่า จะต้องยื่นใหม่ เสียเงินใหม่เท่านั้น
บอกเลยว่าตอนนั้นความมั่นที่มีในวันแรกที่ยื่นอุทธรณ์ไปคือหายหมดสิ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือนครึ่ง
มิ้นได้รับอีเมลจากสถานทูตว่า สามารถออกวีซ่าได้
โดยขอเอกสารเพิ่มเติม และกำหนดวันเดินทางว่าไม่เกินวันที่ xx xx xxxx
มันทำให้มิ้นเลือกที่จะไปวันไหนก็ได้ เพียงแค่ไม่เกินวันที่เค้ากำหนด และจำนวนวันเท่ากับตอนแรกที่ขอไป
หลังจากได้เมลและตัดสินใจเลือกวันที่จะไปเรียบร้อย มิ้นก็ลางานกับหัวหน้าทันที
และวันที่มิ้นเลือกที่จะไปก็คือ คืนวันพรุ่งนี้ หัวหน้าคงจะงงว่ามันจะอะไรขนาดนั้น แต่ก็ให้ลาค่ะ 😂
คืนนั้นมิ้นเลยเตรียมเอกสารเพิ่มเติม และซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อบินในคืนถัดไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น มิ้นรีบวอคอินไปเอาวีซ่าที่สถานทูตเยอรมนีตอน 8 โมง
เพื่อที่จะเตรียมบินคืนนั้นตอน 23.30 เลย
แต่ก็พบกับเรื่องลุ้นระทึกอีกเรื่องนึง นั่นก็คือมิ้นไม่ได้ตอบอีเมลของทางสถานทูตว่ายังยืนยันที่จะไป
เค้าเลยบอกว่าวีซ่าอาจจะออกไม่ทัน...
ให้มาใหม่ตอนสายๆของวันนั้น
.
.
ระหว่างนั้นมิ้นก็ไปกินข้าว สระผมรอแถวๆนั้น
ยังจำความรู้สึกครั้งนั้นได้ดีเลย
กังวลมากพอสมควร เพราะไม่สามารถ Refund ค่าตั๋วเครื่องบินได้
บวกกับก่อนหน้านั้นดูดวงละถามหมอดูว่าจะได้ไปมั้ย 5555555
หมอดูบอกว่าอาจจะได้ไป แต่มีอุปสรรคนะ
ในใจตอนนั้นก็คิด หรือนี่มันคืออุปสรรค?? คือฟุ้งซ่านไปหมดจริงๆ
.
รู้ตัวอีกทีก็ 11 โมงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปเอาพาสปอร์ตแล้ว
ในที่สุด.. ก็ผ่านจนได้ 🥹
อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนดีใจกับมิ้นมั้ยคะ 5555555
หลังจากผ่านวีซ่า มิ้นมีเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว
ด้วยความที่ไม่เคยไปประเทศหนาวๆเลย ก็พุ่งตัวไปซื้อเสื้อผ้ากันหนาวทันที
หลังจากนั้นก็กลับบ้าน จัดกระเป๋า
โดนที่บ้านบ่นเป็นชุดว่ามันจะกะทันหันอะไรขนาดนั้น
แต่สุดท้ายมิ้นก็มาถึงสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อยในเวลา 2 ทุ่ม
ขาไป มิ้นนั่ง Lufthansa ไปลงมิวนิค แล้วต้องต่อเครื่องเพื่อไปลงแฟรงเฟิร์ตนะคะ
บินไกลครั้งแรก ไม่เคยนั่งแบบต่อเครื่อง แล้วก็บินคนเดียวครั้งแรกไปอีก ตื่นเต้นสุดๆ
และด้วยความที่ไม่ได้นั่งเครื่องบินหลายปีแล้ว มิ้นก็งงๆอยู่ในสนามบินอยู่แปปนึง
เดินตามป้ายมั่ง ไลน์ถามคนอื่นมั่ง เสิร์ชในเน็ตมั่ง5555555
แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี
มุมมหาชนซักหน่อยค่า
ก็เดินๆตามป้าย ตามลูกศรไปค่ะ 5555555
มุมนี้เป็นมุมที่ให้ความรู้สึกว่าเรากำลังจะได้เดินทางไปที่ไหนซักที่นึงแล้วจริงๆนะ
ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องก็ภาวนาขอให้ทริปนี้ราบรื่น ไม่มีอุปสรรคอะไรให้ตื่นเต้นอีกต่อไป
มิ้นอยากจะตื่นเต้นแค่เรื่องที่จะได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆก็พอแล้ว 5555555
ได้ที่นั่งริมหน้าต่างด้วยยย ตอนแรกดีใจนะ
แต่ตอนหลังคือเริ่มรู้สึกว่าไม่โอเคเพราะเกรงใจคนข้างๆ ไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำเลย ฮือ
มื้อแรกบนเครื่องจะเป็นข้าวแกงเขียวหวาน ขนมปัง มันฝรั่ง เค้กกล้วยหอม และคิทแคท
ในตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาประมาณตี 1 ของไทย ถามว่ากินมั้ย ก็กิน ก็อ้วนๆไปเลยค้าบ
นั่งมองหน้าต่างที่เราภาคภูมิใจ และก็พลางคิดในใจว่า เมื่อไหร่จะถึงนะ เมื่อยและอยากเข้าห้องน้ำแล้วววว555555
หลับไปหลายตื่นก็มีมื้อเช้ามาเสิร์ฟ จำได้ว่าขนมปังค่อนข้างแข็งแต่รสชาติไม่แย่นะ
และการที่เค้ามาเสิร์ฟมื้อที่ 2 นั่นแปลว่า เราใกล้ถึงมิวนิคแล้วค่ะทุกคนนน
ถึงสนามบินมิวนิคแล้วค่าาา ซึ่งเรามีเวลาประมาณ 45 นาทีก่อนที่จะต้องต่อเครื่องไปแฟรงเฟิร์ต
อากาศเย็นมาก แอบแวะห้องน้ำใส่เสื้อกันหนาวและทำธุระส่วนตัวแบบสบายๆนิดนึง
ออกจากห้องน้ำก็เดินตามป้ายเท่านั้นค่ะ
ทางเดินที่แสนยาวไกล กลัวว่าจะหลงสุดๆ เวลาก็น้อยมากๆ เดินสับฟิลโมเดลเลยค่ะ
และนี่ค่ะ ความเป็นจริงที่มิ้นต้องเจอที่สนามบินมิวนิค 555555555
คนรอตรวจสัมภาระเยอะมากๆ ทำให้เครียดเลยว่าจะตกเครื่องที่ไปแฟรงเฟิร์ตรึป่าว
เวลาก็บีบเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็พยายามทำใจให้สงบและตั้งสติ
ตอนนั้นได้เจอคนไทยที่ต่อหลังมิ้นด้วย
คุยกันได้ความมาว่าเค้าจะไปทำงานเรือที่สเปน
ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะในใจมิ้นคือ กลัวจะตกเครื่องอย่างเดียว
.
ใกล้เวลา boarding เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงคิวมิ้นซักที
ก็เข้าเครื่องสแกนตามปกติ แล้วสัญญาณดัง
เจ้าหน้าที่เลยถามอะไรมิ้นซักอย่างแต่มิ้นฟังไม่เข้าใจเลยทำหน้างงแล้วไม่ได้ตอบอะไรไป
เค้าก็พูดซ้ำอีก มิ้นก็ยังไม่เข้าใจ เค้าเลยถามว่า คุณพูดภาษาอังกฤษมั้ย?
มิ้นเลยตอบไปว่า NO เจ้าหน้าที่ไม่รอช้า ตอบกลับมาเลยว่า You speak nothing
555555555 ในใจตอนนั้นก็คือฮาแล้วก็งง
.
หลังจากที่ผ่านจุดตรวจสัมภาระตรงนี้ไป มิ้นก็สับขาวิ่งเลย ไม่งั้นตกเครื่องแน่ๆ
หลังจากตรงนี้ไปก็จะเป็นตม.
เค้าถามนิดหน่อยว่ามาทำอะไร อยู่ที่แฟรงเฟิร์ตเลยมั้ยหรือไปประเทศอะไรต่อ และขอดูไฟลท์บินกลับ
มิ้นก็ตอบคำถาม ยื่นไฟลท์กลับให้ดูจากโทรศัพท์ มีเด๋อใส่เค้าไปที แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
.
ไม่กี่นาทีต่อมา มิ้นก็มาอยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะมุ่งหน้าไปแฟรงเฟิร์ตเรียบร้อยแล้วค่าา
หลังจากนี้จะเป็นยังไง เดี๋ยวมิ้นจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะทุกคน
มีเรื่องสนุกๆและตื่นเต้นอีกแน่นอนค่ะ 😆
เที่ยวยุโรปครั้งแรก ขาไปเกือบไม่ได้ไป ขากลับเกือบไม่ได้กลับ