ถ้าเราย้ายออกไปพวกเขาจะมีความสุขมากขึ้นมั้ย

เรื่องมีอยู่ว่าเราทะเลาะกับพี่รุนแรง ด้วยเรื่องเปิดร้าน ตอนนั้นเราไปปลุกนางบ่ายสอง เพราะเราหิวข้าว จะไปทำกับข้าว พอนางมาเราก็ถามว่าเมื่อวานนอนกี่โมง ทำอะไร นางบอกว่านอนตี4 ดูซีรัย์ ส่วนน้องต้องมานอนแต่หัววันเพื่อเปิดร้าน แล้วจากนั้นก็เริ่มมีปากเสียงกัน พี่ถึงขั้นดูหมิ่นการศึกษาน้องว่าจบแค่ม.6 ตอนนั้นเราจากที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธมากบึ้นอีกทเพราะพ่อกับแม่ส่งนางเรียนมาหลัยจนจบทั้งๆที่ตัวพวกท่านเองก็ไม่ได้ศึกษาสูง(พวกท่านจบแค่ประถม แต่ก็ขยันทำงานมาก) จากการทะเลาะกัน มันทำให้เรารู้ว่านางไม่สน ไม่แคร์ และเห็นแก่ตัวมาก นางพูดว่าจะเป็นยังไงกุไม่สนใจ ส่วนร้านก็เป็นคนเปิดเอง ทั้งๆทีเวลาเงินใช้ไม่พอก็มาเอากับแม่ แล้วเงินแม่ก็มาจากการขายของนี้แหละ เราคิดว่า สมองของคนที่จบมหาลัยคิดแบบนี้หรอวะ แล้วหลังจากนั้นนางไปคุยแชทกับเพื่อน โพสลงกลุ่มระบาย ขอความเห็นใจจากคนอื่นๆ นางโพสประมาณว่า ฉันเนี้ยต้องทำงานหาเงินเองตั้งแต่เด็ก เรียนมหาลัยก็กู้กยศ. สามารถส่งตัวไปเองทำงานที่ต่างประเทศได้ ส่วนน้องฉันเนี้ยสิ มันสบาย พ่อแม่ก็รักน้อง มหาลัยเทอมล่ะ5หมื่น แล้วแ็ไม่จบ บิลค่าโทรไม่เคยจ่ายเอง วันนี้ที่ทะเลาะกันเนียพ่อแม่ก็ว่าแต่เราไม่ว่าน้อง ซึ่งอายุมันก็ไม่ใช่น้อยๆล่ะ ยังเกาะพ่อแม่กินอยู่เลย  ซึ่งเราแบบ โห ทำได้ขนาดนี้หรอว่ะ แล้วคอมเม้นใต้โพสนางส่วนใหญ่ก็...ด่าน้องค่ะ แล้วให้กำลังใจพี่ ส่วนนางพอได้กำลังใจพอใจแล้ว นางก็คิกคักคุยโวกะบเพื่อนนางต่อค่ะ
 ถ้าคุณมาอ่านคำชี้แจงของเรา คุณจะว่าเราแถก็ได้ค่ะ แต่อยากให้เข้าใจเราหน่อย สักนิดนึงก็ยังดี
-มหาลัยเราไม่ได้เรียนเทอมล่ะ5หมื่นค่ะ เราเรียนเทอมล่ะ30,000 
-กู้กยศ.เราเคยวิ่งเพื่อจะยื้นกู้แล้ว ถึงขั้นเข้าห้องธุรการเป็นว่าเล่นเลยค่ะ เขาแนะนำมาว่าให้ไปที่สน.ไปขอลายเซ็นกัยตำรวจ เขาเซ็นให้อยู่แล้ว เขาต้องช่วยเหลือปประชาชน ซึ่งเราก็ไปค่ะ แต่เขาไม่เซ็นให้ ช่วงนั้นยังมีการเข้าใจอยู่ว่า คนเซ็นคือคนค้ำ เขาเลยไม่เซ็นให้ค่ะ 
ส่วนพี่เราที่ยื่นกู้ได้ เพราะเป็นมหาลัยกึ่งรัฐ-เอกชน ยังมีอาจารย์เป็นราชการอยู่ เขาเลยเซ็นให้นักศึกษา
-เราเรียนไม่จบจริงค่ะ ไปเรียนผู้ช่วยพยาบาลต่อ กว่าจะได้วานทำเป็นแหล่งหลักก็อายุไป23ปี ตอนนี้เป็นผู้ช่วยแพทย์ที่ห้องผ่าตัดค่ะ เป็นรพ.ศัลย์กรรมตกแต่งค่ะ ใครสนใจทำทำตา ทำจมูก หน้าอกหรือแปลงเพศก็ติดต่อมาได้ค่ะ😂
-บิลค่าโทรศัพท์ ก่อนที่เราจะได้ทำงานเบื้อนต้นเรารับทำพาททามก่อนค่ะ อยู่ตามแผนก ของรพ. ซึ่งเรามีรายได้ส่วนนึง แล้วเราก็จ่ายบิลค่าโทรศัพท์เองค่ะ แต่แค่ไม่ได้บอกใคร เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าบอก ยกเว้นจะถาม
-พรอกะบแม่ไม่ได้ส่าแต่พี่เราค่ะ เวลาเขาพูด เขาพูดให้ได้ยินทั้งสองเลย แต่แค่เราไม่แยู่ตรงนั้นส่วนพี่เราอยู่

พอเราตัดสินใจว่าจะอยู่แค่โลกส่วนตัว ในห้องของตัวเอง ไปทำงานก็ไปเอง(ปกติจะไปกับพ่อเพราะมันทางเดียวกัน) พ่อเรียกเราก็ไม่สนใจค่ะ เดินด๊อกแด๊กไปขึ้นรถเมล์เอง(เดี๋ยวหาว่าเกาะ-) ตอนเย็นก็ซื้อข้าวมากินเองค่ะ หรือเป็นข้าวที่เหลือจากเมื่อเช้า(ปกติตอนเช้ากินข้าวน้อยอยู่แล้ว เหลือประจำ) 
ทำอะไรก็อยู่แค่ในห้องของตัวเองค่ะ ขนาดอาหารโปรดเขาเรียกให้เราไปกิน เราก็เมินค่ะ(ซื้อข้าวกลับมาเองเฉยวันนี้😂) จริงๆแล้วเราไม่อยากเห็นหน้าพี่เราค่ะ สู้หน้าพ่อกะบแม่ไม่ได้ด้วยไม่รู้ทำไม🥹 แต่เราว่า พอเราอยู่แต่ในห้องเขาก็หัวเราะคิกคักกันดีนะคะ ไม่เหมือนอยู่กับเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่