พะเยา - เที่ยวพะเยาตามใจฉัน

ต้นพุทธกาล สิงหน วติ กุมาร โอรส K เทวการ นครไทยเทศ=ราชคฤห์ ที่สืบเชื้อสายมาจากไทยเมือง
เดินทางมาทางตะวันออกเฉียงใต้ ถึง น.โขง ที่มีเมืองร้างชื่อ สุวรรณโคมคำ
ได้สร้างเมืองขึ้นใหม่ชื่อ นาคพันธ์ุสิงหนวตินคร = โยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสน
ต่อมาเมืองนาคพันธ์ุสิงหนวตินครล่มไปในหนอง

เกิดมีเทวดา ลงเกิ๋นจากสวรรค์ เนรมิตอาสนะเงินขึ้นประทับ และประกาศตัวเป็นกษัตริย์แบบโอปาติกะ - เกิดขึ้นเองไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ ชื่อ ลวจังกราช
อยู่ไป ๆ ชาวบ้านชาวเมือง ถามกันว่า อาสนะเงินหายไปหรือยัง บางคนก็ตอบว่ายัง เป็นที่มาของชื่อ เงินยัง : ยัง ภาษาล้านนาแปลว่าอยู่
หรือ อีกทางเล่าว่า ได้รื้ออาสนะเงินมาทำเป็นเงินเจาะรู เรียก เงินยาง
มีพิธีสรงน้ำ ยกลวจังกราชขึ้นเป็นกษัตริย์ เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น เหรัญ(เงิน)นคร
ได้ซื้อที่จากลาวจก (จก ก.ไก่) - ลัวะที่มีจอบ 500 แสดงถึงผู้มีอิทธิพลสูง เพื่อสร้างดอยตุงและให้ปู่ลาวจก ย่าลาวจกดูแลพระธาตุ

ลวจังกราช มีโอรส 2 องค์ ธิดา 1 องค์ องค์เล็กชื่อ ลาวเกลาแก้วมาเมือง ลาวเกลาแก้วมาเมือง ครองเมืองเหรัญนครเงินยาง ต่อจากบิดา
ต่อมาอีก 10 ชั่วท้าว ถึงท้าวลาวเคียง สร้างเมืองแม่สาย
ต่อมาอีก 11 ชั่วท้าว ถึงขุนลาวเงิน ขุนลาวเงินผู้ครองนครเงินยางเชียงแสน ราชวงค์ลวจังกราช
ดำริให้พระราชโอรส 2 องค์ คือ ขุนชิน ผู้พี่ให้ครองนครเงินยางเชียงแสน ขุนจอมธรรม ผู้น้องให้ไปปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้

ขุนจอมธรรม แรกมาตั้งมั่น ที่เชียงหมั้นก่อนสร้างเมือง ได้ขุดคูจากแม่น้ำสายตามาใช้ถึงที่พักเรียกคลองแม่เหมือง - เหมือง ภาษาล้านนาแปลว่าร่องน้ำ
ยังคงมีวัดเชียงหมั้น และคลองแม่เหมือง ตำบลดงเจน อำเภอภูกามยาว
เสนาและปุโหิตได้มาหาทำเลตั้งเมืองใหม่ พบว่า ที่เชิงเขาชมภู หางดอยด้วน ลงไปจรดฝั่งแม่น้ำสายตา หรือแม่น้ำอิง
มีเมืองเก่า กว้าง 1000 วา ยาว 1200 วา ร่องกำแพงลึก 7 วา มีประตูเมือง 8 แห่ง
กำแพงทิศตะวันตกสูง - ติดน้ำ, ทิศตะวันออกต่ำ - ติดเนินเขา ตีนเขาข้างประตูตะวันออกมีไม้ 3 ต้น
มีสระใหญ่ 2 แห่ง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ >> ตามคำภีร์บอกว่าเมืองนี้ชื่อ เมืองสีหราช

ขุนจอมธรรมจึงตั้งเมืองขึ้นที่ เมืองสีหราช เรียกว่าเวียงภูกามยาว
มีเขื่อนค่าย ปราการ กำแพง คูเมือง มีประตูใหญ่แปดช่อง ตามคัมภีร์ทักษาเมืองคือ ประตูไชย ประตูหอกลอง ประตูเหล็ก ประตูท่านาง ประตูสลี ประตูปราสาท ประตูท่าแป้น คือ เป็นประตูอยู่ในทิศกาลกิณี - นำศพออก ในเวลากลางคืน และ ประตูออมปอม 
มีเมืองในอำนาจปกครอง
คือ เมืองงาว เมืองกาว สะเอียบ เชียงม่วน เมืองเทิง เมืองสระ เมืองออย สะสาว เมืองดอบ เชียงคำ เมืองลอ เมืองเชียงแลง เมืองหงาว แซ่เหียง แซ่ลุล ปากบ่อง เมืองป่าเป้า เมืองวัง แซ่ซ้อง เมืองปราบ แซ่ห่ม
* อำเภอเมือง *
พิพิธภัณฑ์วัดลี 
จัดแสดงโบราณวัตถุ ในเมืองพะเยา อันบอกเรื่องราวในอดีตได้แจ่มชัดขึ้น เช่น
พบ
จารึกรูปใบเสมาส่วนบนมีรูปดวงฤกษ์บอกเวลาที่ทำการ
พระพุทธรูปที่มีจารึกที่ฐานสามองค์
มีข้อความกล่าวถึงคำสนทนาของ ... ลาวงำเมิง ... และ พะญาร่วง
บอกว่า
พญามังราย พระร่วง และพญางำเมือง ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันที่บริเวณสบร่องขุย
ซึ่งร่องขุยเป็นร่องน้ำจากเทือกเขาในเขตอำเภอดอกคำใต้ ไหลมาสบน้ำอิง
ในช่วงปลายสมัยสุโขทัย
เจ้าสามพระยาได้พระราชธิดาในพระมหาธรรมราชาที่ 2 ซึ่งพระโอรสของพญาลิไท) แห่งกรุงสุโขทัยเป็นพระมเหสี - เป็นการผนวกอาณาจักรโดยการอภิเษกสมรส
พระโอรสของเจ้าสามพระยาคือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้ให้คำมั่นไว้กับ พระยายุทธิษฐิระ เพื่อนสนิทยามพระเยาว์ว่า ถ้าพระองค์ได้ขึ้นครองอยุธยา จะให้พระยายุทธิษฐิระครองสุโขทัย
เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองอยุธยา กลับให้พระยายุทธิษฐิระไปครองสองแควที่เล็กกว่า แทนที่จะเป็นพระร่วงเจ้าสุโขทัย
พระยายุทธิษฐิระจึงไปเข้ากับพระเจ้าติโลกราช พระเจ้าติโลกได้ยกพญายุทธิษฐิระเป็นพระโอรสบุญธรรม และให้ครองเมืองพะเยา
พระพุทธศาสนาจึงได้รับการทำนุบำรุงมีความเจริญรุ่งเรือง มีการสร้างวัดหลายวัด
มีจารึกที่บอกถึงงานบุญที่ชนชั้นสูงได้ทำบุญอุทิศแก่พุทธศาสนาจำนวนมาก
มีการสร้างพระพุทธรูปหินทรายมากที่สุดในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปแกะจากหินทรายทั้งก้อน มีความละเอียด นิ่มนวล พระพักตร์กลมเป็นรูปไข่ ได้รับอิทธิพลสุโขทัย ส่วนใหญ่จะมีพระพักตร์ยิ้ม ไม่ได้แกะแต่ละส่วนแล้วเอามาต่อกันแบบอยุธยา
ฐานพระพุทธรูปนิยมทำรูปช้างแบกฐานบัว
วัดลี
ตั้งอยู่ในเวียงพยาว - เวียงรูปน้ำเต้า กว้างประมาณ 1,000 เมตร ยาวประมาณ 1,500 เมตร ส่วนหัวขั้วน้ำเต้ากว้างประมาณ 500 เมตร มีคันดินและคูน้ำล้อมรอบ มีแม่น้ำอิงไหลผ่านเวียงจากทิศใต้ไปทิศตะวันออก
จารึกวัดลี บอกว่าพ.ศ.2038 ซึ่งเป็นปีที่พญายอดเชียงรายสวรรคต หมื่นหน่อเทพครู ซึ่งเป็นเจ้าสี่หมื่นหรือเจ้าเมืองพะเยา ผู้เป็นราชครูของพญายอดเชียงรายได้ฝังเสมาวัดลี และถวายที่นาให้วัด เรียกว่า “นาจังหัน” คือที่นาที่คนทำนาจังหันต้องเสียภาษีให้วัด เป็นการบำรุงวัด
ลีแปลว่ากาด หรือตลาด แสดงว่าบริเวณวัดลีตั้งอยู่ที่ตลาด ใจกลางของชุมชน ในระยะเวลานั้น

เจ้าสี่หมื่นเป็นตำแหน่งเจ้าเมืองพยาว-ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเชียงใหม่ ปรากฎครั้งแรกปี พ.ศ. 1954 โดยพญาสามฝั่งแกน - พระราชบิดาพระเจ้าติโลก
เมื่อล้านนา (คำว่าล้านนาใช้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกเป็นต้นมา) ตกอยู่ในการปกครองของพม่า ประชาชนถูกข่มเหงจึงหนีไป ทำให้วัดส่วนใหญ่กลายเป็นวัดร้าง วัดลีก็เช่นกัน เป็นวัดร้างมาจนได้รับการบูรณปฎิสังขรณ์ครั้งใหญ่ และยกเป็นวัดอีกครั้งพ.ศ. 2463-2478 โดยพระครูบาศรีวิชัย ตนบญแห่งล้านนา มาเป็นผู้นำในการบูรณะ
วัดติโลกอาราม
เป็นโบราณสถานที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา จากศิลาจารึกที่พบได้ในวัดร้างกลางกว๊านพะเยาหรือในบริเวณหนองเต่า บอกว่า
สร้างในสมัยพระเจ้าติโลก โดย พญายุทธิษฐิระบุตรบุญธรรมพระเจ้าติโลก ราวปี พ.ศ. 2019-2029
เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแก่พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา ในบริเวณที่เรียกว่า บวกสี่แจ่ง ( แอ่งน้ำ สี่ มุม = แอ่งน้ำรูปสี่เหลี่ยม; ผ้าสี่แจ่งคือผ้าเช็ดหน้า)
วัดศรีโคมคำ
ประธานในวิหารคือ พระเจ้าตนหลวง หมายถึงองค์พระใหญ่มาก หรือ หลวงพ่อโต ได้ยกเสาอินทขิล หรือเสากระดูกสันหลังพระพุทธรูปเมื่อ พ.ศ. 2067
ในสมัยพญายอดเชียงราย หรือท้าวยอดเมือง (หลานปู่พระเจ้าติโลก) ที่ครองล้านนาต่อจากพระเจ้าติโลกราช ตรงกับพญาเมืองยี่ครองเมืองพะเยา
ต่อมาสมัยของพระเมืองแก้ว แห่งล้านนา พระเมืองแก้วได้พระราชทานทองคำ 3000 เงิน 6000 มาสร้างวิหารครอบ " พระเจ้าตนหลวงทุ่งเอื้องเมืองพยาว "

ตำนานเรื่องพระเจ้าตนหลวง
ในสมัยพระพุทธกาล พญานาคได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้เกิดศรัทธาจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ จึงนำทองคำมาให้ตายาย ที่มีบ้านอยู่ริมกว๊านพะเยา
สร้างเป็นพระพุทธรูปหน้าตักยาว 14 เมตร สูง 18 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างราว 33 ปี จึงเสร็จ

ตำนานเรื่องทุ่งเอี้ยง
พระร่วงเจ้าเสด็จมาเมืองพะเยา เห็นพระนางอั้วเชียงแสน พระชายา พญางำเมือง ก็เกิดปฏิพัทธ์ จึงแปลงร่างเป็นพญางำเมือง เข้าห้องบรรทมพระนางอั้วเชียงแสน
พญางำเมืองทราบจึงสั่งให้ทหารตามจับ พระร่วงจึงแปลงเป็นนกเอี้ยงบินไป พ่อขุนงำเมืองก็เสกมนต์ทำให้นกเอี้ยงอ่อนกำลังตกลงไปในหนองน้ำ
หนองนั้นจึงได้ชื่อว่า “หนองเอี้ยง”

หลังจากบุเรงนองได้ยกทัพมาตีล้านนา ได้กวาดต้อนผู้คนที่ไม่ได้หนีกลับพม่าไปด้วย พะเยาถูกปล่อยให้รกร้าง เมื่อสงบก็มีคนเข้ามาอยู่ใหม่
จนอะแซหวุ่นกี้ยกทัพมา เจ้าเมืองฝาง เชียงราย พะเยา เมืองสาด พาผู้คนหนีไปอยู่ลำปาง และข้ารับราชการกับสยาม คนพะเยาไปอยู่ที่บ้านปงสนุกใต้ 
พะเยาก็ร้างไป 56 ปี ถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ เจ้าหลวงมหาวงศ์ (เจ้าน้อยพุทธวงศ์ ณ ลำปาง) เป็น พระยาประเทศอุดรทิศ - ต้นตระกูลมหาวงศ์ ปกครองเมืองพะเยา และให้แบ่งคนจากลำปางมาฟื้นเมืองพะเยา

เมื่อพญาประเทศอุดรทิศถึงแก่พิราลัย ทรงโปรดเกล้าฯ เจ้ามหายศ ขึ้นครองเมืองพะเยาแทน และตั้งเจ้าบุรีรัตน์ขึ้นเป็นอุปราช
ท่านทั้งสองและเจ้าเมืองพะเยาต่อ ๆ มา ได้บูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระประธานพระเจ้าตนหลวงวัดศรีโคมคำขึ้นใหม่ แต่ก็ยังไม่เสร็จ
จนได้อาราธรา พระคุณเจ้าครูบาศรีวิชัยมาเป็นประธาน จึงสำเร็จพร้อมทั้ง ก่อสร้างพระวิหารหลวงขึ้นใหม่และสำเร็จในปี พ.ศ. 2467
กว๊านพะเยา
เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ อันดับ 4 ของประเทศไทยรองจาก หนองหาน สกลนคร, บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ และบึงละหาน ชัยภูมิน้ำในกว๊าน ลึกประมาณ 1 ศอก ตอนกลางน้ำลึก 1 วา 3 ศอก รอบ ๆ เป็นป่าไผ่ และไม้กระยาเลย จะมีน้ำมากเฉพาะในฤดูฝน คือ เดือนกรกฎาคม - พฤศจิกายน ทำให้บวก ( แอ่งน้ำ ) และหนองน้ำ รอบ ๆ มากมายล้นมาบรรจบกันเป็นผืนน้ำกว้าง ใหญ่สองผืนคือ 
กว๊านน้อย ทางทิศตะวันตก เป็นร่องน้ำจากน้ำแม่ตุ่น และ กว๊านหลวง อยู่ทางทิศตะวันออก ใกล้กับลำน้ำอิง ร่องผ่านกลางเชื่อมติดกัน เรียก แม่ร่องน้อยห่าง
พอหน้าแล้งน้ำก็แห้ง เหลือเป็นแค่ลำคลอง และแม่น้ำที่ไหลอยู่ จนชาวบ้านเดินไปหากันได้ หลังสร้างทำนบปี 2482 - 2484 จึงมีวัดที่จมน้ำอยู่หลายวัด
ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง  ไปตามหาไอติมกะทิริมกว๊าน - เลือกร้านที่รถจอดซื้อเยอะ
Pb place พี.บี.เพลส ที่พักที่เคยไปปลายปี 2565 เป็นตึกแถวห้องสุดท้ายติดกว๊านพะเยา มี สามห้อง สามแบบ ที่พักสะอาด วิวสวย
ติดร้านครัวออโรรา@กว๊าน ร้านอาหารริมกว๊าน อาหารอร่อย ดนตรีโฟล์คชิวๆ วิวสวย
วัดอนาลโย ไปย้อนความหลังที่ได้มาไหว้พระพุทธรูปทองคำเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่บนหอพระแก้ว
(มีต่อในกล่องคอมเมนต์)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่