อึ้ง ! เด็กชายญี่ปุ่น อ้างชาติที่แล้วเป็น 'ตำรวจไทย' ข้อพิสูจน์ชวนขนลุก


18 เม.ย. 2566  -  17:22 น.

นักวิจัยญี่ปุ่นตะลึง ! เด็กชายวัย 5 ขวบ ระลึกชาติได้ บอกเคยเป็นตำรวจระดับสูงในไทย พร้อมข้อพิสูจน์มากมาย ทั้งรู้จักสถานที่ ภาษาไทย บุคคล
มีหลายคนเชื่อว่ามนุษย์ไม่ได้สิ้นสุดเมื่อพวกเขาตาย  มีรายงานประจักษ์พยานที่ชัดเจนมากมายทั่วโลก แสดงให้เห็นคือความเป็นไปได้ของ “สถานที่” และ “กลไก” บางอย่าง

ล่าสุดมีงานวิจัยที่น่าสนใจ เมื่อ มาซายูกิ ไดมอน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยชูบุ นักวิจัยเพียงไม่กี่คนในญี่ปุ่นที่ศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคนที่มีความทรงจำในอดีตชาติ ได้รับอีเมลจากผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลูกชายวัย 5 ขวบ

คุณแม่เล่าว่า นาโอโตะ (นามแฝง) ลูกชายคนที่สอง เกิดในปี 2016 เริ่มพูดถึงความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วของเขาตอนอายุ 5 ขวบ “จากที่เขาเล่า ดูเหมือนว่าเขาจะรับรู้ถึงชาติที่แล้วตั้งแต่อายุประมาณ 3 ขวบ”

เด็กชายบอกแม่ว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์กรตำรวจของประเทศไทย ก่อนเสียชีวิตจากการจมน้ำ เขาบอกชื่อสถานที่และวลีเฉพาะที่ดูเหมือนเป็นภาษาไทย เช่น หัวหิน ถ้ำเลา (แปลว่า ตำรวจ) แถมยังชี้สถานที่ที่อาศัยอยู่บนแผนที่ประเทศไทย

ถึงขนาดเคยบอกแม่ว่า “ผมสามารถวาดภาพโครงสร้างและจำนวนชั้นของอาคารสถานีตำรวจได้” จากเบาะแสเหล่านี้ทำให้คุณแม่พยายามระบุตัวบุคคลใน ‘ชาติที่แล้ว’ ด้วยความช่วยเหลือจากนักวิจัยชาวไทย

เธอเล่าอีกว่าแม้จะยังไม่แน่ใจนัก แต่ก็ให้เขาดูรูปถ่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยระดับสูงหลายรูปจากช่วงเวลาที่เชื่อว่าเขาเคยมีชีวิตอยู่ นาโอโตะชี้ไปที่รูปหนึ่งแล้วพูดว่า “ผมรู้จักคนนี้ ! เพื่อตัดสินเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดีที่สุด แต่ผมใจร้ายเสมอ ผมเกลียดมัน ผมเกลียดมัน”

เด็กชายยังบอกอีกว่า สิ่งที่ติดค้างในใจคืออยากเป็นตำรวจอีก ยังอยากใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ต่ออีก อยากเจอแม่คนก่อน โดยบอกอีกว่าแม่ในอดีตชาติทำร้านซักรีดชุดตำรวจ

นาโอโตะ ยังสามารถระบุถึงปี พ.ศ. ได้อีกด้วย เด็กชายบอกว่าเขามีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) และบอกว่าตนเองเป็นตำรวจอยู่ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งน่าเหลือเชื่อถ้าจะบอกว่าเด็กไม่กี่ขวบและเป็นชาวญี่ปุ่น จะสามารถรู้รายละเอียดเกี่ยวกับประเทศไทยได้ขนาดนี้

เด็กคนนี้จึงเป็นพยานถึง “การกลับชาติมาเกิด” ไม่เฉพาะในญี่ปุ่นแต่ทั่วโลก บทความได้รายงานไว้ส่วนหนึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั่วโลก
ที่มา: msn
https://www.msn.com/ja-jp/news/opinion/%E6%AC%A1%E3%81%AE%E4%BA%BA%E7%94%9F%E3%81%AF%E9%81%B8%E3%81%B9%E3%82%8B-%E3%81%AE%E3%81%8B%E3%82%82%E3%81%97%E3%82%8C%E3%81%AA%E3%81%84-%E7%94%9F%E3%81%BE%E3%82%8C%E5%A4%89%E3%82%8F%E3%82%8A-%E3%81%AE%E6%9C%80%E6%96%B0%E7%A7%91%E5%AD%A6-%E3%81%82%E3%81%BE%E3%82%8A%E3%81%AB%E5%85%8B%E6%98%8E%E3%81%AA%E5%89%8D%E4%B8%96%E3%81%AE%E8%A8%98%E6%86%B6%E3%81%A8%E8%BB%A2%E7%94%9F%E6%B3%95/ar-AA17wTyO?ocid=msedgntp&cvid=fbe744f14a044c8b9fe1519f18606655
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7618151
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่