เปาล่า อีโกนู สาวพรานนกผู้พา3สโมสร(โนวาร่า อิโมโค่ วากิฟแบงค์)เข้ารอบชิงcev

พอดีวันนี้สไลด์เจอบทความจาก page main standค่ะ เลยจะแชร์เรื่องราวของสาวพรานนก ผู้ที่ไม่ว่าสโมสรจะมีใครในทีมก้อตาม นางก้อพาเข้ารอบชิงcevได้หมด พาโนวาร่าคว้าแชมป์cevครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พาอิโมโค่คว้าแชมป์cev+สร้างประวัติศาสตร์สโมสรที่ชนะติดกันเยอะที่สุดในโลก(ลงกินเนสบุ๊ค) และพาวากิฟแบงค์เข้ารอบชิงcev(ที่เหมือนกับว่าซีซั่นนี้วากิฟจะไม่ใช่เต็ง1)

เรียกได้ว่า รับบทพรานนกเล็บเจลขายสวยในทีมชาติ ส่วนสโมสร ยิงนกบ้าง แต่แบกทีมของจริงและเล่นจัดหนักจัดเต็มตลอดถ้าเป็นในลีค สำหรับชั้น ยิ่งยืนยันว่าในยุคนี้ พ.ศ.นี้ นางเป็นรองแค่บอส และเรื่องที่โด่งดังของนางคือเรื่องการเหยียดสีผิวที่นางออกมาcall outสิ่งที่นางได้เจอมา

มาดูบทความของmain standกันค่ะ
เปาล่า อีโกนู : แรงผลักดันจากความโดดเดี่ยว สู่การต่อสู้เพื่อคนผิวสีทั่วโลก
'เปาล่า อีโกนู’ เป็นชื่อนักวอลเลย์บอลที่ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยส่วนสูง 193 เซนติเมตร กระโดดได้สูงเกือบสี่เมตร มีเทคนิคการโจมตีที่ดุดันและทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีความฉลาดและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่มีวันหมด เธอจึงกลายมาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่เก่งกาจที่สุดในโลก แต่ด้วยส่วนสูงที่มากเกินไปทำให้เธอรู้สึกเป็นคนประหลาดในสายตาผู้คนและเกิดความกลัวจนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง หนักไปกว่านั้นคือการถูกเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวราวกับถูกผลักไสออกจากสังคมอย่างช้า ๆ

ทำไมฉันถึงตัวสูง
เปาล่า อีโกนู (Paola Egonu) เกิดปี 1998 ที่เมืองซิตตาเดลลา แคว้นเวเนโต ของประเทศอิตาลี ในครอบครัวผู้อพยพชาวไนจีเรีย แอมโบรส (Ambrose) พ่อของเธอมีอาชีพขับรถบรรทุก ในขณะที่ ยูนีส (Eunice) แม่ของเธอเป็นนางพยาบาลประจำโรงพยาบาลในเมืองเบนินซิตี้ ประเทศไนจีเรีย

เมื่ออายุได้ 4 ขวบ อีโกนูเข้าเรียนชั้นอนุบาลเป็นครั้งแรก ในขณะที่กำลังฉีกหญ้าบนสนามเล่นอยู่นั้นเพื่อนคนหนึ่งก็ถามเธอว่า “เธอเป็นคนอิตาลีรึเปล่า ?”คำถามดังกล่าวทำให้อีโกนูรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงคนแปลกหน้าในชั้นเรียนทันที
มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังเรียนหนังสือ หนูน้อยอีโกนูปวดท้องอึกะทันหัน เธอขออนุญาตครูไปเข้าห้องน้ำถึง 3 ครั้ง แต่ครูกลับนิ่งเฉยจนเธออึราดใส่กางเกงตัวเอง แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือครูกลับหัวเราะใส่เธอแล้วพูดว่า “ดูสิ! เธอตัวเหม็นเป็นบ้า”

จากความแตกต่างเรื่องสีผิวและส่วนสูงทำให้อีโกนูรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก เธอแทบไม่มีเพื่อนเล่นในช่วงวัยเด็กและกลัวการออกไปพบปะผู้คน เธอจึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เล่นมือถือ ดูทีวี หรือไม่ก็อ่านหนังสือการ์ตูนตามประสาเด็กขี้อาย
“ตอนฉันยังเด็ก ฉันมักจมอยู่กับคำถามที่ว่า ทำไมฉันถึงสูง ทำไมปู่ของฉันจึงอาศัยอยู่ที่ไนจีเรีย ทั้งที่ฉันก็เป็นคนอิตาลี” อีโกนู กล่าว
กระทั้งตอนอายุ 12 ปี อีโกนูมีโอกาสได้ดูอนิเมะเรื่อง 'Attacker You!' ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล ทำให้เธอมีความฝันอยากเป็นนักวอลเลย์บอลที่เก่งกาจเหมือนตัวละครในเรื่อง เธอจึงเริ่มฝึกซ้อมและเล่นวอลเลย์บอลอย่างจริงจัง
“ในวันนั้นฉันตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพ และความฝันสูงสุดของฉันคือการได้เหรียญทองโอลิมปิก”
บนสนามซ้อม ท่ามกลางผู้หญิงผิวขาวอีโกนูรู้สึกประหม่าอย่างมาก แต่เพราะกำลังใจจากครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน เธอตั้งใจฝึกซ้อมต่อไปอย่างไม่ลดละ จนเมื่ออายุได้ 14 ปีก็ได้รับสัญชาติอิตาลี ทำให้เส้นทางการเป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพชัดเจนขึ้นอย่างรวดเร็ว

แพะรับบาปเมื่อทีมแพ้
อีโกนูมีความสามารถโดดเด่นกว่าเด็กทั่วไป เธอแบกอายุข้ามขั้นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ก่อนอายุจะครบ 15 ปีด้วยซ้ำ
ในปี 2015 อีโกนูเปิดตัวครั้งแรกในฐานะผู้เล่นอาชีพกับทีม คลับ อิตาลี (Club Italia) และมีส่วนสำคัญในการเลื่อนชั้นสู่เซเรีย อา ในฤดูกาล 2016-17 เธอสามารถทำคะแนนได้สูงถึง 46 คะแนน ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเซเรีย อา ในฤดูกาลนั้นด้วย
จากความยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้อีโกนูถูกเรียกติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2017 ขณะมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งเธอเล่นในตำแหน่งตัวตีหัวเสาที่นับว่าเป็นตำแหน่งที่มีความท้าทายในเรื่องของการทำคะแนนมากที่สุด
อีโกนูถูกคาดหวังอย่างสูงจากแฟนวอลเลย์บอลอิตาลีที่ต้องการเห็นทีมคว้าแชมป์ ความกดดันดังกล่าวดูคล้ายจะหนักอึ้งสำหรับเด็กสาวอายุเพียง 18 ปี
แต่อีโกนูได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอกระโดดตบได้สูงเกือบสี่เมตร (3.44 ม.) มีความรวดเร็วในการโจมตีที่ดุดันและอันตรายเกินอายุ เธอทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์นั้น และมีส่วนสำคัญอย่างสูงในการพาอิตาลีเข้าชิงชนะเลิศกับ ทีมชาติบราซิล แม้จะแพ้หวุดหวิดไปเพียง 3-2 เซต แต่หากมองในเรื่องผลงานส่วนตัวแล้วก็นับได้ว่ายอดเยี่ยม
ถึงแม้อีโกนูจะทุ่มเทให้กับทีมชาติปานใด แต่ด้วยความที่เป็นนักกีฬาสีผิวทำให้ถูกแฟนบอลบางกลุ่มออกมาโจมตีว่าเธอไม่ใช่คนอิตาลี และการที่มีเธออยู่ในทีมคือความอับอายของชาวอิตาลี
กระนั้นอีโกนูก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้ เธอยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทเล่นให้ทีมชาติอิตาลีต่อไป และทำผลงานได้โดดเด่นกับทีมชาติเรื่อยมา

การตอบโต้ของอีโกนู
อิตาลีภายใต้การนำของอีโกนูประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าแชมป์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป 2021 โดยทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวอีโกนูพาอิตาลีเข้าชิงชนะเลิศกับทีม ชาติเซอร์เบีย ซึ่งเป็นเจ้าภาพ และไล่ตบเจ้าภาพคาสนามแข่งไปอย่างขาดลอย 3-1 เซต คว้าแชมป์มาได้อย่างยิ่งใหญ่
ส่งผลให้อีโกนูสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำทัวร์นาเมนต์เป็นครั้งแรกในนามของทีมชาติได้สำเร็จ เธอได้รับคำชื่นชมอย่างสูงจากแฟนวอลเลย์บอลทั่วโลกเรื่องความยอดเยี่ยมในสนาม
แต่ในปีถัดมาทุกสิ่งกลับตาลปัตรลงอย่างน่าใจหาย หลังอิตาลีทำได้เพียงจบอันดับที่ 8ในโอลิมปิก2021และอันดับที่3 ในทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 ซึ่งนับว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบหลายปี
แพะรับบาปคนแรกในทีมก็คือ เปาล่า อีโกนู หญิงสาวผิวดำผู้ร้องไห้ในสนามด้วยความเจ็บปวด จากการถูกเหยียดสีผิวและถูกโห่ไล่จากแฟนวอลเลย์บอลอิตาลี
เธอถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนอิตาลีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังถูกเฉยเมยต่อความสำเร็จที่ผ่านมาในนามทีมชาติ ทำให้อีโกนูต้องออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรบางอย่าง และนี่คือการตอบโต้ของอีโกนู
"ฉันถูกถามเสมอว่าเป็นคนอิตาลีหรือเปล่า พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย พวกเขาไม่รู้หรอกว่าฉันต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน เหนื่อยแค่ไหน ทำใจไม่ได้แค่ไหน มันทำให้ฉันอยากหยุดพักจากทุกสิ่งแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะฉันจะหยุดมีความสุขกับชัยชนะเมื่อความท้าทายครั้งใหม่มาถึง”
“หลังการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ, ซูเปอร์ คัพ, โอลิมปิก มีคนพูดไม่ดีกับฉันเสมอ ฉันจึงถามตัวเองว่า “ทำไมฉันต้องเป็นตัวแทนของคนประเภทนี้ด้วย””
อีโกนูยังกล่าวเสริมอีกว่า “ฉันเติบโตมาในสังคมที่มีมาตรฐานความงามเป็นสีขาว และเด็กชายตัวเล็ก ๆ อาจไม่เป็นที่พอใจนัก ฉันมักจะสูงที่สุด ฉันเป็นคนผิวดำและผมหยิกแบบที่ฉันเกลียด ครั้งหนึ่งฉันโกนผมแต่ก็ยังโดนแกล้งเพราะไม่มีขน ชีวิตของฉันจมดิ่ง ฉันรู้สึกเหมือนอึ และนี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากให้ฉันเป็น”
 
“พวกคุณไม่เข้าใจ … นี่เป็นเกมสุดท้ายของฉันในทีมชาติ พวกเขาถามฉันด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงใส่ชุดอิตาลี ฉันเหนื่อย ฉันอยากหยุดพักเสียที”
หลังจบทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 อีโกนูได้ประกาศอำลาทีมชาติ เพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่มคนที่เหยียดสีผิวของเธอทันที

คนเราล้วนเท่ากัน
อีโกนูเสียสละมามากในนามทีมชาติ เธอไม่เพียงต้องแบกอายุเพื่อทีมเท่านั้น แต่ยังแบกความหวังของคนทั้งชาติอีกด้วย
หลังทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 จบลง อีโกนูเลือกที่จะยุติการเล่นให้ทีมชาติอย่างเต็มตัว ไม่ใช่เพียงเพื่อประท้วงชาวอิตาลีที่เหยียดสีผิวของเธอเท่านั้น แต่เพราะเธอรู้ดีว่าหัวใจของเธออ่อนล้ามาจากการต่อสู้ที่โดดเดี่ยวเกินรับไหว

ขณะที่การเหยียดสีผิวดำเนินขึ้นอย่างรุนแรงไปทั่วโลก อีโกนูเลือกใช้ช่วงเวลานี้ดื่มด่ำกับความสุขอย่างเต็มที่ โดยการออกไปท่องเที่ยวกับ มิชาล ฟิลิป (Michal Filip) แฟนหนุ่มชาวโปแลนด์ที่เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลเหมือนกัน
ความรักที่ฟิลิปมอบให้ช่วยเติมเต็มช่องว่างอันเปราะบางในจิตใจของอีโกนูได้อย่างสมบูรณ์ ประหนึ่งต้องการบอกทุกคนให้รู้ว่า “ความรักชนะทุกสิ่ง”
ในโลกแห่งเกมกีฬา ไม่ว่าเราจะเป็นใครมนุษย์ทุกคนล้วนแข่งขันเพื่อชัยชนะบนความกดดันถึงขีดสุด นักกีฬาต่างใช้ทักษะที่มีเพื่อชิงชัยอย่างมุ่งมั่น ดังนั้นการต่อสู้ในสนามจึงเป็นการต่อสู้ของคนที่แข็งแกร่งมากพอจะเป็นผู้ชนะได้อย่างไม่ควรมีชนชั้นวรรณะ การแบ่งแยกสีผิว หรือแม้แต่เรื่องของเพศสภาพ
ในการต่อสู้อันโดดเดี่ยว มันยากที่ใครสักคนจะยืนหยัดอยู่ได้เพียงลำพัง อีโกนูก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้การเป็นนักกีฬาจะทำให้สภาพจิตใจของเธอเข้มแข็งขึ้น แต่เธอก็ไม่ใช่หุ่นกระบอกที่ไร้ความรู้สึก เมื่อถึงวันที่หัวใจอ่อนล้าถึงขีดสุด ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งมากเพียงไหนก็ต้องมีช่วงเวลาให้หัวใจได้พักผ่อนเสียบ้าง
 
วันนี้โลกทั้งใบได้รู้จักชื่อของ เปาล่า อีโกนู สุดยอดนักวอลเลย์บอลหญิงที่แข็งแกร่ง ดุดัน และครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่กลับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอต้องยุติเส้นทางการเล่นให้ทีมชาติลง เพราะถูกเมินเฉยต่อการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง โลกนี้คงไร้ความยุติธรรมเกินไปสำหรับเธอ
แต่ถึงกระนั้น ประชากรส่วนใหญ่ชาวอิตาลียังคงรอคอยการกลับมาของยอดนักตบหญิงนามกระฉ่อนด้วยความหวัง พวกเขาคือกลุ่มคนที่คอยให้กำลังอีโกนูอยู่เสมอ และหวังว่าเธอจะหวนคืนสนามในเร็ววันนี้

หากวันนั้นมาถึงจริง สีสันในเกมวอลเลย์บอลหญิงคงกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่มันก็คงจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากการกลับมาของอีโกนูยังคงตั้งอยู่บนปัญหาเรื่องการเหยียดสีผิวเช่นเดิมเหมือนอย่างที่อีโกนูได้กล่าวไว้ว่า
"ฉันยังถูกเหยียดเชื้อชาติ ผู้คนมักจะดูถูกแม่ของฉันเพราะสีผิวของเธอ บางครั้งเราถูกเหยียดแม้กระทั่งในธนาคาร แต่เมื่อผู้คนรู้จักฉัน มุมมองและทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อแม่ของฉันก็เปลี่ยนไป สถานการณ์นี้ทำให้ฉันเศร้าใจ บางครั้งฉันแค่ดูสีผิวตัวเองแล้วตั้งคำถามว่าทำไมฉันจึงถูกเหยียดหยาม มนุษย์บางคนไม่เข้าใจวัฒนธรรม ความเชื่อ และรสนิยมทางเพศ มันคือความแตกต่างที่ควรดำรงอยู่ในสังคม ความแตกต่างเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและรู้จักตัวเอง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้น และต้องเปิดใจว่า แท้จริงแล้วคนเราล้วนเท่าเทียมกัน"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่