การเป็นลูกเสือนั้นผู้คนส่วนใหญ่ จะนึกถึงหน้าที่การบำเพ็ญประโยชน์ จิตอาสาช่วยเหลือสังคมของเหล่าลูกเสือ ความมีระเบียบวินัย ความสุภาพเรียบร้อย บุคคลิกและท่าวัทยาวุธที่สง่างาม แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ลูกเสือนั้นก็เป็นที่หมายปองของเหล้ามิจฉาชีพ ที่อยากได้ลูกเสือที่สง่างามมาสตาฟเป็นของสะสมของตัวเอง หรือ เอาตัวลูกเสือไปเสนอขายในตลาดมืดให้กับพวกเศรษฐีที่ชื่นชอบและอยากได้ลูกเสือสตาฟมาสะสมเพื่อประดับบารมี ทำให้บางครั้งมีลูกเสือที่หายตัวไปอย่างลึกลับไม่มีใครตามหายเจอ ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
ในช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงเข้าค่ายของลูกเสือในโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง และโรงเรียนนั้นได้เน้นการสอนลูกเสือเป็นหลัก คือมีทั้งลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ลูก
องร้อยพิเศษ และลูกเสือวิสามัญ ลูกเสือในโรงเรียนจึงมีค่อนข้างมากและประมาณครึ่งหนึ่งก็เป็นลูกเสือในสังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี จึงมีความเป็นลูกเสือทั้งร่างกายและจิตใจ
ในช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นช่วงที่ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3 ทุกคนต้องไปเข้าค่าย เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งลูกเสือทุกคนต้องมาเข้ากองเพื่อเตรียมขึ้นรถก่อนเวลา ตีห้าครึ่ง (5.30) เมื่อถึงเวลา ลูกเสือทุกคนก็แต่งกายอย่างสง่างามในชุดลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ผ้าผูกคอสีเหลือง โดยผ้าผูกคอ รัดด้วยวอกเกิ้ลโลหะสีทองเหลือง เข้มขัดถูกขัดอย่างเงาวับ ถุงเท้าลูกเสือก็มีพู่สีเลือดหมูสวมไว้อย่างเรียบร้อย รองเท้าลูกเสือที่เป็นผ้าใบก็ดูเนียบไม่มีรอยขาด หมวกไบเล่สีเลือดหมูมีตราลูกเสือก็สวมใส่อย่างงดงาม ลูกเสือแต่ละคนก็รูปร่างดีไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป และส่วนใหญ่ก็มีร่างกายที่มีมัดกล้ามพอประมาณ รวมกับอยู่ในเครื่องแบบลูกเสือทำให้ยิ่งดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อพวกลูกเสือแต่ละคนไปถึงค่าย จากนั้นครูฝึกจึงให้เริ่มกางเต้นทุกคนจึงเริ่มนำเต้มมากาง เมื่อกางเต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาจัดเวรยามในค่ายตามที่ครูฝึกจัดเอาไว้ ตามจุดต่างๆและค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนถึงตอนเช้า ซึ่งตั้งแต่ตอนขึ้นรถจนถึงค่ายและเรื่อยมาจนถึงเข้าเวรยามลูกเสือทุกคนต้องอยู่ในชุดลูกเสือที่เรียบร้อยสง่างาม ลูกเสือที่เป็นกองร้อยพิเศษจำนวนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นเวรยามอยู่ใกล้ๆบ้านพักของครูฝึก
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ลูกเสือทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนามว่า เอ แอบดูเหล่าลูกเสือที่มาถึงค่ายอย่างใจจดใจจ่อ จนถึงขณะที่ลูกเสือแต่ละคนยืนเป็นยามชายคนนี้ก็ไม่เว้นสายตาที่จ้องมองเหล่าลูกเสืออย่างพึงพอใจในความส่งางามของลูกเสือเหล่านี้ คิดว่าถ้าได้ลูกเสือพวกนี้มาซักหมู่หนึ่งก็จะดีใจมาก ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และศัลยแพทย์เป็นคนลาดมาก แต่เป็นคนที่มีความโหดเหี้ยมอำมหิตค่อนข้างมาก
ทันใดนั้นเองชายคนนี้เหลือบไปเห็นลูกเสืออยู่หมู่หนึ่งซึ่งเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3 อายุราวๆ 14-15 ปี แต่และคนในหมู่นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่สมส่วนงดงามกว่าลูกเสือหมู่อื่นๆ และแต่ละคนที่แขนเสื้อด้านขวาก็มีเครื่องหมายพิเศษทั้ง9อันติดอยู่โดยมีเครื่องหมายพยาบาลสีขาวติดตรงกลาง ซึ่งเป็นที่บ่งบอกว่าได้เรียนและวิชาพิเศษมาอย่างครบถ้วนด้วย โดยลูกเสือหมู่นี้มีทั้งหมด 8 คน มีหน้าที่ตามตำแหน่งลูกเสือที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่นายหมู่ ตำแหน่งอื่นๆจนถึงรองนายหมู่ คนที่หล่อเหลาและสง่างามที่สุดรู้สึกจะเป็นนายหมู่ นอกจากจะมีเครื่องหมาย2 แถบสีเลือดหมูเย็บติดกระเป็นด้านซ้ายและยังมีสายยงยศบ่งบอกว่าผ่านการฝึกครอสผู้นำมา ยิ่งทำให้ชายวัยกลางคนนี้ที่ชื่อ A นี้ยิ่งถูกใจนายหมู่เป็นพิเศษเข้าไปใหญ่ นายA มีความต้องการที่จะได้ลูกเสือหมู่นี้มาเป็นของตนเองให้ได้ จึงได้หาทางวางแผนต่างๆ รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกเสือหมู่นี้ของโรงเรียนนี้ และการจัดเวรยาม มาอย่างละเอียด และพบว่าลูกเสือหมู่นี้เป็นลูกเสือที่สังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเสียด้วย เท่านั้นยังมีความรู้ด้านวิชาลูกเสือระดับ Top หรือแนวหน้าของโรงเรียน แถมยังบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือคนแก่ข้ามถนน ช่วยเหลือสังคมต่างๆนาน อย่างมีใจรักในการเป็นลูกเสือซึ่งสามารถบอกได้เป็นปากว่าเป็นลูกเสือที่แท้จริงทั้งกายและใจเลย โดยลูกเสือหมู่นี้จะต้องมายืนเวรและลาดตระเวนพื้นที่ในช่วงตอนประมาณตี 2 –ตี 3 ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมพอดี เพราะช่วงนั้นมีคนสังเกตน้อย
เมื่อถึงเวลาตี 2 ที่ลูกเสือหมู่นี้ต้องมาเฝ้าเวรและเดินลาดตระเวนพื้นที่ไปด้วย หลังจากที่ลูกเสือหมู่นี้ยืนเวรได้ระยะหนึ่งก็ถึงเวลาประมาณ 2.30 ทีจะต้องลาดตระเวรซักพักก่อนที่จะกลับเข้าที่พักไปเปลี่ยนชุดลูกเสือที่ใส่มาตั้งแต่เช้าจวนจะครบวัน แต่แล้วขณะที่ลูกเสือหมู่นี้เดินลาดตระเวนพื้นที่กันอยู่ ได้ไม่นานนัก นาย A ก็เข้ามาทัก เรียกลูกเสือให้ตามมาทานน้ำก่อน ลูกเสือในหมู่ทั้ง 8 คนก็เดินตามนายA ไปโดยไม่ทันได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายและเป็นลูกเสือแถมอยู่ในเครื่องแบบด้วยต้องมีความกล้าหารไม่กลัวอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ลูกเสือหมู่นี้จึงได้ตามนาย A ไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งเป้นทางลาดลงไปสู่ห้องลับใต้ดิน เมื่อนาย A นำลูกเสือเหล่านี้ลงสู่ห้องลับใต้ดินปรากฏว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องลักษณะคล้ายๆห้องรับแขกมีโซฟาสีทองสลักลวดลายอย่างสวยงามที่โซฟาก็มีเบาะสีแดงที่หนุ่มสบายอยู่ นาย A ให้เหล่าลูกเสือนั่งรอบนโซฟาก่อน จากนั้นนาย A จึงไปยกน้ำมาให้ เมื่อนาย A นำแก้วทั้ง 8 ใบที่มีน้ำเย็นๆอยู่ เมื่อลูกเสือเหล่านี้ดื่นน้ำเข้าไปแล้ว ก็หารู้ไม่ว่าในน้ำนั้นได้ใส่ยาสลบชนิดที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่ ไม่นานนัก ลูกเสือเหล่านั้นต่างก็สลบไปอย่างไม่ได้สติ จากนั้นนาย A จึงค่อยอุ้มลูกเสือแต่ละคนมาวางเรียงนอนไว้ในที่นอนบนเตียงของตัวเองและนาย A ก็นอนกอดเหล่าลูกเสือในเครื่องแบบทั้ง 8 คนอย่างเพลิดเพลินเหมือนกับเด็กได้ตุ๊กตาตัวใหม่
พอถึงเวลาประมาณ 7 โมงเช้านาย A จึงนำลูกเสือทั้ง 8 คนนี้วางวางไว้ที่เตียงรอผ่าตัด ซึ่งก่อนที่จะทำการผ่าตัดไม่นานนักก็เป็นช่วงที่เหล่าลูกเสือทั้ง 8 ตื่นขึ้นมาพอดี ทั้ง 8 คนที่ตอนนี้ร่างถูกมัดไว้กับเตียงเหล็กได้สังเกตุไปรอบห้องพบว่าในห้องมีอุปกรณ์ลูกเสือต่างๆเป็นไปหมดเช่น ตราลูกเสือ ไม้ง่าม ธงลูกเสือ เชือกลูกเสือ ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างถูกจัดเรียงไว้อย่างในแบบเดียวกับพิพิธภัณฑ์ แต่ที่ยิ่งทำให้ลูกเสือเหล่านี้ตกใจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อสังเกตเห็นในห้องมีร่างของ ผู้กำกับลูกเสือหนุ่มๆในเครื่องแบบสุดหล่อ 2 คนถูกสตาฟตั้งไว้ให้ยืนในท่าวัณทยาหัตถ์อยู่ 2 ข้างประตู ถัดมาไม่ไกลก็มีร่างของลูกเสือจำนานมาก ที่ถูกสตาฟเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีลูก
องร้อยพิเศษของโรงเรียนตัวเองและโรงเรียนอื่นๆถูกสตาฟไว้อีก
โดยในห้องโถงนั้น พบว่าลูกเสือส่วนใหญ่จะถูกสตาฟไว้ในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยดังนี้
1. ลูกเสือสำรองถูกเอามาสตาฟนั้งเรียงกันไว้เป็นตุ๊กตา สำหรับเอาไว้กอดเล่น
2. ลูกเสือสามัญ และสามัญรุ่นใหญ่ถูกสตาฟเอาไว้ในท่าต่างๆของลูกเสือ เช่น ท่าวันทยาวุธ ท่าถือไม้ง่าม ท่ายืนตรง
3. ลูกเสือวิสามัญถูกสตาฟไว้ในตู้โชว์ ที่จัดทำขึ้น
4. ผู้กำกับลูกเสือถูกสตาฟยืนไว้2ข้างประตู บางคนโดนเอามาสตาฟแขวนไว้กับกำแพง บางคนเอามายืนข้างโต๊ะทำงาน
ซึ่งลูกเสือแต่ละระดับที่ถูกสตาฟ ก็มีครบทุกเหล่า ทั้งเหล่าเสนา เหล่าสมุทร และเหล่าอากาศ
หลังจากที่ลูกเสือเหล่านี้ตกตลึงได้ไม่นานนักนาย A ก็เดินออกมา และพูดว่า “ไม่ต้องห่วงชั้นไม่ฆ่าพวกนาย โดยการสตาฟไว้แบบพวกนั้นหรอก”
ลูกเสือที่เป็นนายหมู่ได้ถามขึ้นมาว่า “พี่จะทำอะไรพวกผม”
นายA : ก็ทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงไง โดยชั้นจะเอาพวกนายมาทำเป็น Boyscout centipede
จากนั้นนาย A จึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนัง Human centipede แต่คราวนี้เป็นการดัดแปลงโดยเอาลูกเสือมาทำแทน โดยวิธีการทำคือ
1. ทำทุกคนมาเรียงต่อกันตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8 แล้วใช้มีกรีดที่ก้นกางเกงลูกเสือเปิดออกมาให้เห็นรูทวาร
2. ตัดเนื้อเยื่อรอบรูทวารทุกคน และตัดริมฝีปากตั้งแต่คนที่ 2 ถึงคนที่ 8 เพื่อสร้างรอยแผลให้เนื้อเยื่อเชื่อมต่อกันได้
3. นำสายหนังมาต่อกับอวัยวะเพศและผ่าตัดให้เชื่อมต่อเป็นทางเดียวกับรูทวาร(แบบนี้ทุกคน) เพื่อให้ปัสสาวะและอุจาระออกทางเดียวกัน
4. ถอนฟันหน้าด้านบนทั้ง 4 ซี่ ตั้งแต่คนที่ 2 ถึง 8 เพื่อให้เชื่อมต่อกับรูทวารคนหน้าได้ง่ายและของเสียของคนข้างหน้าไหลผ่านได้อย่างอัตโนมัติ
5. นำปากของคนที่ 2 เย็บติดกับรูทวารหรือ
ของคนที่หนึ่ง ปากคนที่ 3 ติดกับรูทวารคนที่ 2 และเป็นแบบนี้ต่อๆกันไปจดถึงคนที่ 8
6. ตัดเส้นเอ็นที่หัวเข่าไม่ให้สามารถยืนหรือเดินได้ต้องใช้การคลานไปเท่านั้น
7. เมื่อเนื้อเยื่อประสานกันดีแล้วตัดไหมแล้วเวลากินอาหารคนที่ 1 กินเข้าไปก็จะขับถ่ายมาให้คนที่ 2 กินต่อ แล้วส่งต่อไปเรื่อยๆจนถึงคนที่
8 โดยคนที่ 8 จะมีท่อหนังนิ่มๆเย็บติดกับรูทวารอกมาประมาณ 15 cm เพื่อง่ายต่อการขับถ่ายออกมาและไม่เลอะเทอะ
นาย A พูดพร้อมกับฉายภาพสไลด์ประกอบ เหล่าลูกเสือได้แต่ตกตะลึงอย่างสุดจะทน จะนั้นนาย A ก็บอกตำแหน่งในการผ่าตัดลูกเสือโดยมีลำดับ ตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8 ตามตำแหน่งลูกเสือที่ทุกคนมีอยู่แล้ว และใช้ในเวลาเข้าแถวและเดินแถวเป็นประจำ (ซึ่งตามที่นาย Aไปค้นข้อมูลมา) 1. นายหมู่ 2.พลาธิการ 3.หัวหน้าคนครัว 4.หัวหน้าคนหาน้ำ 5.หัวหน้าคนหาฟืน 6.เบ็ดเตล็ดทั่วไป 7.เบ็ดเตล็ดทั่วไป 8.รองนายหมู่
นายหมู่นี่โชคดีหน่อยนะไม่ต้องกินขี้เหมือนคนอื่นเขา อิอิ นายA พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อลูกเสือทั้ง8คนหลังจากถูกผ่าตัดและตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงและทาสรับใช้ของนาย A ไป จนเนื้อเยื่อที่ปากและรูทวารแต่ละคนประสามกันสมบูรณ์แล้ว และนาย A จึงได้ตัดไหมออกมา ลูกเสือทุกคนจึงต่อกันเป็นขบวน คือ เป็นลูกเสือตะขาบ(Boyscout centipede) อย่างสมบูรณ์ จากนั้นนายA จริงพูดว่า อืม…ลูกเสือเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลกจริงๆด้วยดูสิ เนื้อเยื่อประสานกันได้ดีและรวดเร็วดีจัง อิอิ จากนั้นนายA จึงนำปลอกคอสุนัขสีดำมีลายเป็นหนามสีเงินเล็กๆมาสวมให้กับนายหมู่ไว้จูงเป็นสัตว์เลี้ยง นับตั้งแต่วันที่เหล่าลูกเสือฟื้นจากการผ่าตัด ทุกเช้าก็ต้องตื่นมาก่อน 8 โมงเช้าคลานมาเปิดกอง โดยนายหมู่เป็นคนชักธงขึ้นลง ลูกเสือทุกคนในหมู่ทำท่าวันทยาหัตถ์ ร้องเพลงชาติ และกล่าวคำปฏิญาณ ให้นาย A ดูเล่นๆ ทุกๆวัน
นายA เลี้ยงดูลูกเสือเหล่านี้เป็นอย่างดีเหมือนสัตว์เลี้ยงหรือสุนัขสุดโปรด เมื่อนายหมู่กินอาหาร แล้วก็ขับถ่ายส่งไปยังเพื่อนลูกเสือภายในหมู่แม้บางครั้งนายหมู่จะพยายามอั้นไม่ให้ถ่ายเอาไว้เพราะเป็นห่วงเพื่อนแต่ถึงอย่างไรเมื่อถึงจุดที่ทนไหวไหวก็ต้องปล่อยออกมาอยู่ดีทั้งอุจจาระและปัจสาวะจากนายหมู่ถูกส่งต่อให้ไปยังเพื่อนลูกเสือคนต่อๆไป จนถึงคนสุดท้ายและเป็นแบบนี้ทุกวัน โดยนาย A ได้กำหนดสร้างห้องน้ำไว้สำหรับให้ลูกเสือหมู่นี้ใช้(โดยเฉพาะคนที่เป็นรองนายหมู่ที่ต้องมีหน้าที่ขับถ่ายออกมา ) และคนที่เป็นรองนายหมู่ยังต้องเป็นที่ระบายอารมณืทางเพศให้กับนาย A อีก ลูกเสือหมู่นี้บางครั้งก็เป็นสัตว์เลี้ยงหรือพาหนะสำหรับขี่เล่น แทนม้า ของนายA อีกด้วย
จากนั้นไม่กี่เดือนหลังจากการผ่าตัด นาย A ได้คิดค้นยาตัวใหม่สำหรับใส่ลงไปในอาหาร หรือฉีดเข้าที่ร่างกาย โดยยาตัวนี้มีคุณสมบัติที่ทำให้ลูกเสือหมู่นี้ไม่มีการเจริญเติบโต และกลายเป็นเด็กวัยรุ่นแบบที่ปัจจุบันเป็นอยู่ตลอดไปอย่างไม่มีวันแก่
นายA : กลายเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ของชั้นแบบนี้ตลอดชีวิตอย่างเป็นนิจนิรันดร์ อย่างงี้เถิดนะ.......หึหึ และนายA ก็อยู่ร่วมกับลูกเสือเหล่านี้อย่างมีความสุข(สุขเฉพาะนายA) พร้อมกับหาลูกเสือมาสตาฟอยู่เรื่อยๆ ยิ่งมากยิ่งดี... จบ ...
เหล่าลูกเสือที่กลายเป็นของสะสม (collection of boy scout)
ในช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงเข้าค่ายของลูกเสือในโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง และโรงเรียนนั้นได้เน้นการสอนลูกเสือเป็นหลัก คือมีทั้งลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ลูกองร้อยพิเศษ และลูกเสือวิสามัญ ลูกเสือในโรงเรียนจึงมีค่อนข้างมากและประมาณครึ่งหนึ่งก็เป็นลูกเสือในสังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี จึงมีความเป็นลูกเสือทั้งร่างกายและจิตใจ
ในช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นช่วงที่ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3 ทุกคนต้องไปเข้าค่าย เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งลูกเสือทุกคนต้องมาเข้ากองเพื่อเตรียมขึ้นรถก่อนเวลา ตีห้าครึ่ง (5.30) เมื่อถึงเวลา ลูกเสือทุกคนก็แต่งกายอย่างสง่างามในชุดลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ผ้าผูกคอสีเหลือง โดยผ้าผูกคอ รัดด้วยวอกเกิ้ลโลหะสีทองเหลือง เข้มขัดถูกขัดอย่างเงาวับ ถุงเท้าลูกเสือก็มีพู่สีเลือดหมูสวมไว้อย่างเรียบร้อย รองเท้าลูกเสือที่เป็นผ้าใบก็ดูเนียบไม่มีรอยขาด หมวกไบเล่สีเลือดหมูมีตราลูกเสือก็สวมใส่อย่างงดงาม ลูกเสือแต่ละคนก็รูปร่างดีไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป และส่วนใหญ่ก็มีร่างกายที่มีมัดกล้ามพอประมาณ รวมกับอยู่ในเครื่องแบบลูกเสือทำให้ยิ่งดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อพวกลูกเสือแต่ละคนไปถึงค่าย จากนั้นครูฝึกจึงให้เริ่มกางเต้นทุกคนจึงเริ่มนำเต้มมากาง เมื่อกางเต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาจัดเวรยามในค่ายตามที่ครูฝึกจัดเอาไว้ ตามจุดต่างๆและค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนถึงตอนเช้า ซึ่งตั้งแต่ตอนขึ้นรถจนถึงค่ายและเรื่อยมาจนถึงเข้าเวรยามลูกเสือทุกคนต้องอยู่ในชุดลูกเสือที่เรียบร้อยสง่างาม ลูกเสือที่เป็นกองร้อยพิเศษจำนวนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นเวรยามอยู่ใกล้ๆบ้านพักของครูฝึก
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ลูกเสือทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนามว่า เอ แอบดูเหล่าลูกเสือที่มาถึงค่ายอย่างใจจดใจจ่อ จนถึงขณะที่ลูกเสือแต่ละคนยืนเป็นยามชายคนนี้ก็ไม่เว้นสายตาที่จ้องมองเหล่าลูกเสืออย่างพึงพอใจในความส่งางามของลูกเสือเหล่านี้ คิดว่าถ้าได้ลูกเสือพวกนี้มาซักหมู่หนึ่งก็จะดีใจมาก ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และศัลยแพทย์เป็นคนลาดมาก แต่เป็นคนที่มีความโหดเหี้ยมอำมหิตค่อนข้างมาก
ทันใดนั้นเองชายคนนี้เหลือบไปเห็นลูกเสืออยู่หมู่หนึ่งซึ่งเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3 อายุราวๆ 14-15 ปี แต่และคนในหมู่นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่สมส่วนงดงามกว่าลูกเสือหมู่อื่นๆ และแต่ละคนที่แขนเสื้อด้านขวาก็มีเครื่องหมายพิเศษทั้ง9อันติดอยู่โดยมีเครื่องหมายพยาบาลสีขาวติดตรงกลาง ซึ่งเป็นที่บ่งบอกว่าได้เรียนและวิชาพิเศษมาอย่างครบถ้วนด้วย โดยลูกเสือหมู่นี้มีทั้งหมด 8 คน มีหน้าที่ตามตำแหน่งลูกเสือที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่นายหมู่ ตำแหน่งอื่นๆจนถึงรองนายหมู่ คนที่หล่อเหลาและสง่างามที่สุดรู้สึกจะเป็นนายหมู่ นอกจากจะมีเครื่องหมาย2 แถบสีเลือดหมูเย็บติดกระเป็นด้านซ้ายและยังมีสายยงยศบ่งบอกว่าผ่านการฝึกครอสผู้นำมา ยิ่งทำให้ชายวัยกลางคนนี้ที่ชื่อ A นี้ยิ่งถูกใจนายหมู่เป็นพิเศษเข้าไปใหญ่ นายA มีความต้องการที่จะได้ลูกเสือหมู่นี้มาเป็นของตนเองให้ได้ จึงได้หาทางวางแผนต่างๆ รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกเสือหมู่นี้ของโรงเรียนนี้ และการจัดเวรยาม มาอย่างละเอียด และพบว่าลูกเสือหมู่นี้เป็นลูกเสือที่สังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเสียด้วย เท่านั้นยังมีความรู้ด้านวิชาลูกเสือระดับ Top หรือแนวหน้าของโรงเรียน แถมยังบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือคนแก่ข้ามถนน ช่วยเหลือสังคมต่างๆนาน อย่างมีใจรักในการเป็นลูกเสือซึ่งสามารถบอกได้เป็นปากว่าเป็นลูกเสือที่แท้จริงทั้งกายและใจเลย โดยลูกเสือหมู่นี้จะต้องมายืนเวรและลาดตระเวนพื้นที่ในช่วงตอนประมาณตี 2 –ตี 3 ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมพอดี เพราะช่วงนั้นมีคนสังเกตน้อย
เมื่อถึงเวลาตี 2 ที่ลูกเสือหมู่นี้ต้องมาเฝ้าเวรและเดินลาดตระเวนพื้นที่ไปด้วย หลังจากที่ลูกเสือหมู่นี้ยืนเวรได้ระยะหนึ่งก็ถึงเวลาประมาณ 2.30 ทีจะต้องลาดตระเวรซักพักก่อนที่จะกลับเข้าที่พักไปเปลี่ยนชุดลูกเสือที่ใส่มาตั้งแต่เช้าจวนจะครบวัน แต่แล้วขณะที่ลูกเสือหมู่นี้เดินลาดตระเวนพื้นที่กันอยู่ ได้ไม่นานนัก นาย A ก็เข้ามาทัก เรียกลูกเสือให้ตามมาทานน้ำก่อน ลูกเสือในหมู่ทั้ง 8 คนก็เดินตามนายA ไปโดยไม่ทันได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายและเป็นลูกเสือแถมอยู่ในเครื่องแบบด้วยต้องมีความกล้าหารไม่กลัวอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ลูกเสือหมู่นี้จึงได้ตามนาย A ไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งเป้นทางลาดลงไปสู่ห้องลับใต้ดิน เมื่อนาย A นำลูกเสือเหล่านี้ลงสู่ห้องลับใต้ดินปรากฏว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องลักษณะคล้ายๆห้องรับแขกมีโซฟาสีทองสลักลวดลายอย่างสวยงามที่โซฟาก็มีเบาะสีแดงที่หนุ่มสบายอยู่ นาย A ให้เหล่าลูกเสือนั่งรอบนโซฟาก่อน จากนั้นนาย A จึงไปยกน้ำมาให้ เมื่อนาย A นำแก้วทั้ง 8 ใบที่มีน้ำเย็นๆอยู่ เมื่อลูกเสือเหล่านี้ดื่นน้ำเข้าไปแล้ว ก็หารู้ไม่ว่าในน้ำนั้นได้ใส่ยาสลบชนิดที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่ ไม่นานนัก ลูกเสือเหล่านั้นต่างก็สลบไปอย่างไม่ได้สติ จากนั้นนาย A จึงค่อยอุ้มลูกเสือแต่ละคนมาวางเรียงนอนไว้ในที่นอนบนเตียงของตัวเองและนาย A ก็นอนกอดเหล่าลูกเสือในเครื่องแบบทั้ง 8 คนอย่างเพลิดเพลินเหมือนกับเด็กได้ตุ๊กตาตัวใหม่
พอถึงเวลาประมาณ 7 โมงเช้านาย A จึงนำลูกเสือทั้ง 8 คนนี้วางวางไว้ที่เตียงรอผ่าตัด ซึ่งก่อนที่จะทำการผ่าตัดไม่นานนักก็เป็นช่วงที่เหล่าลูกเสือทั้ง 8 ตื่นขึ้นมาพอดี ทั้ง 8 คนที่ตอนนี้ร่างถูกมัดไว้กับเตียงเหล็กได้สังเกตุไปรอบห้องพบว่าในห้องมีอุปกรณ์ลูกเสือต่างๆเป็นไปหมดเช่น ตราลูกเสือ ไม้ง่าม ธงลูกเสือ เชือกลูกเสือ ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างถูกจัดเรียงไว้อย่างในแบบเดียวกับพิพิธภัณฑ์ แต่ที่ยิ่งทำให้ลูกเสือเหล่านี้ตกใจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อสังเกตเห็นในห้องมีร่างของ ผู้กำกับลูกเสือหนุ่มๆในเครื่องแบบสุดหล่อ 2 คนถูกสตาฟตั้งไว้ให้ยืนในท่าวัณทยาหัตถ์อยู่ 2 ข้างประตู ถัดมาไม่ไกลก็มีร่างของลูกเสือจำนานมาก ที่ถูกสตาฟเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีลูกองร้อยพิเศษของโรงเรียนตัวเองและโรงเรียนอื่นๆถูกสตาฟไว้อีก
โดยในห้องโถงนั้น พบว่าลูกเสือส่วนใหญ่จะถูกสตาฟไว้ในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยดังนี้
1. ลูกเสือสำรองถูกเอามาสตาฟนั้งเรียงกันไว้เป็นตุ๊กตา สำหรับเอาไว้กอดเล่น
2. ลูกเสือสามัญ และสามัญรุ่นใหญ่ถูกสตาฟเอาไว้ในท่าต่างๆของลูกเสือ เช่น ท่าวันทยาวุธ ท่าถือไม้ง่าม ท่ายืนตรง
3. ลูกเสือวิสามัญถูกสตาฟไว้ในตู้โชว์ ที่จัดทำขึ้น
4. ผู้กำกับลูกเสือถูกสตาฟยืนไว้2ข้างประตู บางคนโดนเอามาสตาฟแขวนไว้กับกำแพง บางคนเอามายืนข้างโต๊ะทำงาน
ซึ่งลูกเสือแต่ละระดับที่ถูกสตาฟ ก็มีครบทุกเหล่า ทั้งเหล่าเสนา เหล่าสมุทร และเหล่าอากาศ
หลังจากที่ลูกเสือเหล่านี้ตกตลึงได้ไม่นานนักนาย A ก็เดินออกมา และพูดว่า “ไม่ต้องห่วงชั้นไม่ฆ่าพวกนาย โดยการสตาฟไว้แบบพวกนั้นหรอก”
ลูกเสือที่เป็นนายหมู่ได้ถามขึ้นมาว่า “พี่จะทำอะไรพวกผม”
นายA : ก็ทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงไง โดยชั้นจะเอาพวกนายมาทำเป็น Boyscout centipede
จากนั้นนาย A จึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนัง Human centipede แต่คราวนี้เป็นการดัดแปลงโดยเอาลูกเสือมาทำแทน โดยวิธีการทำคือ
1. ทำทุกคนมาเรียงต่อกันตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8 แล้วใช้มีกรีดที่ก้นกางเกงลูกเสือเปิดออกมาให้เห็นรูทวาร
2. ตัดเนื้อเยื่อรอบรูทวารทุกคน และตัดริมฝีปากตั้งแต่คนที่ 2 ถึงคนที่ 8 เพื่อสร้างรอยแผลให้เนื้อเยื่อเชื่อมต่อกันได้
3. นำสายหนังมาต่อกับอวัยวะเพศและผ่าตัดให้เชื่อมต่อเป็นทางเดียวกับรูทวาร(แบบนี้ทุกคน) เพื่อให้ปัสสาวะและอุจาระออกทางเดียวกัน
4. ถอนฟันหน้าด้านบนทั้ง 4 ซี่ ตั้งแต่คนที่ 2 ถึง 8 เพื่อให้เชื่อมต่อกับรูทวารคนหน้าได้ง่ายและของเสียของคนข้างหน้าไหลผ่านได้อย่างอัตโนมัติ
5. นำปากของคนที่ 2 เย็บติดกับรูทวารหรือของคนที่หนึ่ง ปากคนที่ 3 ติดกับรูทวารคนที่ 2 และเป็นแบบนี้ต่อๆกันไปจดถึงคนที่ 8
6. ตัดเส้นเอ็นที่หัวเข่าไม่ให้สามารถยืนหรือเดินได้ต้องใช้การคลานไปเท่านั้น
7. เมื่อเนื้อเยื่อประสานกันดีแล้วตัดไหมแล้วเวลากินอาหารคนที่ 1 กินเข้าไปก็จะขับถ่ายมาให้คนที่ 2 กินต่อ แล้วส่งต่อไปเรื่อยๆจนถึงคนที่
8 โดยคนที่ 8 จะมีท่อหนังนิ่มๆเย็บติดกับรูทวารอกมาประมาณ 15 cm เพื่อง่ายต่อการขับถ่ายออกมาและไม่เลอะเทอะ
นาย A พูดพร้อมกับฉายภาพสไลด์ประกอบ เหล่าลูกเสือได้แต่ตกตะลึงอย่างสุดจะทน จะนั้นนาย A ก็บอกตำแหน่งในการผ่าตัดลูกเสือโดยมีลำดับ ตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8 ตามตำแหน่งลูกเสือที่ทุกคนมีอยู่แล้ว และใช้ในเวลาเข้าแถวและเดินแถวเป็นประจำ (ซึ่งตามที่นาย Aไปค้นข้อมูลมา) 1. นายหมู่ 2.พลาธิการ 3.หัวหน้าคนครัว 4.หัวหน้าคนหาน้ำ 5.หัวหน้าคนหาฟืน 6.เบ็ดเตล็ดทั่วไป 7.เบ็ดเตล็ดทั่วไป 8.รองนายหมู่
นายหมู่นี่โชคดีหน่อยนะไม่ต้องกินขี้เหมือนคนอื่นเขา อิอิ นายA พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อลูกเสือทั้ง8คนหลังจากถูกผ่าตัดและตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงและทาสรับใช้ของนาย A ไป จนเนื้อเยื่อที่ปากและรูทวารแต่ละคนประสามกันสมบูรณ์แล้ว และนาย A จึงได้ตัดไหมออกมา ลูกเสือทุกคนจึงต่อกันเป็นขบวน คือ เป็นลูกเสือตะขาบ(Boyscout centipede) อย่างสมบูรณ์ จากนั้นนายA จริงพูดว่า อืม…ลูกเสือเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลกจริงๆด้วยดูสิ เนื้อเยื่อประสานกันได้ดีและรวดเร็วดีจัง อิอิ จากนั้นนายA จึงนำปลอกคอสุนัขสีดำมีลายเป็นหนามสีเงินเล็กๆมาสวมให้กับนายหมู่ไว้จูงเป็นสัตว์เลี้ยง นับตั้งแต่วันที่เหล่าลูกเสือฟื้นจากการผ่าตัด ทุกเช้าก็ต้องตื่นมาก่อน 8 โมงเช้าคลานมาเปิดกอง โดยนายหมู่เป็นคนชักธงขึ้นลง ลูกเสือทุกคนในหมู่ทำท่าวันทยาหัตถ์ ร้องเพลงชาติ และกล่าวคำปฏิญาณ ให้นาย A ดูเล่นๆ ทุกๆวัน
นายA เลี้ยงดูลูกเสือเหล่านี้เป็นอย่างดีเหมือนสัตว์เลี้ยงหรือสุนัขสุดโปรด เมื่อนายหมู่กินอาหาร แล้วก็ขับถ่ายส่งไปยังเพื่อนลูกเสือภายในหมู่แม้บางครั้งนายหมู่จะพยายามอั้นไม่ให้ถ่ายเอาไว้เพราะเป็นห่วงเพื่อนแต่ถึงอย่างไรเมื่อถึงจุดที่ทนไหวไหวก็ต้องปล่อยออกมาอยู่ดีทั้งอุจจาระและปัจสาวะจากนายหมู่ถูกส่งต่อให้ไปยังเพื่อนลูกเสือคนต่อๆไป จนถึงคนสุดท้ายและเป็นแบบนี้ทุกวัน โดยนาย A ได้กำหนดสร้างห้องน้ำไว้สำหรับให้ลูกเสือหมู่นี้ใช้(โดยเฉพาะคนที่เป็นรองนายหมู่ที่ต้องมีหน้าที่ขับถ่ายออกมา ) และคนที่เป็นรองนายหมู่ยังต้องเป็นที่ระบายอารมณืทางเพศให้กับนาย A อีก ลูกเสือหมู่นี้บางครั้งก็เป็นสัตว์เลี้ยงหรือพาหนะสำหรับขี่เล่น แทนม้า ของนายA อีกด้วย
จากนั้นไม่กี่เดือนหลังจากการผ่าตัด นาย A ได้คิดค้นยาตัวใหม่สำหรับใส่ลงไปในอาหาร หรือฉีดเข้าที่ร่างกาย โดยยาตัวนี้มีคุณสมบัติที่ทำให้ลูกเสือหมู่นี้ไม่มีการเจริญเติบโต และกลายเป็นเด็กวัยรุ่นแบบที่ปัจจุบันเป็นอยู่ตลอดไปอย่างไม่มีวันแก่
นายA : กลายเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ของชั้นแบบนี้ตลอดชีวิตอย่างเป็นนิจนิรันดร์ อย่างงี้เถิดนะ.......หึหึ และนายA ก็อยู่ร่วมกับลูกเสือเหล่านี้อย่างมีความสุข(สุขเฉพาะนายA) พร้อมกับหาลูกเสือมาสตาฟอยู่เรื่อยๆ ยิ่งมากยิ่งดี... จบ ...