เหล่าลูกเสือที่กลายเป็นของสะสม (collection of boy scout)

การเป็นลูกเสือนั้นผู้คนส่วนใหญ่ จะนึกถึงหน้าที่การบำเพ็ญประโยชน์  จิตอาสาช่วยเหลือสังคมของเหล่าลูกเสือ  ความมีระเบียบวินัย ความสุภาพเรียบร้อย บุคคลิกและท่าวัทยาวุธที่สง่างาม  แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ลูกเสือนั้นก็เป็นที่หมายปองของเหล้ามิจฉาชีพ ที่อยากได้ลูกเสือที่สง่างามมาสตาฟเป็นของสะสมของตัวเอง หรือ เอาตัวลูกเสือไปเสนอขายในตลาดมืดให้กับพวกเศรษฐีที่ชื่นชอบและอยากได้ลูกเสือสตาฟมาสะสมเพื่อประดับบารมี   ทำให้บางครั้งมีลูกเสือที่หายตัวไปอย่างลึกลับไม่มีใครตามหายเจอ ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้  

ในช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงเข้าค่ายของลูกเสือในโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง  และโรงเรียนนั้นได้เน้นการสอนลูกเสือเป็นหลัก คือมีทั้งลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่  ลูกยิ้มองร้อยพิเศษ  และลูกเสือวิสามัญ ลูกเสือในโรงเรียนจึงมีค่อนข้างมากและประมาณครึ่งหนึ่งก็เป็นลูกเสือในสังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี จึงมีความเป็นลูกเสือทั้งร่างกายและจิตใจ
      
                     ในช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นช่วงที่ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3 ทุกคนต้องไปเข้าค่าย เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน  ซึ่งลูกเสือทุกคนต้องมาเข้ากองเพื่อเตรียมขึ้นรถก่อนเวลา ตีห้าครึ่ง (5.30)   เมื่อถึงเวลา ลูกเสือทุกคนก็แต่งกายอย่างสง่างามในชุดลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่  ผ้าผูกคอสีเหลือง  โดยผ้าผูกคอ รัดด้วยวอกเกิ้ลโลหะสีทองเหลือง   เข้มขัดถูกขัดอย่างเงาวับ   ถุงเท้าลูกเสือก็มีพู่สีเลือดหมูสวมไว้อย่างเรียบร้อย   รองเท้าลูกเสือที่เป็นผ้าใบก็ดูเนียบไม่มีรอยขาด   หมวกไบเล่สีเลือดหมูมีตราลูกเสือก็สวมใส่อย่างงดงาม   ลูกเสือแต่ละคนก็รูปร่างดีไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป และส่วนใหญ่ก็มีร่างกายที่มีมัดกล้ามพอประมาณ  รวมกับอยู่ในเครื่องแบบลูกเสือทำให้ยิ่งดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีก

เมื่อพวกลูกเสือแต่ละคนไปถึงค่าย  จากนั้นครูฝึกจึงให้เริ่มกางเต้นทุกคนจึงเริ่มนำเต้มมากาง    เมื่อกางเต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว   ก็ถึงเวลาจัดเวรยามในค่ายตามที่ครูฝึกจัดเอาไว้   ตามจุดต่างๆและค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนถึงตอนเช้า    ซึ่งตั้งแต่ตอนขึ้นรถจนถึงค่ายและเรื่อยมาจนถึงเข้าเวรยามลูกเสือทุกคนต้องอยู่ในชุดลูกเสือที่เรียบร้อยสง่างาม     ลูกเสือที่เป็นกองร้อยพิเศษจำนวนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นเวรยามอยู่ใกล้ๆบ้านพักของครูฝึก  
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ลูกเสือทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น     ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนามว่า   เอ    แอบดูเหล่าลูกเสือที่มาถึงค่ายอย่างใจจดใจจ่อ  จนถึงขณะที่ลูกเสือแต่ละคนยืนเป็นยามชายคนนี้ก็ไม่เว้นสายตาที่จ้องมองเหล่าลูกเสืออย่างพึงพอใจในความส่งางามของลูกเสือเหล่านี้        คิดว่าถ้าได้ลูกเสือพวกนี้มาซักหมู่หนึ่งก็จะดีใจมาก       ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และศัลยแพทย์เป็นคนลาดมาก  แต่เป็นคนที่มีความโหดเหี้ยมอำมหิตค่อนข้างมาก

              ทันใดนั้นเองชายคนนี้เหลือบไปเห็นลูกเสืออยู่หมู่หนึ่งซึ่งเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.3  อายุราวๆ 14-15 ปี  แต่และคนในหมู่นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่สมส่วนงดงามกว่าลูกเสือหมู่อื่นๆ     และแต่ละคนที่แขนเสื้อด้านขวาก็มีเครื่องหมายพิเศษทั้ง9อันติดอยู่โดยมีเครื่องหมายพยาบาลสีขาวติดตรงกลาง ซึ่งเป็นที่บ่งบอกว่าได้เรียนและวิชาพิเศษมาอย่างครบถ้วนด้วย          โดยลูกเสือหมู่นี้มีทั้งหมด 8 คน   มีหน้าที่ตามตำแหน่งลูกเสือที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่นายหมู่ ตำแหน่งอื่นๆจนถึงรองนายหมู่   คนที่หล่อเหลาและสง่างามที่สุดรู้สึกจะเป็นนายหมู่ นอกจากจะมีเครื่องหมาย2 แถบสีเลือดหมูเย็บติดกระเป็นด้านซ้ายและยังมีสายยงยศบ่งบอกว่าผ่านการฝึกครอสผู้นำมา      ยิ่งทำให้ชายวัยกลางคนนี้ที่ชื่อ A  นี้ยิ่งถูกใจนายหมู่เป็นพิเศษเข้าไปใหญ่  นายA มีความต้องการที่จะได้ลูกเสือหมู่นี้มาเป็นของตนเองให้ได้     จึงได้หาทางวางแผนต่างๆ   รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกเสือหมู่นี้ของโรงเรียนนี้  และการจัดเวรยาม   มาอย่างละเอียด   และพบว่าลูกเสือหมู่นี้เป็นลูกเสือที่สังกัดสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเสียด้วย    เท่านั้นยังมีความรู้ด้านวิชาลูกเสือระดับ Top  หรือแนวหน้าของโรงเรียน  แถมยังบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือคนแก่ข้ามถนน   ช่วยเหลือสังคมต่างๆนาน  อย่างมีใจรักในการเป็นลูกเสือซึ่งสามารถบอกได้เป็นปากว่าเป็นลูกเสือที่แท้จริงทั้งกายและใจเลย   โดยลูกเสือหมู่นี้จะต้องมายืนเวรและลาดตระเวนพื้นที่ในช่วงตอนประมาณตี 2 –ตี 3     ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมพอดี  เพราะช่วงนั้นมีคนสังเกตน้อย          

         เมื่อถึงเวลาตี 2 ที่ลูกเสือหมู่นี้ต้องมาเฝ้าเวรและเดินลาดตระเวนพื้นที่ไปด้วย  หลังจากที่ลูกเสือหมู่นี้ยืนเวรได้ระยะหนึ่งก็ถึงเวลาประมาณ 2.30 ทีจะต้องลาดตระเวรซักพักก่อนที่จะกลับเข้าที่พักไปเปลี่ยนชุดลูกเสือที่ใส่มาตั้งแต่เช้าจวนจะครบวัน  แต่แล้วขณะที่ลูกเสือหมู่นี้เดินลาดตระเวนพื้นที่กันอยู่  ได้ไม่นานนัก   นาย A  ก็เข้ามาทัก เรียกลูกเสือให้ตามมาทานน้ำก่อน   ลูกเสือในหมู่ทั้ง 8 คนก็เดินตามนายA ไปโดยไม่ทันได้เอะใจอะไร   เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายและเป็นลูกเสือแถมอยู่ในเครื่องแบบด้วยต้องมีความกล้าหารไม่กลัวอะไรง่ายๆอยู่แล้ว         ลูกเสือหมู่นี้จึงได้ตามนาย A ไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งเป้นทางลาดลงไปสู่ห้องลับใต้ดิน  เมื่อนาย A  นำลูกเสือเหล่านี้ลงสู่ห้องลับใต้ดินปรากฏว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องลักษณะคล้ายๆห้องรับแขกมีโซฟาสีทองสลักลวดลายอย่างสวยงามที่โซฟาก็มีเบาะสีแดงที่หนุ่มสบายอยู่ นาย A  ให้เหล่าลูกเสือนั่งรอบนโซฟาก่อน  จากนั้นนาย A   จึงไปยกน้ำมาให้  เมื่อนาย A  นำแก้วทั้ง 8 ใบที่มีน้ำเย็นๆอยู่   เมื่อลูกเสือเหล่านี้ดื่นน้ำเข้าไปแล้ว  ก็หารู้ไม่ว่าในน้ำนั้นได้ใส่ยาสลบชนิดที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่   ไม่นานนัก     ลูกเสือเหล่านั้นต่างก็สลบไปอย่างไม่ได้สติ       จากนั้นนาย A  จึงค่อยอุ้มลูกเสือแต่ละคนมาวางเรียงนอนไว้ในที่นอนบนเตียงของตัวเองและนาย A  ก็นอนกอดเหล่าลูกเสือในเครื่องแบบทั้ง 8 คนอย่างเพลิดเพลินเหมือนกับเด็กได้ตุ๊กตาตัวใหม่ 

พอถึงเวลาประมาณ  7  โมงเช้านาย A  จึงนำลูกเสือทั้ง 8  คนนี้วางวางไว้ที่เตียงรอผ่าตัด   ซึ่งก่อนที่จะทำการผ่าตัดไม่นานนักก็เป็นช่วงที่เหล่าลูกเสือทั้ง 8   ตื่นขึ้นมาพอดี   ทั้ง 8 คนที่ตอนนี้ร่างถูกมัดไว้กับเตียงเหล็กได้สังเกตุไปรอบห้องพบว่าในห้องมีอุปกรณ์ลูกเสือต่างๆเป็นไปหมดเช่น  ตราลูกเสือ   ไม้ง่าม   ธงลูกเสือ เชือกลูกเสือ  ฯลฯ  ซึ่งแต่ละอย่างถูกจัดเรียงไว้อย่างในแบบเดียวกับพิพิธภัณฑ์    แต่ที่ยิ่งทำให้ลูกเสือเหล่านี้ตกใจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อสังเกตเห็นในห้องมีร่างของ ผู้กำกับลูกเสือหนุ่มๆในเครื่องแบบสุดหล่อ 2 คนถูกสตาฟตั้งไว้ให้ยืนในท่าวัณทยาหัตถ์อยู่ 2 ข้างประตู   ถัดมาไม่ไกลก็มีร่างของลูกเสือจำนานมาก ที่ถูกสตาฟเอาไว้  นอกจากนี้ยังมีลูกยิ้มองร้อยพิเศษของโรงเรียนตัวเองและโรงเรียนอื่นๆถูกสตาฟไว้อีก

โดยในห้องโถงนั้น  พบว่าลูกเสือส่วนใหญ่จะถูกสตาฟไว้ในลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยดังนี้
1. ลูกเสือสำรองถูกเอามาสตาฟนั้งเรียงกันไว้เป็นตุ๊กตา สำหรับเอาไว้กอดเล่น
2. ลูกเสือสามัญ และสามัญรุ่นใหญ่ถูกสตาฟเอาไว้ในท่าต่างๆของลูกเสือ เช่น ท่าวันทยาวุธ  ท่าถือไม้ง่าม  ท่ายืนตรง
3. ลูกเสือวิสามัญถูกสตาฟไว้ในตู้โชว์  ที่จัดทำขึ้น
4. ผู้กำกับลูกเสือถูกสตาฟยืนไว้2ข้างประตู  บางคนโดนเอามาสตาฟแขวนไว้กับกำแพง  บางคนเอามายืนข้างโต๊ะทำงาน
ซึ่งลูกเสือแต่ละระดับที่ถูกสตาฟ ก็มีครบทุกเหล่า  ทั้งเหล่าเสนา  เหล่าสมุทร และเหล่าอากาศ  

หลังจากที่ลูกเสือเหล่านี้ตกตลึงได้ไม่นานนักนาย A  ก็เดินออกมา    และพูดว่า  “ไม่ต้องห่วงชั้นไม่ฆ่าพวกนาย  โดยการสตาฟไว้แบบพวกนั้นหรอก”               
ลูกเสือที่เป็นนายหมู่ได้ถามขึ้นมาว่า  “พี่จะทำอะไรพวกผม”  
นายA :  ก็ทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงไง   โดยชั้นจะเอาพวกนายมาทำเป็น  Boyscout centipede
จากนั้นนาย A  จึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนัง Human centipede   แต่คราวนี้เป็นการดัดแปลงโดยเอาลูกเสือมาทำแทน         โดยวิธีการทำคือ
1.    ทำทุกคนมาเรียงต่อกันตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8 แล้วใช้มีกรีดที่ก้นกางเกงลูกเสือเปิดออกมาให้เห็นรูทวาร
2.    ตัดเนื้อเยื่อรอบรูทวารทุกคน และตัดริมฝีปากตั้งแต่คนที่ 2 ถึงคนที่ 8  เพื่อสร้างรอยแผลให้เนื้อเยื่อเชื่อมต่อกันได้
3.    นำสายหนังมาต่อกับอวัยวะเพศและผ่าตัดให้เชื่อมต่อเป็นทางเดียวกับรูทวาร(แบบนี้ทุกคน) เพื่อให้ปัสสาวะและอุจาระออกทางเดียวกัน
4.    ถอนฟันหน้าด้านบนทั้ง 4 ซี่ ตั้งแต่คนที่ 2 ถึง 8   เพื่อให้เชื่อมต่อกับรูทวารคนหน้าได้ง่ายและของเสียของคนข้างหน้าไหลผ่านได้อย่างอัตโนมัติ
5.    นำปากของคนที่ 2 เย็บติดกับรูทวารหรือยิ้มของคนที่หนึ่ง    ปากคนที่ 3 ติดกับรูทวารคนที่ 2  และเป็นแบบนี้ต่อๆกันไปจดถึงคนที่ 8
6.    ตัดเส้นเอ็นที่หัวเข่าไม่ให้สามารถยืนหรือเดินได้ต้องใช้การคลานไปเท่านั้น
7.    เมื่อเนื้อเยื่อประสานกันดีแล้วตัดไหมแล้วเวลากินอาหารคนที่ 1 กินเข้าไปก็จะขับถ่ายมาให้คนที่ 2 กินต่อ แล้วส่งต่อไปเรื่อยๆจนถึงคนที่
        8  โดยคนที่ 8 จะมีท่อหนังนิ่มๆเย็บติดกับรูทวารอกมาประมาณ 15 cm  เพื่อง่ายต่อการขับถ่ายออกมาและไม่เลอะเทอะ

นาย A  พูดพร้อมกับฉายภาพสไลด์ประกอบ  เหล่าลูกเสือได้แต่ตกตะลึงอย่างสุดจะทน  จะนั้นนาย A ก็บอกตำแหน่งในการผ่าตัดลูกเสือโดยมีลำดับ ตั้งแต่คนที่ 1 ถึง 8  ตามตำแหน่งลูกเสือที่ทุกคนมีอยู่แล้ว และใช้ในเวลาเข้าแถวและเดินแถวเป็นประจำ  (ซึ่งตามที่นาย Aไปค้นข้อมูลมา)      1. นายหมู่   2.พลาธิการ    3.หัวหน้าคนครัว  4.หัวหน้าคนหาน้ำ   5.หัวหน้าคนหาฟืน 6.เบ็ดเตล็ดทั่วไป  7.เบ็ดเตล็ดทั่วไป  8.รองนายหมู่  
        นายหมู่นี่โชคดีหน่อยนะไม่ต้องกินขี้เหมือนคนอื่นเขา   อิอิ   นายA  พูดพร้อมกับรอยยิ้ม

เมื่อลูกเสือทั้ง8คนหลังจากถูกผ่าตัดและตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงและทาสรับใช้ของนาย A  ไป  จนเนื้อเยื่อที่ปากและรูทวารแต่ละคนประสามกันสมบูรณ์แล้ว และนาย A จึงได้ตัดไหมออกมา   ลูกเสือทุกคนจึงต่อกันเป็นขบวน คือ เป็นลูกเสือตะขาบ(Boyscout centipede) อย่างสมบูรณ์    จากนั้นนายA จริงพูดว่า  อืม…ลูกเสือเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลกจริงๆด้วยดูสิ  เนื้อเยื่อประสานกันได้ดีและรวดเร็วดีจัง   อิอิ             จากนั้นนายA  จึงนำปลอกคอสุนัขสีดำมีลายเป็นหนามสีเงินเล็กๆมาสวมให้กับนายหมู่ไว้จูงเป็นสัตว์เลี้ยง      นับตั้งแต่วันที่เหล่าลูกเสือฟื้นจากการผ่าตัด  ทุกเช้าก็ต้องตื่นมาก่อน 8 โมงเช้าคลานมาเปิดกอง   โดยนายหมู่เป็นคนชักธงขึ้นลง ลูกเสือทุกคนในหมู่ทำท่าวันทยาหัตถ์   ร้องเพลงชาติ  และกล่าวคำปฏิญาณ   ให้นาย A  ดูเล่นๆ   ทุกๆวัน  

นายA  เลี้ยงดูลูกเสือเหล่านี้เป็นอย่างดีเหมือนสัตว์เลี้ยงหรือสุนัขสุดโปรด     เมื่อนายหมู่กินอาหาร แล้วก็ขับถ่ายส่งไปยังเพื่อนลูกเสือภายในหมู่แม้บางครั้งนายหมู่จะพยายามอั้นไม่ให้ถ่ายเอาไว้เพราะเป็นห่วงเพื่อนแต่ถึงอย่างไรเมื่อถึงจุดที่ทนไหวไหวก็ต้องปล่อยออกมาอยู่ดีทั้งอุจจาระและปัจสาวะจากนายหมู่ถูกส่งต่อให้ไปยังเพื่อนลูกเสือคนต่อๆไป    จนถึงคนสุดท้ายและเป็นแบบนี้ทุกวัน    โดยนาย A  ได้กำหนดสร้างห้องน้ำไว้สำหรับให้ลูกเสือหมู่นี้ใช้(โดยเฉพาะคนที่เป็นรองนายหมู่ที่ต้องมีหน้าที่ขับถ่ายออกมา )   และคนที่เป็นรองนายหมู่ยังต้องเป็นที่ระบายอารมณืทางเพศให้กับนาย A  อีก      ลูกเสือหมู่นี้บางครั้งก็เป็นสัตว์เลี้ยงหรือพาหนะสำหรับขี่เล่น แทนม้า   ของนายA   อีกด้วย    
จากนั้นไม่กี่เดือนหลังจากการผ่าตัด    นาย A  ได้คิดค้นยาตัวใหม่สำหรับใส่ลงไปในอาหาร หรือฉีดเข้าที่ร่างกาย   โดยยาตัวนี้มีคุณสมบัติที่ทำให้ลูกเสือหมู่นี้ไม่มีการเจริญเติบโต และกลายเป็นเด็กวัยรุ่นแบบที่ปัจจุบันเป็นอยู่ตลอดไปอย่างไม่มีวันแก่                   
นายA  :     กลายเป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ของชั้นแบบนี้ตลอดชีวิตอย่างเป็นนิจนิรันดร์  อย่างงี้เถิดนะ.......หึหึ    และนายA ก็อยู่ร่วมกับลูกเสือเหล่านี้อย่างมีความสุข(สุขเฉพาะนายA)  พร้อมกับหาลูกเสือมาสตาฟอยู่เรื่อยๆ ยิ่งมากยิ่งดี... จบ ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่