ขอขอบคุณเพจ ป.ปืน อย่างสูงครับ
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster
ปี 1943 War Office ได้ประกาศความต้องการอาวุธปืนเล็กยาวแบบใหม่และเสนอความต้องการไปยังผู้ผลิต ว่าต้องการส่งอาวุธประเภทใดเข้าร่วมโครงการ
Small Arms Ltd., (SAL) แห่ง Long Branch, Ontario มีอีกชื่อคือ Long Branch Small Arms Factory ตอบรับด้วยการเสนอ ปืนเล็กยาวน้ำหนักเบา /lightweight rifle, ปืนเล็กสั้นกล/ machine carbine, และ ปืนเล็กยาวบรรจุเอง/self-loading rifle (SLR). ซึ่งมีทีมพัฒนาชื่อ DND ควบคุมโดย Army Technical Development Board (ATDB).


เดิมนั้นผลิต No.4 MkI* Lee–Enfield ซึ่งถูกเรียกว่า Long Branch No4 Mk1*
แบบปืนเล็กยาวเบาส่งแบบ No.4 rifle ขนาด .303 Project No. 66 ‑ Lightened rifles
แบบปืนเล็กสั้นกล ขนาด 9x19 mm Parabellum พื้นฐานมากจาก Sten. Project No. 907 machine carbine
จุดเริ่มต้นของ ปืนเล็กยาวบรรจุเอง/self-loading rifle (SLR).นั้น DND ได้เฝ้าติดตามพัฒนาการปืนเล็กยาวบรรจุเองของฝั่งสหรัฐฯ นอกเหนือจาก M1 Garand มาตลอด รวมถึงโครงการของ Winchester คือ M1 Carbine ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งในปี1942 ซึ่งถูกส่งไปทดสอบกับกองทัพแคนาดาในชื่อ (ATDB Project 18 ซึ่งมี Lt.General McNaughton เป็นผู้รับผิดชอบการทดสอบ โดยส่งให้ 4th Canadian Armoured Division และ 4 Anti-tank Regiment, 4th Canadian Armoured Brigade ทดสอบ ผลการทดสอบนั้นปรากฏว่าปืนนั้นถึงจะกะทัดรัดกว่าปืนเล็กยาว Lee Enfield. แต่อำนาจการหยุดยั้งต่ำกว่าปืนกลมือแบบ Thompson ซึ่งทำให้ Lt.General McNaughton ปฏิเสธเข้าใช้งาน
ไม่มีการพัฒนาปืนบรรจุเองของแคนาดาจนกระทั้งปลายสงครามเนื่องจากถูกมองว่ามีประโยชน์เพียงเล็กน้อยในสนามรบเนื่องจากปืนกลมือมีจำนวนมาขึ้นเรื่อยๆ แต่เดือนเมษษยนปี 1944 เริ่มมีการกลับมาพัฒนาปืนเล็กยาวบรรจุเองเนื่องจากปลายปี1943 อังกฤษได้ประกาศข้อกำหนดความต้องการอาวุธปืนเล็กยาวบรรจุเอง หรือ SLR โดยต้องใช้ระบบบริหารกลไกด้วยแก๊ส (gas-operated) ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอน (rotating bolt) และใช้กระสุนไร้ขอบขนาด 7.92 mm งานออกแบบเริ่มในปลายปี 1943 และปืนทดสอบแบบแรก ถูกนำมาทดสอบในต้นปี1944 โดยใช้พื้นฐานจากปืนกลเบาแบบ Bren Gun. หลังการทดสอบอย่างหนักจนถึงต้นปี1945 ก็ประกาศยกเลิกแบบทดสอบเนื่องจากตัวระบบไม่เป็นน่าพอใจ และการออกแบบใหม่เริ่มต้นทันที และทดสอบช่วงกลางปี เป็นแบบ “SAL 7.92mm rifle” ซองกระสุนแบบถอดได้บรรจุ 20 นัด
ที่มีชุดขัดกลอนอยู่ด้านหน้าลูกลื่อน หรือ เรีบกว่า ขัดกลอนท้ายรังเพลิงแต่ซับซ้อนและเปราะบางเกินไป จึงมีการปรับปรุงอีกจนสามารถทดสอบได้ในช่วงปลายปี คือแบบ.” EX1,”



หลังทดสอบยิงไป 800 นัดก็พบว่าโอกาสขัดลำกล้องส่วนมากเกิดจากกระสุนขนาด 7.92 mm SLR ที่ผลิตโดยอังกฤษ
Director of Artillery ให้ความเห็นว่าควรมีการพัฒนาต่อโดยให้มีการลดน้ำหนักปืนลงซึ่งปืนมีน้ำหนัก 10-9 ปอนด์ และปรับปรุงให้สามารถถอด-ประกอบได้ง่ายขึ้น การพัฒนาเริ่มขึ้นจนถึงปี 1946 โดยเปลี่ยนมาใช้กระสุนแบบ US T65 .30 (ต่อมาคือ 7.62×51mm NATO) .ซึ่งเป็นต้นแบบของอเมริกันมาแทนซึ่งเปลี่ยนโดยฝ่ายอังกฤษ





แต่ Small Arms Ltd. ได้ยุติโครงการลง ATDB ได้ให้ Canadian Arsenals (CAL’) ดำเนินโครงการต่อเป็นแบบ “EX2” ซึ่งมีน้ำหนักเบาลงเหลือ 7 ปอนด์ และรวมถึงมีความพยายามปรับปรุงให้สามารถยิงแบบ selective fire (เซมิ/ออโต้)
แต่ท้ายที่สุดอังกฤษและประเทศในเครือจักรภพได้เลือกแบบของ FN FAL ขนาด 7.62×51mm NATO มาผลิตเป็น "Rifle, 7.62mm, L1A1" หรือ L1A1 SLR โดย Royal Small Arms Factory and Birmingham Small Arms Company factories (อังกฤษ),[1]
Lithgow Small Arms Factory (ออสเตรเลีย)
Canadian Arsenals, Ltd. (แคนาดา)
Ordnance Factory Board (อินเดีย)

โดยแคนาดาเรียกว่า C1A1 . (
https://www.facebook.com/Porpe.../posts/2241223059309167/... )
-ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใด มา ณ. ที่นี้ครับ
Cr.
https://milart.blog/.../small-arms-ltds-experimental.../
https://www.thefirearmblog.com/.../sal-slr-canadian-30.../
#SAL_SLR #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 1958 SAL SLR: The Canadian .30 Cal. Self-Loader
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster
ปี 1943 War Office ได้ประกาศความต้องการอาวุธปืนเล็กยาวแบบใหม่และเสนอความต้องการไปยังผู้ผลิต ว่าต้องการส่งอาวุธประเภทใดเข้าร่วมโครงการ
Small Arms Ltd., (SAL) แห่ง Long Branch, Ontario มีอีกชื่อคือ Long Branch Small Arms Factory ตอบรับด้วยการเสนอ ปืนเล็กยาวน้ำหนักเบา /lightweight rifle, ปืนเล็กสั้นกล/ machine carbine, และ ปืนเล็กยาวบรรจุเอง/self-loading rifle (SLR). ซึ่งมีทีมพัฒนาชื่อ DND ควบคุมโดย Army Technical Development Board (ATDB).
เดิมนั้นผลิต No.4 MkI* Lee–Enfield ซึ่งถูกเรียกว่า Long Branch No4 Mk1*
แบบปืนเล็กยาวเบาส่งแบบ No.4 rifle ขนาด .303 Project No. 66 ‑ Lightened rifles
แบบปืนเล็กสั้นกล ขนาด 9x19 mm Parabellum พื้นฐานมากจาก Sten. Project No. 907 machine carbine
จุดเริ่มต้นของ ปืนเล็กยาวบรรจุเอง/self-loading rifle (SLR).นั้น DND ได้เฝ้าติดตามพัฒนาการปืนเล็กยาวบรรจุเองของฝั่งสหรัฐฯ นอกเหนือจาก M1 Garand มาตลอด รวมถึงโครงการของ Winchester คือ M1 Carbine ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งในปี1942 ซึ่งถูกส่งไปทดสอบกับกองทัพแคนาดาในชื่อ (ATDB Project 18 ซึ่งมี Lt.General McNaughton เป็นผู้รับผิดชอบการทดสอบ โดยส่งให้ 4th Canadian Armoured Division และ 4 Anti-tank Regiment, 4th Canadian Armoured Brigade ทดสอบ ผลการทดสอบนั้นปรากฏว่าปืนนั้นถึงจะกะทัดรัดกว่าปืนเล็กยาว Lee Enfield. แต่อำนาจการหยุดยั้งต่ำกว่าปืนกลมือแบบ Thompson ซึ่งทำให้ Lt.General McNaughton ปฏิเสธเข้าใช้งาน
ไม่มีการพัฒนาปืนบรรจุเองของแคนาดาจนกระทั้งปลายสงครามเนื่องจากถูกมองว่ามีประโยชน์เพียงเล็กน้อยในสนามรบเนื่องจากปืนกลมือมีจำนวนมาขึ้นเรื่อยๆ แต่เดือนเมษษยนปี 1944 เริ่มมีการกลับมาพัฒนาปืนเล็กยาวบรรจุเองเนื่องจากปลายปี1943 อังกฤษได้ประกาศข้อกำหนดความต้องการอาวุธปืนเล็กยาวบรรจุเอง หรือ SLR โดยต้องใช้ระบบบริหารกลไกด้วยแก๊ส (gas-operated) ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอน (rotating bolt) และใช้กระสุนไร้ขอบขนาด 7.92 mm งานออกแบบเริ่มในปลายปี 1943 และปืนทดสอบแบบแรก ถูกนำมาทดสอบในต้นปี1944 โดยใช้พื้นฐานจากปืนกลเบาแบบ Bren Gun. หลังการทดสอบอย่างหนักจนถึงต้นปี1945 ก็ประกาศยกเลิกแบบทดสอบเนื่องจากตัวระบบไม่เป็นน่าพอใจ และการออกแบบใหม่เริ่มต้นทันที และทดสอบช่วงกลางปี เป็นแบบ “SAL 7.92mm rifle” ซองกระสุนแบบถอดได้บรรจุ 20 นัด
ที่มีชุดขัดกลอนอยู่ด้านหน้าลูกลื่อน หรือ เรีบกว่า ขัดกลอนท้ายรังเพลิงแต่ซับซ้อนและเปราะบางเกินไป จึงมีการปรับปรุงอีกจนสามารถทดสอบได้ในช่วงปลายปี คือแบบ.” EX1,”
หลังทดสอบยิงไป 800 นัดก็พบว่าโอกาสขัดลำกล้องส่วนมากเกิดจากกระสุนขนาด 7.92 mm SLR ที่ผลิตโดยอังกฤษ
Director of Artillery ให้ความเห็นว่าควรมีการพัฒนาต่อโดยให้มีการลดน้ำหนักปืนลงซึ่งปืนมีน้ำหนัก 10-9 ปอนด์ และปรับปรุงให้สามารถถอด-ประกอบได้ง่ายขึ้น การพัฒนาเริ่มขึ้นจนถึงปี 1946 โดยเปลี่ยนมาใช้กระสุนแบบ US T65 .30 (ต่อมาคือ 7.62×51mm NATO) .ซึ่งเป็นต้นแบบของอเมริกันมาแทนซึ่งเปลี่ยนโดยฝ่ายอังกฤษ
แต่ Small Arms Ltd. ได้ยุติโครงการลง ATDB ได้ให้ Canadian Arsenals (CAL’) ดำเนินโครงการต่อเป็นแบบ “EX2” ซึ่งมีน้ำหนักเบาลงเหลือ 7 ปอนด์ และรวมถึงมีความพยายามปรับปรุงให้สามารถยิงแบบ selective fire (เซมิ/ออโต้)
แต่ท้ายที่สุดอังกฤษและประเทศในเครือจักรภพได้เลือกแบบของ FN FAL ขนาด 7.62×51mm NATO มาผลิตเป็น "Rifle, 7.62mm, L1A1" หรือ L1A1 SLR โดย Royal Small Arms Factory and Birmingham Small Arms Company factories (อังกฤษ),[1]
Lithgow Small Arms Factory (ออสเตรเลีย)
Canadian Arsenals, Ltd. (แคนาดา)
Ordnance Factory Board (อินเดีย)
โดยแคนาดาเรียกว่า C1A1 . ( https://www.facebook.com/Porpe.../posts/2241223059309167/... )
-ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใด มา ณ. ที่นี้ครับ
Cr.
https://milart.blog/.../small-arms-ltds-experimental.../
https://www.thefirearmblog.com/.../sal-slr-canadian-30.../
#SAL_SLR #ป_ปืน