สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาเจอกันอีกแล้วนะคะ วันนี้เราอยากจะมาแชร์เคล็ดลับในการดูแลตัวเอง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่วัย 35 กันค่ะ แค่พูดถึงเรื่องอายุก็เป็นท้อแล้วใช่ไหมคะ ตอนแรกก็ว่าเข้าวัย 30 ก็ต้องดูแลตัวเองหนักแล้ว ยิ่งจะย่างเข้าสู่วัย 35 ต้องใส่ใจกันมากกว่าเดิมอีกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์เอย อาหารการกินเอย การออกกำลังกายเอย แล้วยิ่งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของบ้านเราตอนนี้ทั้งฝุ่น ทั้งโรคต่างๆ สภาพแวดล้อมรอบตัวมีแต่เรื่องที่เร่งให้แก่เร็วไปอีก ยิ่งปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ได้เลยค่ะ วันนี้เลยจะมาเขียนเรีวิวเคล็ดลับการดูแลตัวเองแบบฉบับของเรา ให้เพื่อนๆกันค่ะ แล้วก็มาเตรียมความพร้อมย่างเข้าสู่วัย 35 ไปพร้อมๆกันเลยค่า
เรามาเริ่มกันที่การดูแลผิวพรรณล่ะกันนะคะ ตอนช่วงอายุ 30 เราก็จะเน้นไปทางสกินแคร์ที่ช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น ใช่ไหมคะ แต่ถ้าจะเข้าสู่ช่วงวัย 35 เนี่ย เราต้องเลือกสกินแคร์ที่ช่วยในเรื่องของริ้วรอยเข้ามาช่วยด้วยค่ะ อายุจะเพิ่มขึ้นก็ปล่อยให้เป็นแค่ตัวเลขไปเถอะนะคะ แต่เราจะมาปล่อยให้ริ้วรอยตามวัยขึ้นตามอายุไม่ได้ เราต้องทำให้ตัวเองดูเด็กกว่าวัยดีกว่าใช่ไหมล่ะค่ะ มาดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1.
Cleansing balm ของ banila co สูตร purifying ตัวนี้เป็นคลีนซิ่งเนื้อบาล์ม ที่ใช้ทำความสะอาดเมคอัพต่างๆ ตัวนี้ค่อนข้างอ่อนโยน และมีตัวบำรุงอยู่ในตัวเนื้อบาล์มด้วย ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และลดการระคายเคืองได้ดี ยิ่งช่วงฝุ่น PM 2.5 แบบนี้ตอบโจทย์มากๆเลยค่ะ
ซึ่งก่อนหน้านี้เราใช้เป็น Cleansing water ที่ใช้คู่กับสำลี การที่เราใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดทุกวันการเสียดสีของสำลีและใบหน้าก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยได้ แล้วยิ่งช่วงที่เราจะย่างเข้า 35+ แล้วล่ะก็ริ้วรอยเกิดขึ้นง่ายแน่นอนเราเลยเปลี่ยนมาใช้เป็นตัวเนื้อบาล์มแทน เพื่อลดการเกิดริ้วรอยได้ง่ายให้กับตัวเองค่ะ
2.
No.7 Lift & Luminate Triple Action Serum เป็นเซรั่มที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยกระชับรูขุมขนให้เนียนขึ้น และชลอความอ่อนเยาว์ให้กับผิว เนื้อครีมเข้มข้น บางเบา ซึมเข้าผิวเร็ว หลังทาผิวหน้าจะรู้สึกนุ่มลื่นมากๆ
3.
L’oreal Paris Revitlift 1.5% Hyaluron Serum เซรั่มช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มเด้ง อ่อนเยาว์ พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่ม เป็นเนื้อเจลใส บางเบา ซึมง่าย สบายผิว และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลย
4.
Laneige Water Sleeping Mask EX เป็นสลีปปิ้งมาสก์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวของเราขณะที่เราหลับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเรา และกระจ่างใสขึ้นด้วย เนื้อมาส์กเข้มข้น ไม่เหนียว ซึมเร็วมาก ก็คือกลางคืนทาตัวนี้ตัวเดียวก็เอาอยู่เลย
ส่วนต่อไปเรามาพูดกันถึงเรื่องอาหารกันบ้างค่ะ ขอย้อนกลับไปช่วงอายุ 30 อาหารการกินก็ตามใจปากตัวเองมากๆ พูดได้ว่าอยากกินอะไรก็กิน เป็นช่วงที่แฮปปี้กับการกินมากๆค่ะ แต่มาสะดุดเรื่องการกินก็ตอนที่ออกไปกินข้าวกับพี่ที่ออฟฟิศนี่แหละค่ะ เวลาจะสั่งอะไรกินกันสักครั้ง พี่ๆก็จะแบบว่าอันนั้นฉันกินไม่ได้นะแก เพราะมันทำให้ฉันเป็นแบบนี้ อันนี้กินไม่ได้นะแกมันจะทำให้แกเป็นแบบนี้เวลาแกแก่ตัวขึ้นมา ตอนแรกก็สงสัยนะว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ แต่พอเวลาที่เราใกล้จะเข้าช่วงอายุที่พี่เขาผ่านมาแล้วก็เอ๊ะ! มันเหมือนที่พี่เขาเตือนเราตอนนั้นเลยนี่หน่า ก็เลยทำให้เราเริ่มมาปรับเรื่องอาหารของตัวเองใหม่ ซึ่งตอนนี้เราเริ่มที่จะปรับลดกินอาหารพวกของทอดให้น้อยลง ลดน้ำหวานต่างๆลง เราไม่แนะนำให้หักดิบนะคะ มันจะทรมานเกินไปค่ะ แนะนำให้ค่อยๆปรับลดลงที่ละนิดดีกว่าค่ะ แล้วก็เปลี่ยนมาทานในส่วนของที่เป็นประเภทต้ม นึ่ง สลัด ผลไม้ นมและน้ำเปล่าให้มากๆแทนค่ะ ส่วนตัวเราแล้วมีกินตัวน้ำมันปลาร่วมด้วยค่ะ
ด้วยช่วงวัยของเราเราควรดื่มน้ำให้มากๆค่ะ เพราะยิ่งอายุมากขึ้นผิวพรรณของเราก็จะเริ่มเหี่ยวและขาดความชุ่มชื้นไปค่ะ เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำให้มากๆถึงจำเป็นสำหรับคนวัยเรา เป็นอย่างมากค่ะ ต้องดื่มน้ำเป็นประจำ วันละไม่ต่ำกว่า 8-10 แก้ว น้ำจะช่วยชะลออาการเหี่ยวก่อนวัย แล้วให้ผิวของเราดูดี ขึ้นด้วยค่ะ
นมวัวก็สำคัญเหมือนกันนะคะ เพราะถ้าเรากินแคลเซียมไม่เพียงพออาจส่งผลให้เราเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรกินอาหารที่มีแคลเซียมให้มากๆ ซึ่งในนมมีแคลเซียมสูง โดยควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยหรือไขมันต่ำ ซึ่งนมพร่องมันเนย 250 มิลลิลิตร มีปริมาณแคลเซียมมากถึง 300 มิลลิกรัมเลยทีเดียวค่ะ
ผักและผลไม้ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ เพราะในผักมีแคลอรี่ต่ำมากค่ะ ทำให้กินเข้าไปแล้วไม่อ้วน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก และไฟเบอร์ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอความชรา กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วยค่ะ
ส่วนผลไม้ควรเลือกทานผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก เพราะมีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่น พร้อมทั้งยังบำรุงสายตา ให้ห่างจากการเป็นต้อกระจกอีกด้วยค่ะ
อาหารก็เลือกทานเป็นประเภทต้ม นึ่ง หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด ถ้าเป็นน้ำพริกผักต้มได้ยิ่งมีประโยชน์เลยค่ะ เพราะในน้ำพริกจะมีพวกสมุนไพรต่างๆช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดระดับไขมันในเลือดด้วยค่ะ
ส่วนตัวเราแล้วหลังมื้ออาหารเราจะกินตัวน้ำมันปลาตามด้วย ตัวที่เรากินประจำจะเป็น Odorless Fish Oil ของวิสทร้า ตัวนี้ไม่มีกลิ่นคาวเลย เหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มกินน้ำมันปลา มีกลิ่นเปปเปอร์มินต์ช่วยให้กินง่ายมากยิ่งขึ้น จริงๆแล้ววิสทร้าเขามีสูตร Salmon Fish Oil ด้วยนะ เป็นตัวที่มีมานานแล้ว ถือว่าเป็นน้ำมันปลาตัวท็อปเลยก็ว่าได้ น้ำมันปลาตัวนี้จะมี EPA และ DHA ในสัดส่วน 180:120 ซึ่งเหมาะมากสำหรับเรา เพราะเราทำงานเกี่ยวกับตัวเลขด้วย ใช้สายตาเยอะ ใช้สมองสุดๆ น้ำมันปลาช่วย บำรุงสมอง ลดอาการตาล้า ตาแห้ง ชะลอวัย ลดการอักเสบโดยรวมในร่างกาย และยังบำรุงหัวใจ ลดความเสี่ยงไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงเซลล์ปอดอักเสบจากผลของฝุ่น PM 2.5 ได้ด้วย มีวิตามิน E ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านด้วยนะ ตัวนี้มีตราฮาลาลรับรอง ใครที่จะเริ่มกินน้ำมันปลา เราแนะนำให้ลองกิน Odorless ของวิสทร้าเลยจ้า ( จริงๆน้ำมันปลาทานได้ทุกคนในครอบครัวเลยนะ )
เราเอาเข้าร่างกายแล้วก็ต้องเอาออกด้วยนะ เพราะบางอย่างก็ไม่จำเป็นต่อร่างกายเอาออกบ้างก็เป็นผลดีต่อร่างกายค่ะ การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองค่ะ ส่วนตัวเราแล้วจะชอบออกกำลังกายไปแนว คาดิโอ กับบอดี้เวท ซะส่วนใหญ่ค่ะ การออกกำลังกายแนวนี้เป็นการออกกำลังกายภายใน 30 นาที โดยมี 8 ถึง 10 ท่าออกกำลังกายโดยใช้แรงต้านอย่างช้าๆ เริ่มตั้งแต่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆของร่างกาย และไปจบด้วยกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อหลายๆมัดที่ทำงานร่วมกัน เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหน้าท้องชั้นใน กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านข้าง กล้ามเนื้อที่ยึดกระดูกสันหลัง โดยไม่มีการหยุดพักนาน 30 นาที ปกติเราจะออกกำลังกายวันละ 30 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ช่วงอายุ 35+ ต้องใส่ใจเลือกออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อดูแลกระดูก กล้ามเนื้อและข้อต่อไปด้วยกัน เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำงานผสานกันเพื่อการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว ก็จะส่งผลดีต่อความแอ็คทีฟของร่างกายโดยรวมค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ วิธีการดูแลตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงวัย 35 เยอะน่าดูเลยใช่ไหมคะ เป็นธรรมดานะคะที่อายุเพิ่มขึ้นการใส่ใจในการดูแลตัวเองก็ต้องมากขึ้นตาม เพื่อให้ชีวิตของเราบลาลานซ์ ใช้ชีวิตได้สมวัย ไม่แก่เร็ว และสุขภาพไม่แย่ลงไปเร็วกว่าเดิมค่ะ หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกันนะคะ หากเพื่อนๆมีวิธีดูแลตัวเองแนะนำเพิ่มเติมก็เข้ามาบอกกันเยอะๆนะคะ เผื่อเราจะเอาไปใช้บ้าง สำหรับวันนี้เราขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
[CR] เอาตัวรอดยังไงในยุคนี้ที่ต้องเสี่ยงโรค และไม่อยากแก่เร็ว เมื่ออายุล่วงเลยมาจะ 35 ปีแล้ว
ซึ่งก่อนหน้านี้เราใช้เป็น Cleansing water ที่ใช้คู่กับสำลี การที่เราใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดทุกวันการเสียดสีของสำลีและใบหน้าก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยได้ แล้วยิ่งช่วงที่เราจะย่างเข้า 35+ แล้วล่ะก็ริ้วรอยเกิดขึ้นง่ายแน่นอนเราเลยเปลี่ยนมาใช้เป็นตัวเนื้อบาล์มแทน เพื่อลดการเกิดริ้วรอยได้ง่ายให้กับตัวเองค่ะ
2. No.7 Lift & Luminate Triple Action Serum เป็นเซรั่มที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยกระชับรูขุมขนให้เนียนขึ้น และชลอความอ่อนเยาว์ให้กับผิว เนื้อครีมเข้มข้น บางเบา ซึมเข้าผิวเร็ว หลังทาผิวหน้าจะรู้สึกนุ่มลื่นมากๆ
3. L’oreal Paris Revitlift 1.5% Hyaluron Serum เซรั่มช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มเด้ง อ่อนเยาว์ พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่ม เป็นเนื้อเจลใส บางเบา ซึมง่าย สบายผิว และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลย
4. Laneige Water Sleeping Mask EX เป็นสลีปปิ้งมาสก์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวของเราขณะที่เราหลับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเรา และกระจ่างใสขึ้นด้วย เนื้อมาส์กเข้มข้น ไม่เหนียว ซึมเร็วมาก ก็คือกลางคืนทาตัวนี้ตัวเดียวก็เอาอยู่เลย
ส่วนต่อไปเรามาพูดกันถึงเรื่องอาหารกันบ้างค่ะ ขอย้อนกลับไปช่วงอายุ 30 อาหารการกินก็ตามใจปากตัวเองมากๆ พูดได้ว่าอยากกินอะไรก็กิน เป็นช่วงที่แฮปปี้กับการกินมากๆค่ะ แต่มาสะดุดเรื่องการกินก็ตอนที่ออกไปกินข้าวกับพี่ที่ออฟฟิศนี่แหละค่ะ เวลาจะสั่งอะไรกินกันสักครั้ง พี่ๆก็จะแบบว่าอันนั้นฉันกินไม่ได้นะแก เพราะมันทำให้ฉันเป็นแบบนี้ อันนี้กินไม่ได้นะแกมันจะทำให้แกเป็นแบบนี้เวลาแกแก่ตัวขึ้นมา ตอนแรกก็สงสัยนะว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ แต่พอเวลาที่เราใกล้จะเข้าช่วงอายุที่พี่เขาผ่านมาแล้วก็เอ๊ะ! มันเหมือนที่พี่เขาเตือนเราตอนนั้นเลยนี่หน่า ก็เลยทำให้เราเริ่มมาปรับเรื่องอาหารของตัวเองใหม่ ซึ่งตอนนี้เราเริ่มที่จะปรับลดกินอาหารพวกของทอดให้น้อยลง ลดน้ำหวานต่างๆลง เราไม่แนะนำให้หักดิบนะคะ มันจะทรมานเกินไปค่ะ แนะนำให้ค่อยๆปรับลดลงที่ละนิดดีกว่าค่ะ แล้วก็เปลี่ยนมาทานในส่วนของที่เป็นประเภทต้ม นึ่ง สลัด ผลไม้ นมและน้ำเปล่าให้มากๆแทนค่ะ ส่วนตัวเราแล้วมีกินตัวน้ำมันปลาร่วมด้วยค่ะ
นมวัวก็สำคัญเหมือนกันนะคะ เพราะถ้าเรากินแคลเซียมไม่เพียงพออาจส่งผลให้เราเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรกินอาหารที่มีแคลเซียมให้มากๆ ซึ่งในนมมีแคลเซียมสูง โดยควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยหรือไขมันต่ำ ซึ่งนมพร่องมันเนย 250 มิลลิลิตร มีปริมาณแคลเซียมมากถึง 300 มิลลิกรัมเลยทีเดียวค่ะ
ผักและผลไม้ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ เพราะในผักมีแคลอรี่ต่ำมากค่ะ ทำให้กินเข้าไปแล้วไม่อ้วน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก และไฟเบอร์ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอความชรา กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วยค่ะ
ส่วนผลไม้ควรเลือกทานผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก เพราะมีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่น พร้อมทั้งยังบำรุงสายตา ให้ห่างจากการเป็นต้อกระจกอีกด้วยค่ะ
อาหารก็เลือกทานเป็นประเภทต้ม นึ่ง หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด ถ้าเป็นน้ำพริกผักต้มได้ยิ่งมีประโยชน์เลยค่ะ เพราะในน้ำพริกจะมีพวกสมุนไพรต่างๆช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดระดับไขมันในเลือดด้วยค่ะ
ส่วนตัวเราแล้วหลังมื้ออาหารเราจะกินตัวน้ำมันปลาตามด้วย ตัวที่เรากินประจำจะเป็น Odorless Fish Oil ของวิสทร้า ตัวนี้ไม่มีกลิ่นคาวเลย เหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มกินน้ำมันปลา มีกลิ่นเปปเปอร์มินต์ช่วยให้กินง่ายมากยิ่งขึ้น จริงๆแล้ววิสทร้าเขามีสูตร Salmon Fish Oil ด้วยนะ เป็นตัวที่มีมานานแล้ว ถือว่าเป็นน้ำมันปลาตัวท็อปเลยก็ว่าได้ น้ำมันปลาตัวนี้จะมี EPA และ DHA ในสัดส่วน 180:120 ซึ่งเหมาะมากสำหรับเรา เพราะเราทำงานเกี่ยวกับตัวเลขด้วย ใช้สายตาเยอะ ใช้สมองสุดๆ น้ำมันปลาช่วย บำรุงสมอง ลดอาการตาล้า ตาแห้ง ชะลอวัย ลดการอักเสบโดยรวมในร่างกาย และยังบำรุงหัวใจ ลดความเสี่ยงไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงเซลล์ปอดอักเสบจากผลของฝุ่น PM 2.5 ได้ด้วย มีวิตามิน E ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านด้วยนะ ตัวนี้มีตราฮาลาลรับรอง ใครที่จะเริ่มกินน้ำมันปลา เราแนะนำให้ลองกิน Odorless ของวิสทร้าเลยจ้า ( จริงๆน้ำมันปลาทานได้ทุกคนในครอบครัวเลยนะ )
เราเอาเข้าร่างกายแล้วก็ต้องเอาออกด้วยนะ เพราะบางอย่างก็ไม่จำเป็นต่อร่างกายเอาออกบ้างก็เป็นผลดีต่อร่างกายค่ะ การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองค่ะ ส่วนตัวเราแล้วจะชอบออกกำลังกายไปแนว คาดิโอ กับบอดี้เวท ซะส่วนใหญ่ค่ะ การออกกำลังกายแนวนี้เป็นการออกกำลังกายภายใน 30 นาที โดยมี 8 ถึง 10 ท่าออกกำลังกายโดยใช้แรงต้านอย่างช้าๆ เริ่มตั้งแต่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆของร่างกาย และไปจบด้วยกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อหลายๆมัดที่ทำงานร่วมกัน เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหน้าท้องชั้นใน กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านข้าง กล้ามเนื้อที่ยึดกระดูกสันหลัง โดยไม่มีการหยุดพักนาน 30 นาที ปกติเราจะออกกำลังกายวันละ 30 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ช่วงอายุ 35+ ต้องใส่ใจเลือกออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อดูแลกระดูก กล้ามเนื้อและข้อต่อไปด้วยกัน เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำงานผสานกันเพื่อการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว ก็จะส่งผลดีต่อความแอ็คทีฟของร่างกายโดยรวมค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้