ขอขอบคุณเพจ ป.ปืน อย่างสูงครับ
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster
ตระกูล Kalthoff เป็นตระกูลลช่างทำปืนในยุคศตวรรษที่ 17 โดย Herman Kolthoff (1540-1610), คือสมาชิกในตระกูลคนแรกซึ่งเป็นช่างปืน ซึ่งอยู่ในเมือง Kultenhof หรือ Solingen ในเขต Westphalia ภูมิภาคหนึ่งของเยอรมนี ในยุคนั้น เป็นพื้นที่ของ ดัชชีชเลสวิช (Duchy of Schleswig) หรือ ดัชชีจัตแลนด์ใต้ ซึ่งเป็นรัฐที่ปกครองโดยขุนนาง Herman Kolthoff ร่ำรวยจากการเป็นเจ้าของโรงงานเหล็กและช่างผลิตปืน ลูกๆของเขาเป็นช่างผลิตปืนให้แก่เชื้อพระวงศ์ต่างๆในยุโรปเช่น Peter Kalthoff ผลิตปืนให้แก่ Fredrick III แห่งเดนมาร์ก ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าคลังสรรพาวุธ( Head of Armory) , Matthias Kalthoff ตั้งโรงงานผลิตปืนในเดนมาร์ก, Caspar Kalthoff the Elder,ผลิตปืนให้แก่ Charles I แห่งอังกฤษ , Henric Kalthoff ผู้ก่อตั้งโรงเหล็กในนอร์เวย์และสวีเดน ในชั้นลูกหลานบางคนยังเป็นช่างทำปืนเช่น Caspar Kalthoff the Younger บุตรชายของ Caspar Kalthoff the Elder เป็นช่างทำปืนให้กับทั้ง Charles II แห่งอังกฤษและ Tsar Alexis I แห่งรัสเซีย สมาชิกของครอบครัวได้ย้ายไปยังพื้นที่อื่นๆ ของยุโรป คือ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และรัสเซีย
ผลงานของตระกูล Kolthoff ที่มีชื่อเสียงคือปืนเล็กยาวบรรจุซ้ำแบบ Kalthoff Repeater ในช่วงปี 1630 ซึ่งเป็นการออกแบบและผลิตในช่วงรอยต่อระหว่างยุคของระบบล้อหมุน(wheellocks)และคาบศิลา(flintlocks) หลักการออกแบบระบบคือใช้ระบบคานเหวี่ยงในการบริหารกลไกและมีซองกระสุนและช่องเก็บดินปืน ซึ่งเป็นระบบบรรจุท้ายรังเพลิง (Breech loading )
การบรรจุจะต้องยกปากลำกล้องปืนขึ้นเหมือนการบรรจุปากลำกล้องในปืนบรรจุปาก เมื่อโยกคานที่โก่งไกไปด้านหน้าจนสุดถ้วยจะเทดินปืนลงไปผ่านช่องรังเพลิงลงไปในรังเพลิงส่วงหลัง เมื่อโยกกลับมาในตำแหน่งกึ่งกลางรังเพลิงรับลูกกระสุนจากในซองกระสุนเมื่อโยกกลับจนสุด กระสุนจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับแนวลำกล้อง เทดินปืนลงในจานล่อไฟ ก็เป็นอันว่าปืนพร้อมยิง เรียกว่าระบบรังเพลิงหมุน(rotating breech)
ซองกระสุนสามารถบรรจุกระสุนและดินปืนสำหรับบรรจุพร้อมยิงได้ 5 ถึง 30 นัดขึ้นอยู่กับรุ่นที่ผลิต ซึ่งขนาดปากลำกล้องมีตั้งแต่0.4 ถึง 0.8 นิ้ว ซองหัวกระสุนปืนจะอยู่ส่วนหน้าและซองผงดินปืนจะอยู่ส่วนหลัง
ในปี 1648 หลัง Frederik III ได้ขึ้นครองราชย์ได้นำปืนแบบ Kalthoff repeaters บรรจุใช้งานในหน่วย Scanian Guard ใช้งานกว่าร้อยกระบอกเนื่องจากปืนที่หลงเหลืออยู่มรเลขปืน 108 และ 110 ซึ่งคาดว่าถูกใช้งานในการปิดล้อมโคเปนเฮเกน(Siege of Copenhagen) (ปี 1658–59) ) และสงครามสแกนเนียน (Scanian War.) ในช่วงการปิดล้อมโคเปนเฮเกน กององค์รักษ์ของ Charles X ได้ใช้งานปืนแบบ Kalthoff repeaters. จึงถือว่า Kalthoff repeaters. เป็นปืนบรรจุซ้ำเร็วแบบแรกที่ถูกใช้งานทางทหาร(the first repeating firearm to be brought into military service)
สิทธิบัตรของปืนบรรจุซ้ำแบบแรก เป็นของ Guillaume Kalthoff ออกโดย Louis XIII แห่งฝรั่งเศส ในปี1640 แบบของ Guillaume Kalthoff นั้นสามารถยิงได้ 8 ถึง 10 นัดภายในการบรรจุครั้งเดียว อัตราการยิงของปืนอยู่ที่ 30 ถึง 60 นัดต่อนาที แต่ตัวปืนมีน้ำหนักมากกว่าปืนมาตรฐานในยุคเดียวกัน
ต่อมา Peter Kalthoff ก็ได้จดสิทธิบตรดัตช์ ในปี 1641 แบบของ Peter Kalthoff สามารถยิงซ้ำได้ 29 นัดในการบรรจุครั้งเดียวแต่ไม่มีข้อมูลว่าแบบของเขานั้นออกแบบได้สมบูณร์เสร็จสิ้นหรือไม่ ซึ่งต่อมาทางการดัตช์ก็ออกสอทธิบัตรให้แก่นักออกแบบอีกคนคือ Hendrick Bartmans ซึ่งออกแบบระบบบรรจุซ้ำด้วยการหมุนโกร่งไกปืนซองกระสุนแยพหัวกระสุนและผงดินปืนซึ่งยิงได้ 30นัดในการบรรจุครั้งเดียว ซึ่งในปี1642 Peter Kalthoff ก็ได้ออกแบบปืนในระบบล้อหมุนแบบบรรจุด้วยซองกระสุน “wheellock magazine rifle.” โดยมีการประทับคำว่า "Das Erste" บนโครงปืน ในปี1646 เขาก็ได้ออกแบบปืนแบบเดียวกันมีความจุ 30 นัด และมีการอกแบบระบบ คาบศิลายิงซ้ำเร็ว(repeating flintlock) ให้แก่เจ้าชาย Frederik แห่งเดนมาร์ก ปืนถูกสร้างใน Flensburg ซึ่งกลายเป็นปืนระบบคาบศิลาแบบแรกที่ผลิตในเยอรมนี
แบบของ Peter Kalthoff จะมีโกร่งไกและไกปืนที่โค้งมน แต่แบบของ Matthias Kalthoff จะมีโกร่งไกและไกปืนที่เรียบตรง
Caspar Kalthoff ซึ่งอยู่ใน London และผลิตปืนยิงซ้ำในช่วงปี 1654-1665 ซึ่งปืนก็ใช้ระบบรังเพลิงหมุน(rotating breech) ซึ่งปืนถูกซ่อมแซมโดย Ezekiel Baker ในปี 1818. และ ในปี1658 Caspar Kalthoff ได้ออกแบบระบบรังเพลิงแบบเลื่อนหรือ sliding box-breech ซึ่งมีความจุอยู่ที่ 7 นัด ซึ่งระบบนี้ก็มีช่างปืนใน London ออกแบบเหมือนกันคือ Harman Barnes ซึ่งจะมีการแบ่งช่องออกเป็น3ช่อง ช่องซ้ายสุดจะรับกระสุนมาเพื่อบรรจุเข้าสู่รังเพลิงโดยมีตัวกระทุ้งช่องกลางจะเลื่อนไปรับดินปืน โดยดินปืนส่วนเกินจะถูกปัดเข้าไปในช่องขวาสุดรอการบรรจุใหม่ ซึ่งระบบนี้ยังมีคนออกแบบอีกคือ Jan Flock แห่ง Utrecht, ลูกชายของ Caspar Kalthoff ยังได้เข้าไปผลิตปืน รัสเซียช่วง 1664-1666
Hans Boringholm, ลูกศิษของ Mathias Kalthoff ได้สร้างปืนบรรจุซ้ำเร็วสำหรับล่าสัตว์ ช่วงปี1670-71 และ Anders Mortensen ลูกศิษย์ของ Hans Boringholm, ก็ได้ออกแบบปืนบบรรรจุซ้ำเร็วเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดก็เรียกว่า Kalthoff gun และราวๆปี1710 Charles Cousin ได้สร้างปืนแบบ Kalthoff gun ขึ้นในฝรั่งเศส มีความจุ 15 นัด Kalthoff repeater ถูกลดบทบาทลงในช่วง1696 แต่ก็ยังมีคงคลังอาวุธจนถึงปี 1775
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆมา ณ.ที่นี้ ครับ
Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Kalthoff_repeater
http://firearmshistory.blogspot.com/.../the-kalthoff...
https://www.muzzleloadingforum.com/.../been-reading.../
Cr.
#kalthoff_repeater #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 1948 Kalthoff Repeater ปืนคาบศิลาลูกดก
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster
ตระกูล Kalthoff เป็นตระกูลลช่างทำปืนในยุคศตวรรษที่ 17 โดย Herman Kolthoff (1540-1610), คือสมาชิกในตระกูลคนแรกซึ่งเป็นช่างปืน ซึ่งอยู่ในเมือง Kultenhof หรือ Solingen ในเขต Westphalia ภูมิภาคหนึ่งของเยอรมนี ในยุคนั้น เป็นพื้นที่ของ ดัชชีชเลสวิช (Duchy of Schleswig) หรือ ดัชชีจัตแลนด์ใต้ ซึ่งเป็นรัฐที่ปกครองโดยขุนนาง Herman Kolthoff ร่ำรวยจากการเป็นเจ้าของโรงงานเหล็กและช่างผลิตปืน ลูกๆของเขาเป็นช่างผลิตปืนให้แก่เชื้อพระวงศ์ต่างๆในยุโรปเช่น Peter Kalthoff ผลิตปืนให้แก่ Fredrick III แห่งเดนมาร์ก ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าคลังสรรพาวุธ( Head of Armory) , Matthias Kalthoff ตั้งโรงงานผลิตปืนในเดนมาร์ก, Caspar Kalthoff the Elder,ผลิตปืนให้แก่ Charles I แห่งอังกฤษ , Henric Kalthoff ผู้ก่อตั้งโรงเหล็กในนอร์เวย์และสวีเดน ในชั้นลูกหลานบางคนยังเป็นช่างทำปืนเช่น Caspar Kalthoff the Younger บุตรชายของ Caspar Kalthoff the Elder เป็นช่างทำปืนให้กับทั้ง Charles II แห่งอังกฤษและ Tsar Alexis I แห่งรัสเซีย สมาชิกของครอบครัวได้ย้ายไปยังพื้นที่อื่นๆ ของยุโรป คือ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และรัสเซีย
ผลงานของตระกูล Kolthoff ที่มีชื่อเสียงคือปืนเล็กยาวบรรจุซ้ำแบบ Kalthoff Repeater ในช่วงปี 1630 ซึ่งเป็นการออกแบบและผลิตในช่วงรอยต่อระหว่างยุคของระบบล้อหมุน(wheellocks)และคาบศิลา(flintlocks) หลักการออกแบบระบบคือใช้ระบบคานเหวี่ยงในการบริหารกลไกและมีซองกระสุนและช่องเก็บดินปืน ซึ่งเป็นระบบบรรจุท้ายรังเพลิง (Breech loading )
การบรรจุจะต้องยกปากลำกล้องปืนขึ้นเหมือนการบรรจุปากลำกล้องในปืนบรรจุปาก เมื่อโยกคานที่โก่งไกไปด้านหน้าจนสุดถ้วยจะเทดินปืนลงไปผ่านช่องรังเพลิงลงไปในรังเพลิงส่วงหลัง เมื่อโยกกลับมาในตำแหน่งกึ่งกลางรังเพลิงรับลูกกระสุนจากในซองกระสุนเมื่อโยกกลับจนสุด กระสุนจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับแนวลำกล้อง เทดินปืนลงในจานล่อไฟ ก็เป็นอันว่าปืนพร้อมยิง เรียกว่าระบบรังเพลิงหมุน(rotating breech)
ซองกระสุนสามารถบรรจุกระสุนและดินปืนสำหรับบรรจุพร้อมยิงได้ 5 ถึง 30 นัดขึ้นอยู่กับรุ่นที่ผลิต ซึ่งขนาดปากลำกล้องมีตั้งแต่0.4 ถึง 0.8 นิ้ว ซองหัวกระสุนปืนจะอยู่ส่วนหน้าและซองผงดินปืนจะอยู่ส่วนหลัง
ในปี 1648 หลัง Frederik III ได้ขึ้นครองราชย์ได้นำปืนแบบ Kalthoff repeaters บรรจุใช้งานในหน่วย Scanian Guard ใช้งานกว่าร้อยกระบอกเนื่องจากปืนที่หลงเหลืออยู่มรเลขปืน 108 และ 110 ซึ่งคาดว่าถูกใช้งานในการปิดล้อมโคเปนเฮเกน(Siege of Copenhagen) (ปี 1658–59) ) และสงครามสแกนเนียน (Scanian War.) ในช่วงการปิดล้อมโคเปนเฮเกน กององค์รักษ์ของ Charles X ได้ใช้งานปืนแบบ Kalthoff repeaters. จึงถือว่า Kalthoff repeaters. เป็นปืนบรรจุซ้ำเร็วแบบแรกที่ถูกใช้งานทางทหาร(the first repeating firearm to be brought into military service)
สิทธิบัตรของปืนบรรจุซ้ำแบบแรก เป็นของ Guillaume Kalthoff ออกโดย Louis XIII แห่งฝรั่งเศส ในปี1640 แบบของ Guillaume Kalthoff นั้นสามารถยิงได้ 8 ถึง 10 นัดภายในการบรรจุครั้งเดียว อัตราการยิงของปืนอยู่ที่ 30 ถึง 60 นัดต่อนาที แต่ตัวปืนมีน้ำหนักมากกว่าปืนมาตรฐานในยุคเดียวกัน
ต่อมา Peter Kalthoff ก็ได้จดสิทธิบตรดัตช์ ในปี 1641 แบบของ Peter Kalthoff สามารถยิงซ้ำได้ 29 นัดในการบรรจุครั้งเดียวแต่ไม่มีข้อมูลว่าแบบของเขานั้นออกแบบได้สมบูณร์เสร็จสิ้นหรือไม่ ซึ่งต่อมาทางการดัตช์ก็ออกสอทธิบัตรให้แก่นักออกแบบอีกคนคือ Hendrick Bartmans ซึ่งออกแบบระบบบรรจุซ้ำด้วยการหมุนโกร่งไกปืนซองกระสุนแยพหัวกระสุนและผงดินปืนซึ่งยิงได้ 30นัดในการบรรจุครั้งเดียว ซึ่งในปี1642 Peter Kalthoff ก็ได้ออกแบบปืนในระบบล้อหมุนแบบบรรจุด้วยซองกระสุน “wheellock magazine rifle.” โดยมีการประทับคำว่า "Das Erste" บนโครงปืน ในปี1646 เขาก็ได้ออกแบบปืนแบบเดียวกันมีความจุ 30 นัด และมีการอกแบบระบบ คาบศิลายิงซ้ำเร็ว(repeating flintlock) ให้แก่เจ้าชาย Frederik แห่งเดนมาร์ก ปืนถูกสร้างใน Flensburg ซึ่งกลายเป็นปืนระบบคาบศิลาแบบแรกที่ผลิตในเยอรมนี
แบบของ Peter Kalthoff จะมีโกร่งไกและไกปืนที่โค้งมน แต่แบบของ Matthias Kalthoff จะมีโกร่งไกและไกปืนที่เรียบตรง
Caspar Kalthoff ซึ่งอยู่ใน London และผลิตปืนยิงซ้ำในช่วงปี 1654-1665 ซึ่งปืนก็ใช้ระบบรังเพลิงหมุน(rotating breech) ซึ่งปืนถูกซ่อมแซมโดย Ezekiel Baker ในปี 1818. และ ในปี1658 Caspar Kalthoff ได้ออกแบบระบบรังเพลิงแบบเลื่อนหรือ sliding box-breech ซึ่งมีความจุอยู่ที่ 7 นัด ซึ่งระบบนี้ก็มีช่างปืนใน London ออกแบบเหมือนกันคือ Harman Barnes ซึ่งจะมีการแบ่งช่องออกเป็น3ช่อง ช่องซ้ายสุดจะรับกระสุนมาเพื่อบรรจุเข้าสู่รังเพลิงโดยมีตัวกระทุ้งช่องกลางจะเลื่อนไปรับดินปืน โดยดินปืนส่วนเกินจะถูกปัดเข้าไปในช่องขวาสุดรอการบรรจุใหม่ ซึ่งระบบนี้ยังมีคนออกแบบอีกคือ Jan Flock แห่ง Utrecht, ลูกชายของ Caspar Kalthoff ยังได้เข้าไปผลิตปืน รัสเซียช่วง 1664-1666
Hans Boringholm, ลูกศิษของ Mathias Kalthoff ได้สร้างปืนบรรจุซ้ำเร็วสำหรับล่าสัตว์ ช่วงปี1670-71 และ Anders Mortensen ลูกศิษย์ของ Hans Boringholm, ก็ได้ออกแบบปืนบบรรรจุซ้ำเร็วเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดก็เรียกว่า Kalthoff gun และราวๆปี1710 Charles Cousin ได้สร้างปืนแบบ Kalthoff gun ขึ้นในฝรั่งเศส มีความจุ 15 นัด Kalthoff repeater ถูกลดบทบาทลงในช่วง1696 แต่ก็ยังมีคงคลังอาวุธจนถึงปี 1775
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใดๆมา ณ.ที่นี้ ครับ
Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Kalthoff_repeater
http://firearmshistory.blogspot.com/.../the-kalthoff...
https://www.muzzleloadingforum.com/.../been-reading.../
Cr.
#kalthoff_repeater #ป_ปืน