สวัสดีค่ะคือเรามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังค่ะ แล้วอยากให้ทุกช่วยบอกเราทีว่าค่ะเรื่องที่เรามันสมเหตุผลที่จะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าคะ โดยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเรามีดังนี้ค่ะ
ปัจจุบันเราและพ่อแยกกันอยู่กับแม่ค่ะ โดยแม่เราได้มีการเช่าที่ดินเพื่อเปิดร้านอาหารและอาศัยอยู่ที่ร้านค่ะ(จ่ายค่าไฟเป็นปัจจุบันตลอดค่ะ) แต่เมื่อวันที่3เมษาที่ผ่านมาแม่เราโทรมาขอยืมเงินเราบางส่วนไปจ่ายค่าไฟเดือนมีนาเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าไฟทั้งหมดค่ะ โดยโทรมาขอยืมเงินประมาณ 1,700 บาทค่ะ แต่พ่อกับเราไม่มีให้ แม่เราเลยบอกว่าช่วยไปหาจากที่ไหนมาก่อนได้มั้ย ต้องจ่ายค่าไฟภายในวันที่3เมษาจริงๆ พ่อเราเลยถามไปว่าทำไมต้องภายในวันที่3เมษาล่ะ แม่เราเลยบอกว่าถ้าเลยวันที่3ต้องไปจ่ายค่าไฟที่การไฟฟ้าเท่านั้น(ปกติแม่เราจ่ายที่7-11ค่ะ) แล้วจนท.จะ lock บิลค่าไฟของแม่เรา แล้วบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ทั้งหมดคือ 20,000 บาทค่ะถ้าไม่จ่ายการไฟฟ้าจะมายกหม้อตรงที่ดินที่แม่เราเช่าอยู่ค่ะ ซึ่งพ่อกับเราก็งงมากว่าทำไมต้องบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ 20,000 บาท? แม่เราไปค้างค่าไฟไว้หรอ? เลยถามไปค่ะว่าค้างค่าไฟอยู่ 20,000 หรอแต่แม่เราไม่ได้ค้างค่ะ พ่อเลยบอกให้แม่เราเล่าเรื่องทั้งหมดว่าสรุปมันเป็นยังไง
เริ่มจากตอนแรกสุดเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ มีผู้เช่าคนแรกมาเช่าที่ดิน(ที่ปัจจุบันแม่เราเช่าอยู่) มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างแล้วเปิดร้าน(ไม่ทราบว่าร้านอะไรและระยะเวลาที่เช่านานแค่ไหน) แต่แล้วผู้เช่าคนแรกจะเลิกเช่าที่ดินตรงนั้นและจะลื้อสิ่งปลูกสร้างออกด้วย แต่เจ้าของดินบอกว่าถ้าจะลื้อออกต้องเคลียร์ค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าเช่าให้หมดก่อน แต่ผู้เช่าคนแรกไม่ยอมเคลียร์และหนีไปค่ะ
จากนั้นแม่เราก็มาเช่าต่อโดยแม่เราเล่าให้ฟังว่าแม่ไปเช่ากับผู้เช่าคนแรกต่อก่อนที่เขาจะหนีไป(ไม่แน่ใจว่าเจ้าของที่ดินทราบเรื่องนี้ไหม) แต่พอผู้เช่าคนแรกหนีไปทำให้แม่ของเราต้องมาทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินแทน(ซึ่งเราก็สงสัยว่าเจ้าของที่ดินเขาไม่มีความสงสัยหรือคำถามใดๆเกี่ยวกับการเช่าต่อๆกันเลยหรอ) จากนั้น(ไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลาว่าผ่านเหตุการณ์ที่เล่ามาก่อนหน้ากี่ปีหรอกี่เดือนเพราะแม่เราบอกว่าจำไม่ได้) ก็มีเอกสารจากทางการไฟฟ้ามาแจ้งกับแม่เราเรื่องค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาท ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นค่าไฟที่ผู้เช่าคนแรกค้างไว้ แม่เราจึงนำเอกสารนี้ไปให้ผู้เช่าคนแรก(ก่อนที่เขาจะหนี) จากนั้นเมื่อกลางปีที่แล้ว(2565) ก็มีเอกสารจากทางการไฟฟ้าส่งมาหาแม่เราอีกเรื่องค้างค่าไฟ 20,000 บาท แต่รอบนี้มีจนท.มาให้เซ็นรับทราบเอกสารด้วย แต่แม่เราไม่เซ็นจนท.เลยกลับไป แล้วต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องราวปัจจุบันที่เราเล่าไปข้างต้นค่ะ
ซึ่งตอนนี้พ่อกับเราบอกให้แม่เราไปแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าของที่ดินเรื่องค่าค้างไฟค่ะ ซึ่งตอนที่แม่เล่าเรื่องให้ฟังแม่เราบอกว่าเจ้าของที่ดินเขารับรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเรื่องค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาทค่ะ พ่อกับเราเลยสงสัยว่าเจ้าของที่ดินเขาไม่จัดการเรื่องนี้เลยหรอ
จากที่เราเล่ามาทั้งหมดเราอ้างอิงจากสิ่งที่แม่เราเล่าให้ฟังค่ะ เราและพ่อเกิดข้อสงสัยมากมาย โดยเฉพาะเรื่องค้างค่าไฟที่การไฟฟ้ายอมปล่อยมาไม่รู้กี่ปีโดยที่ไม่ยกหม้อ จนตอนนี้ก็ยังใช้งานไฟฟ้าได้ปกติแบบที่ค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาท แล้วเรื่องที่แม่เราเล่าว่าต้องไปจ่ายที่ 7-11(หรือที่อื่นที่ไม่ใช่การไฟฟ้า) เท่านั้นถ้าไปจ่ายที่การไฟฟ้าแล้วจนท.จะ lock บิลค่าไฟแล้วบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ แล้วถ้าจ่ายที่ 7-11 อย่างเดียวจะไม่โดนการไฟฟ้าตามเรื่องค้างค่าไฟหรือโดนยกหม้อหรืออย่างไร?
เลยอยากฟังความคิดเห็นจากทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้หรือสมเหตุสมผลไหมที่จะเกิดขึ้นจริง?
ช่วยมาอ่านทีค่ะ เราสงสัยว่าเรื่องนี้มาสมเหตุผลไหมเกี่ยวกับการค้างค่าไฟค่ะ
ปัจจุบันเราและพ่อแยกกันอยู่กับแม่ค่ะ โดยแม่เราได้มีการเช่าที่ดินเพื่อเปิดร้านอาหารและอาศัยอยู่ที่ร้านค่ะ(จ่ายค่าไฟเป็นปัจจุบันตลอดค่ะ) แต่เมื่อวันที่3เมษาที่ผ่านมาแม่เราโทรมาขอยืมเงินเราบางส่วนไปจ่ายค่าไฟเดือนมีนาเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าไฟทั้งหมดค่ะ โดยโทรมาขอยืมเงินประมาณ 1,700 บาทค่ะ แต่พ่อกับเราไม่มีให้ แม่เราเลยบอกว่าช่วยไปหาจากที่ไหนมาก่อนได้มั้ย ต้องจ่ายค่าไฟภายในวันที่3เมษาจริงๆ พ่อเราเลยถามไปว่าทำไมต้องภายในวันที่3เมษาล่ะ แม่เราเลยบอกว่าถ้าเลยวันที่3ต้องไปจ่ายค่าไฟที่การไฟฟ้าเท่านั้น(ปกติแม่เราจ่ายที่7-11ค่ะ) แล้วจนท.จะ lock บิลค่าไฟของแม่เรา แล้วบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ทั้งหมดคือ 20,000 บาทค่ะถ้าไม่จ่ายการไฟฟ้าจะมายกหม้อตรงที่ดินที่แม่เราเช่าอยู่ค่ะ ซึ่งพ่อกับเราก็งงมากว่าทำไมต้องบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ 20,000 บาท? แม่เราไปค้างค่าไฟไว้หรอ? เลยถามไปค่ะว่าค้างค่าไฟอยู่ 20,000 หรอแต่แม่เราไม่ได้ค้างค่ะ พ่อเลยบอกให้แม่เราเล่าเรื่องทั้งหมดว่าสรุปมันเป็นยังไง
เริ่มจากตอนแรกสุดเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ มีผู้เช่าคนแรกมาเช่าที่ดิน(ที่ปัจจุบันแม่เราเช่าอยู่) มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างแล้วเปิดร้าน(ไม่ทราบว่าร้านอะไรและระยะเวลาที่เช่านานแค่ไหน) แต่แล้วผู้เช่าคนแรกจะเลิกเช่าที่ดินตรงนั้นและจะลื้อสิ่งปลูกสร้างออกด้วย แต่เจ้าของดินบอกว่าถ้าจะลื้อออกต้องเคลียร์ค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าเช่าให้หมดก่อน แต่ผู้เช่าคนแรกไม่ยอมเคลียร์และหนีไปค่ะ
จากนั้นแม่เราก็มาเช่าต่อโดยแม่เราเล่าให้ฟังว่าแม่ไปเช่ากับผู้เช่าคนแรกต่อก่อนที่เขาจะหนีไป(ไม่แน่ใจว่าเจ้าของที่ดินทราบเรื่องนี้ไหม) แต่พอผู้เช่าคนแรกหนีไปทำให้แม่ของเราต้องมาทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินแทน(ซึ่งเราก็สงสัยว่าเจ้าของที่ดินเขาไม่มีความสงสัยหรือคำถามใดๆเกี่ยวกับการเช่าต่อๆกันเลยหรอ) จากนั้น(ไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลาว่าผ่านเหตุการณ์ที่เล่ามาก่อนหน้ากี่ปีหรอกี่เดือนเพราะแม่เราบอกว่าจำไม่ได้) ก็มีเอกสารจากทางการไฟฟ้ามาแจ้งกับแม่เราเรื่องค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาท ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นค่าไฟที่ผู้เช่าคนแรกค้างไว้ แม่เราจึงนำเอกสารนี้ไปให้ผู้เช่าคนแรก(ก่อนที่เขาจะหนี) จากนั้นเมื่อกลางปีที่แล้ว(2565) ก็มีเอกสารจากทางการไฟฟ้าส่งมาหาแม่เราอีกเรื่องค้างค่าไฟ 20,000 บาท แต่รอบนี้มีจนท.มาให้เซ็นรับทราบเอกสารด้วย แต่แม่เราไม่เซ็นจนท.เลยกลับไป แล้วต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องราวปัจจุบันที่เราเล่าไปข้างต้นค่ะ
ซึ่งตอนนี้พ่อกับเราบอกให้แม่เราไปแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าของที่ดินเรื่องค่าค้างไฟค่ะ ซึ่งตอนที่แม่เล่าเรื่องให้ฟังแม่เราบอกว่าเจ้าของที่ดินเขารับรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเรื่องค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาทค่ะ พ่อกับเราเลยสงสัยว่าเจ้าของที่ดินเขาไม่จัดการเรื่องนี้เลยหรอ
จากที่เราเล่ามาทั้งหมดเราอ้างอิงจากสิ่งที่แม่เราเล่าให้ฟังค่ะ เราและพ่อเกิดข้อสงสัยมากมาย โดยเฉพาะเรื่องค้างค่าไฟที่การไฟฟ้ายอมปล่อยมาไม่รู้กี่ปีโดยที่ไม่ยกหม้อ จนตอนนี้ก็ยังใช้งานไฟฟ้าได้ปกติแบบที่ค้างค่าไฟอยู่ 20,000 บาท แล้วเรื่องที่แม่เราเล่าว่าต้องไปจ่ายที่ 7-11(หรือที่อื่นที่ไม่ใช่การไฟฟ้า) เท่านั้นถ้าไปจ่ายที่การไฟฟ้าแล้วจนท.จะ lock บิลค่าไฟแล้วบังคับให้จ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ แล้วถ้าจ่ายที่ 7-11 อย่างเดียวจะไม่โดนการไฟฟ้าตามเรื่องค้างค่าไฟหรือโดนยกหม้อหรืออย่างไร?
เลยอยากฟังความคิดเห็นจากทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้หรือสมเหตุสมผลไหมที่จะเกิดขึ้นจริง?